ปวดหลัง ปวดคอ ปวดไหล่ ไล่ยันกระดูกเพราะงานจริงหรือ ?

ปวดหลัง ปวดคอ ปวดไหล่ ไล่ยันกระดูกเพราะงานจริงหรือ ?

งานประจำเพื่อหารายได้สร้างตัว เลี้ยงครอบครัว สาเหตุหลักของการเจ็บปวดของร่างกายนั้นมีส่วนมากจากงาน 90 % กันเลย
แต่ก็ยังมีทางป้องกันได้เพื่อให้ทำงานอย่างมีสุขภาพดี

โรคที่จะเกิดจากการทำงานส่งผลกระทบต่อกระดูกและกล้ามเนื้อมีอะไรบ้าง

      ทางเราจะแยกออกเป็นกลุ่มเพื่อความชัดเจนในความเข้าใจโดยโรคที่จะเกิดขึ้นมานั้น มี 2 กลุ่มด้วยกันดังนี้
1. โรคที่เกิดชนิดเฉียบพลัน ทันที
อาการของส่วนกล้ามเนื้อ เส้นเอ็นต่าง ๆ ที่มันอาจจะฉีก ตึง เนื่องจากผ่านการใช้งานที่มากเกินไป
2. โรคที่เกิดช้า ๆ ค่อยเจ็บเรื่อย ๆ
โดยโรคประเภทนี้เราก็สามารถที่จะแยกระยะได้อีกถึง 3 ระยะว่าเจ็บแบบไหนบ้าง
2.1. การป่วยระยะแรก เริ่มมาจากการเหนื่อย เมื่อยล้า
2.2. การป่วยระยะที่สอง มีอาการเมื่อยจะมากกว่าเดิมในเวลาที่ใช้งานร่ากาย แขน ขา ศอก บ่า ไหล่ จะรู้สึกปวดได้ทันที
2.3. การป่วยระยะที่สาม  เริ่มไม่มีแรงแขน ไม่มีแรงไปทั้งตัวเลย ทำงานได้ไม่ถนัดเหมือนตอนแรก ๆ

ถ้าหากว่าใครที่เริ่มมีอาการเมื่อยล้าแล้วให้รีบพักและหาวิธีการรักษาโดยเร็วอย่าให้ลามไปถึงระยะที่ 2 – 3 เลย เพราะจะรักษาได้ยากกว่าเดิม
🤝🤝🤝
🤳 ดูเพิ่มเติม
https://frienddoctor.blogspot.com/2018/12/311261.html
🤳 ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง https://goo.gl/wNfy9b
🤳 รับบทความอื่นๆ Line@ Click https://goo.gl/M2ptPN

ฉีดซีเมนต์ รู้จักการเสริมโครงกระดูกสันหลังด้วยการฉีดซีเมนต์

รู้จักการเสริมโครงกระดูกสันหลังด้วยการฉีดซีเมนต์

           วิธีการรักษาโครงกระดูกสันหลังอาจจะมีหลากหลายและสำหรับการฉีดซีเมนต์ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยได้ดี โดยผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บปวดเพราะว่ากระดูกสันหลังนั้นหัก เสื่อมสภาพ ทรุด ผิดปกติ กระดูกสันหลังพรุน    ทางแพทย์อาจจะวินิจฉัยให้ทำการเสริมโครงกระดูกสันหลัง   ด้วยการฉีดซีเมนต์  (Vertebroplasty/Kyphoplasty ) เข้าไป และอีกกรณีคือ คนที่เป็นเนื้องอกในไขสันหลังและบริเวณใกล้เคียงก็ต้องรักษาด้วยวิธีนี้เหมือนกัน บทความนี้เราจะพามาทำความรู้จักกับการฉีดซีเมนต์คืออะไรและมีผลอะไรกับร่างกายของผู้ป่วยบ้าง

รู้จัก Vertebroplasty/Kyphoplasty คืออะไรกันนะ

         อย่างแรกเลยเราจะพูดถึง Vertebroplasty คือเป็นการรักษาเสริมโครงกระดูกสันหลังด้วยการฉีดซีเมนต์เข้าไปตรงที่สันหลังของผู้ป่วย จะเป็นเหมือนกับการเพิ่มเสาให้กับกระดูก จะทำให้กระดูกสันหลังนั้นมีความแข็งแรงมากขึ้น ลดอาการเจ็บปวดลงได้เล็กน้อย และต่อมาเป็น Kyphoplasty ที่จริงก็ไม่ได้ต่างอะไรกันมากในขั้นตอนการรักษาคล้ายกับแบบแรกเลย แต่ว่าก็ยังมีข้อที่ต่างกันอยู่คือ Kyphoplasty นั้นจะใช้บอลลูนในการถ่างที่กระดูกสันหลังตรงที่จะฉีดให้ขยายออกก่อน โดยจะเน้นไปตรงส่วนที่พรุนแล้ว บอลลูนนั่นเองจะช่วยคงรูปของกระดูกสันหลังเอาไว้แบบเดิม จากที่หักแล้วก็ไม่ให้หักเพิ่ม  โดยผู้ป่วยที่จะได้รับการวินิจฉัยให้รับการรักษาด้วยวิธีนี้คือ

(1.)                      ผู้ป่วยที่มีอาการกระดูกสันหลังทรุดเพราะกระดูกพรุน

(2.)                      ผู้ป่วยที่กระดูกสันหลังหัก

(3.)                      ผู้ป่วยที่มีอาการกระดูกสันหลังผิดรูปจากปกติ

(4.)                      ผู้ป่วยที่มีอาการกระดูกสันหลังติดเพราะมันหักหรือพรุน

(5.)                      ผู้ป่วยกระดูกสันหลังพรุน

          การรักษาด้วยการฉีดซีเมนต์นั้นมีข้อดีเหมือนกัน โดยมันจะช่วยทำให้ผู้ป่วยไม่ต้องพักฟื้นเป็นเวลานาน ๆ ส่วนมากแค่คืนเดียวก็พอแล้ว พร้อมทั้งยังลดความเสี่ยงอื่น ๆ ที่จะตามมาในขณะทำการรักษาด้วย แต่ก็มีข้อควรระวังที่เป็นความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้เหมือนกัน  อาจจะเป็นกระดูกหักใหม่เพิ่มขึ้น เกิดการติดเชื้อที่กระดูก  ซีเมนต์ที่ฉีดเข้าไปนั้นรั่วไปกดทับเส้นประสาทตรงบริเวณกระดูกสันหลัง ซึ่งจะทำให้อ่อนเพลีย แต่ปัญหาเหล่านี้ก็พบได้น้อยในผู้ป่วยที่รักษา

      ในการเข้ารับการรักษาแต่ละครั้งไม่ว่าจะเป็นที่ไหนผู้ป่วยก็จะต้องยอมรับและเข้าใจถึงข้อดีและความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน  แต่ส่วนมากแล้วในการฉีดซีเมนต์เข้าไปในกระดูกสันหลังนั้นก็ช่วยให้ผู้ปวดมีอาการปวดน้อยลงและกลับมาใช้ชีวิตแบบปกติได้เร็วยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ผู้ป่วยก็ต้องดูแลตัวเองตามที่แพทย์สั่งเพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเองต่อไป พยายามอย่าทำงานหนักเกินกว่าร่างกายจะไหว

ที่มา  https://www.bumrungrad.com/th/spine-institute-surgery-bangkok-thailand-best-jci/procedures/Vertebroplasy-kyphoplasty

โรคโพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ รู้จักโรคโพรงกระดูกสันหลังตีบแคบในผู้สูงอายุ

รู้จักโรคโพรงกระดูกสันหลังตีบแคบในผู้สูงอายุ

เรามักจะพบโรคโพรงกระดูกสันหลังตีบแคบในผู้สูงอายุมากกว่าวัยอื่น ๆ เพราะว่าคนแก่นั้นกระดูกจะมีการเสียคอลลาเจนหรือที่เรียกว่าน้ำในกระดูกไปเยอะ ถ้าเป็นเด็กจะไม่เป็นปัญหาเลย แต่ผู้สูงวัยนั้นเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียวกระดูกสันหลังส่วนเอวทำงานหนักเกิดความเจ็บปวดที่หลัง รวมถึงกระดูกอื่น ๆ ตามตัวด้วย เพราะโครงสร้างกระดูกไม่แข็งแรงแล้วนั่นเอง ในการปวดแต่ละครั้งมันร้าวลงช่วงขา ยาวลงมาถึงเท้า ร้าวลามไปทั่วตัว ทำให้ผู้สูงอายุไม่ค่อยใช้งานร่างกายกล้ามเนื้อก็พลอยอ่อนแรงไปด้วย เพราะว่าขยับแล้วปวดก็คงไม่มีใครอยากขยับอีก

รักษาโรคโพรงกระดูกสันหลังตีบอย่างไร

ในด้านของการรักษานั้นมีหลายวิธีด้วยกันโดยหลัก ๆ แล้วหากผู้ป่วยโรคกระดูกสันหลังตีบแคบนั้นจะเป็นการทำกายภาพบำบัด เป็นการทำให้กล้ามเนื้อได้ทำงานอย่างเต็มที่ กระดูกเองก็ได้ออกกำลัง บริหารไปในตัว หรือจะรักษาโดยการดึงหลัง การใช้เครื่องมือกระตุ้นไฟฟ้าเข้าช่วย การใช้เลเซอร์ สิ่งเหล่านี้จะทำให้หลังกลับมาฟื้นฟูเป็นปกติได้กล้ามเนื้อหลังก็แข็งแรง กระดูกสันหลังบางคนก็ไม่ตรงไม่มีความแข็งแรงในการยึดอาจจะเกิดการการอยู่ในท่าที่ผิดปกติ หากหลังได้ยืดได้พักก็จะช่วยให้ดีขึ้นได้

การยืดกล้ามเนื้อหลังสำหรับผู้สูงอายุ

เพื่อลดความเสี่ยงในการเป็นโรคโพรงกระดูกตีบแคบ ให้นอนหงายหลังแนบกับเตียงนอนจากนั้นกดน้ำหนักลงมาที่หลังประมาณ 10 วินาที แล้วปล่อยทำแบบนี้ประมาณวันละ 10 ครั้งก่อนนอน เป็นการช่วยยืดกล้ามเนื้อหลังได้ ถ้าใครมีผู้สูงอายุอยู่ในบ้านอยากให้แนะนำลองใช้วิธีนี้ดูหรือตัวเราเองอยากจะทำก็ได้ โดยเฉพาะคนทำงานที่จะต้องนั่นนาน ๆ หลังก็ทำงานหนักไม่แพ้คนแก่เลย

การทำกายภาพบำบัดตามที่หมอแนะนำเป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อได้เหมือนกัน เพราะคงไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าคำแนะนำของแพทย์แล้ว สำหรับคนที่ยังไม่อายุมากเท่าไร ไม่ถึงชั้นกับชราแนะนำว่าควรจะหาอาหารเสริมเข้ามาเป็นตัวช่วยในการเสริมมวลกระดูกให้แข็งแรงด้วย Marine Collagen Peptide คอลลาเจนจากปลาทะเลน้ำลึก สามารถหาได้ง่ายด้วยราคาซื้อได้ทุกคนเพราะไม่แพงเลยเป็นประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก 

อย่างไรก็ดีแม้ว่าจะมียา อาหารเสริม กายภาพบำบัดเข้ามาช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น ก็อย่าลืมระวังเรื่องอาหารการกินด้วยเพราะก็ใช่ว่าจะทานได้ทุกอย่างดั่งใจตั้งการ พวกแอลกอฮอล์ บุหรี่ ของหวาน สิ่งเหล่านี้พยายามลดบ้างมันจะดีต่อสุขภาพอย่างมา ผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวยิ่งต้องมีข้อจำกัดในการทานอาหาร แพทย์จะแนะนำอาหารที่เหมาะที่สุดควรทำตามอย่างเคร่งครัด สำหรับคนวัยทำงานที่เป็นห่วงสุขภาพตัวเองเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง เอว และคอ หาแคลเซียมหรือคอลลาเจนแบบอาหารเสริมมาทานด้วยก็ได้ เป็นการเพิ่มความแข็งแรงให้กับกระดูกตั้งแต่เนิ่น ๆ พอแก่ตัวมาอาจจะทำให้มีสุขภาพแข็งแรงกว่าที่ควรจะเป็น อย่างน้อยก็ไม่ต้องเป็นภาระของใครแก่แต่ยังสามารถเดินเหินได้ปกติเป็นอะไรที่น่าภูมิใจมาก ๆ สุขภาพดีเป็นของขวัญที่ดีที่สุดกว่าสิ่งใดอยู่แล้ว

ที่มา http://www.thaihealth.or.th/Content/36654-ห่างไกล%20'โรคโพรงกระดูกสันหลัง'.html

การทำกายบริหารทำหรับยืดอายุกล้ามเนื้อของวัยชรา

การทำกายบริหารทำหรับยืดอายุกล้ามเนื้อของวัยชรา

              หลายบ้านคงมีปู่ ย่า ตา ยาย ให้คอยดูแลอยู่ที่บ้าน สำหรับบ้านไหนที่พวกท่านยังคงแข็งแรงและสามารถช่วยเหลือตัวเองได้อยู่นั้น เราเองก็ต้องหมั่นดูแลท่านให้สุขภาพแข็งแรงยิ่งขึ้นไปอีก โดยการหาเวลาให้ท่านได้ออกกำลังกาย ทำท่ากายบริหารส่วนต่าง ๆ โดยเลือกท่าที่เหมาะสมกล้ามเนื้อจะได้มีการใช้งานและยืดหยุ่นได้เป็นอย่างดี วันนี้เรามีท่ากายบริหารมาฝากกัน 

 ทำไมผู้สูงอายุถึงควรต้องทำท่ากายบริหาร

           การให้ผู้สูงอายุนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่เฉย ๆ แบบไม่ต้องทำอะไรนั้นนอกจากจะเป็นอะไรที่ทำให้ท่านรู้สึกเบื่อแล้วยังส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายอีกด้วย โดยเฉพาะอาการปวดเมื่อบริเวณส่วนหลังเพราะนั่งนาน นอนเยอะ ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย อีกอย่างไม่ค่อยได้เดินเล่นอีกด้วยกล้ามเนื้อจึงไม่ค่อยได้ทำงานสักเท่าไหร่ การยืดหยุ่นไม่มี ทำให้เส้นตึงและรู้สึกเมื่อยขึ้นมา 

ท่ากายบริหารใดบ้างที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ

ท่ากายบริหารส่วนหลัง ทำได้โดยการให้นอนราบไปกับพื้นราบจากนั้นก็ค่อย ๆ ยกขาขึ้นมาข้างหนึ่งแล้วจากนั้นให้ใช้มือสองข้างจับตรงส่วนของข้อพับขาเอาไว้  จากนั้นให้ใช้มือที่จับดึงเขาและเข่าเข้ามาหาหน้าอกของตัวเอง ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ สลับข้างกันจะเป็นการบริหารส่วนหลัง

ท่ากายบริหารต้นขาด้านใน  เตรียมท่าโดยการนอนหงายราบไปกับพื้น จากนั้นให้เราแบะขาออก จากนั้นนำปลายเท้ามาประกับกันให้ได้ โดยมือของเรานั้นจะต้องวางอยู่บนเข่าทั้งสองข้าง จากนั้นค่อย ๆ แบะต้นขาออกเรื่อย ๆ แต่อย่าให้เท้าที่ประกับกันนั้นหลุดออกก็เป็นการบริหารต้นขาด้านในแล้ว

การบริหารต้นขาด้านล่าง เริ่มเท่าเตรียมโดยการนอนหงายราบไปกับพื้น จากนั้นให้เอาขาข้างหนึ่งนั้นเหยียดตรงยาวออกไป จากนั้นอีกอีกข้างก็ให้ไขว้เอาไว้กับขาข้างที่เหยียดออกนั้น ให้นำเอามือข้างหนึ่งไปวางแตะตรงขาที่ไขว้อยู่ ส่วนอีกข้างก็วางพื้น  ต่อมาให้ทำการดันเอาต้นขาด้านที่อยู่ตรงข้ามไปด้านที่ไขว้อยู่นั้นติดกับพื้น แต่ว่าตัวไม่ต้องหมุนตามมา ทำแบบนี้สลับกันไปมาสองข้าง

ท่ากายบริหารต้นขาด้านหลัง หนังตัวตรง ๆ เลยจากนั้นให้ทำการเหยียดขาข้างใดข้างหนึ่งไปด้านหน้า ส่วนอีกด้านพักเอาไว้ให้งอโดยที่ปลายเท้าข้างที่พับนั้นจะต้องแตะขาข้างที่เหยียดออกไป แล้วนำแขนทั้ง 2 ข้างชี้ออกไปทางปลายเท้า  ต่อมาให้ทำการโน้มตัวไปทางด้านหน้าและใช้มือทั้ง 2 ข้างนั้นแตะที่ปลายเท้า และเข่าจะต้องตึงอยู่ ทำแบบนี้สลับกันไปมาทั้งซ้ายขวา

            ท่ากายบริหารเหล่านี้ผู้สูงอายุสามารถทำได้เป็นการยืดเส้น ยืดสาย เพื่อให้กล้ามเนื้อได้เริ่มทำงานและมีการยืดหยุ่นมากขึ้น สำหรับคนที่ยังไม่เคยทำในช่วงแรก ๆ อาจจะต้องค่อย ๆ ทำเพราะว่าจะมีอาการปวดเมื่อยบ้างเล็กน้อย หากทำไปนาน ๆ ร่างกายจะปรับสภาพได้และสามารถทำท่ากายบริหารได้แบบสบาย ๆ เพียงเท่านี้กล้ามเนื้อของเหล่าผู้สูงอายุที่บ้านก็จะต่ออายุไปได้อีกนานเลย

ที่มา https://www.doctor.or.th/ask/detail/6421

หุ่นยนต์ฝึกเดินช่วยทำกายภาพบำบัดได้ดีมากแค่ไหน

หุ่นยนต์ฝึกเดินช่วยทำกายภาพบำบัดได้ดีมากแค่ไหน

             หุ่นยนต์ฝึกเดินเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เข้ามาช่วยในเรื่องของการทำกายภาพบำบัดสำหรับผู้ป่วยที่เหมาะสม ซึ่งมันจะทำหน้าที่ในการพยุงตัวของผู้ป่วยได้เป็นอย่างดี ในบางโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและภาคเอกชนมีการนำหุ่นยนต์ชนิดนี้มาใช้บ้างแล้วเพราะว่าประสิทธิภาพการทำงานของหุ่นก็ช่วยทุ่นแรงคนได้มากเลยทีเดียว ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่ใช้หุ่นยนต์ฝึกเดินในการทำกายภาพบำบัดจะเป็นผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาทและสมอง อย่างเช่นคนที่เป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบ หรือไม่ก็เป็นโรคพาร์กินสัน 

ทำความรู้จักหุ่นยนต์ฝึกเดิน

        หุ่นยนต์ฝึกเดินถูกสร้างมาเพื่อเป็นตัวช่วยผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาท สอง และกล้ามเนื้ออ่อนแรง ไม่สามารถที่จะช่วยตัวเองให้ลุกเดินเหมือนคนปกติได้ ซึ่งหุ่นยนต์ตัวนี้ถูกออกแบบมาให้ทำงานด้วยระบบคอมพิวเตอร์ช่วยในการควบคุมการเคลื่อนไหว การลงน้ำหนัก การเดินบนพื้นที่สภาพแตกต่างกัน หน้าที่หลักของหุ่นยนต์ฝึกเดินในการทำกายภาพบำบัด ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถพยุงตัวเองและรับน้ำหนักตัวเองในการเดินได้ เพิ่มศักยภาพในการเดินใกล้เคียงปกติมากที่สุด และที่สำคัญคือ หุ่นยนต์ยังสามารถแสดงงผลการทำงานของกล้ามเนื้อในรูปแบบเรียลไทม์ ซึ่งจะเป็นข้อดีที่ช่วยให้แพทย์วางแผน
การรักษาขั้นต่อไปได้ง่ายมากขึ้น

ประโยชน์ของการใช้หุ่นยนต์ฝึกเดิน

หุ่นยนต์ช่วยให้ผู้ป่วยมีความสม่ำเสมอในการทำกายภาพบำบัด พร้อมกันนั้นช่วยเพิ่มระบบการทำงานของสมองให้ดีขึ้น สามารถสั่งงานให้ขาก้าวเดินได้เองหากมีการฝึกบ่อย ๆ ยิ่งฝึกมากโอกาสที่จะกลับมาเป็นปกติก็ยิ่งมีสูง ตัวหุ่นเป็นผู้ช่วยหลายอย่างในการฝึกเดิน เช่น การก้าวเท้า การลงน้ำหนักขาแต่ละข้าง การเดินบนพื้น การเดินขึ้น – ลง บันได กล้ามเนื้อไม่ค่อยเมื่อยล้าเพราะมีหุ่นช่วยอยู่ อยากจะเดินเร็วเดินช้าหุ่นยนต์ฝึกเดินสามารถปรับระดับได้หมดตามความเหมาะสมของร่างกาย  กล้ามเนื้อมีความแข็งแรงกว่าเดิม เดินได้ในระยะไกลกว่าเดิม ในการพยุงน้ำหนักของหุ่นยนต์นั้นมันจะเป็นตัวช่วยรับน้ำหนักของผู้ป่วยไปส่วนหนึ่งทำให้ไม่ต้องลงน้ำหนักทั้งหมดในระหว่างการฝึก ยิ่งถ้าฝึกบ่อยครั้งก็จะสามารถกลับมาเดินได้ใกล้เคียงกับการเดินแบบธรรมชาติมากที่สุด
เป็นข้อดีของการมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำกายภาพบำบัด ความแม่นยำในการวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลผู้ป่วยดีกว่าเดิม ทำให้ทีมแพทย์สามารถทำงานได้อย่างสะดวกและรวดเร็วขึ้น และส่งผลดีต่อผู้ป่วยเองด้วยที่มีโอกาสจะกลับมาเป็นปกติได้ในระยะเวลาเร็วกว่าเดิม แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะอาการป่วยและสภาพร่างกายของผู้ป่วยแต่ละคนอีกด้วย หากใครที่กำลังอยากหาวิธีทำกายภาพบำบัดอยู่ลองสอบถามทางแพทย์ดูว่ามีหุ่นยนต์ช่วยหรือไม่เผื่อจะทำให้อะไร ๆ ดีมากขึ้นกว่าเดิม

ที่มา https://www.bumrungrad.com/th/neurology-stroke-dementia-neurosurgery-treatment-center-bangkok-thailand/procedures/Robotic-training-in-stroke-rehabilitation

มารีนคอลลาเจนแป็บไทม์ จำเป็นต่อกระดูกข้อทุกคน

มารีนคอลลาเจนแป็บไทม์ จำเป็นต่อกระดูกข้อทุกคน

        ตอนนี้คุณอายุเท่าไหร่แล้ว ? ดูเป็นคำถามที่เสียมารยาทสักหน่อย คุณไม่ต้องตอบออกมาก็ได้แต่ว่าคำถามนี้คุณควรจะถามตัวเองเพื่อสุขภาพกระดูกและร่างกายของคุณเอง อย่าลืมว่าเราแก่ขึ้นทุกวันร่างกายมันมีวันโรยรา เสื่อมสภาพได้ง่าย ๆ หากเราไม่ดูแลดี ๆ เป็นไปได้สูงที่จะโรยราก่อนวัยอันควร บ้างก็ป่วยเรื้อรัง บ้างก็ต้องทรมานกับร่างกายที่เหนื่อยล้าง่าย ไม่ว่าจะแบบไหนก็ไม่ดีทั้งนั้น วันนี้เรามาพูดถึงกระดูกที่สูญคอลลาเจนไปซึ่งเป็นตัวหลักที่ทำให้ร่างกายไม่แข็งแรงเหมือนเดิม การเติมคอลลาเจนที่เป็นประโยชน์กระดูกเป็นสิ่งจำเป็น

Marine Collagen Peptide จำเป็นต่อกระดูกข้ออย่างไร

       ในกระดูกจะมีคอลลาเจนมีคอลเซียมและส่วนประกอบอื่น ๆ เยอะมากที่เป็นตัวสร้างความแข็งแรงให้กับกระดูก เราจะไม่มีปัญหาเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้เลยหากว่าเรายังอายุน้อยอยู่ แต่พอเริ่มโตพ้นวัยรุ่นมาสักหน่อยแล้ว ก็ควรจะหันมาดูแลตัวเองให้มากขึ้น marine collagen peptide วัยไหนก็ทานได้ ไม่ว่าจะเป็นวัยทำงาน วัยเรียน นักเรียนมัธยม นักศึกษามหาลัย ครู อาจารย์ ไม่ว่าจะเป็นวัยไหนถ้ามีอายุตั้งแต่ 25 ปีทานได้ทั้งนั้น กระดูกมันเสื่อมง่าย ร่วงโรยไปตามวัย ยิ่งอายุเยอะก็เป็นธรรมดาที่มันจะเสื่อม แต่เราก็สามารถชะรอมันได้หากต้องการ 

       เราจะสังเกตเห็นว่าคนแก่คนสูงวัยทั้งหลายมักจะบ่นปวดข้อเข่า ปวดเอว ปวดตามข้อต่าง ๆ นั่นเป็นเพราะกระดูกทำงานได้ไม่เต็มที่แล้วหรือไม่ก็เรียกอีกอย่างคือ กระดูกไม่ไหวสำหรับกิจกรรมหนัก ๆ แล้วนั่นเอง ก่อนที่จะสูญเสียคอลลาเจนมากกว่า ทาน marine collagen peptide ในอาหารเสริมที่มีคุณภาพ ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก อ.ย. เราจะช่วยเติมเต็มสิ่งที่เราสูญไปได้ ทำให้โครงสร้างกระดูกมีความแข็งแรงมากขึ้น ช่วยชะรอความแก่ไปอีกขั้น แม้อายุมันจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ  แต่ก็เป็นเพียงตัวเลขเท่านั้น เมื่อร่างกายเรายังแข็งแรงก็ทำงานได้ดีขึ้น

ประโยชน์ของคอลลาเจนมีลีนปลาทะเลน้ำลึกที่นอกจากช่วยบำรุงกระดูก

นอกจากจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกระดูกข้อเข่า และกระดูกอื่น ๆ ในร่างกายแล้วคอลลาเจนจากปลาทะเลน้ำลึก marine collagen peptide ยังมีประโยชน์ในด้านอื่น ๆ ด้วย เส้นผมก็จะได้รับการบำรุงให้มีความแข็งแรง ไม่หลุดร่างง่าย ผมดำดก ไม่แตกปลายง่าย เล็บมีความชุ่มชื้นสุขภาพดีไม่เหลือง และที่โดดเด่นกว่านั้นคือช่วยทำให้ผิวมีสุขภาพดีดูอ่อนกว่าวัยเรียกว่าทำให้หน้าเด็กก็ถูกเลยคอลลาเจนทำให้ผิวดีขึ้นลดการเกิดริ้วรอยได้ดี

เมื่อเห็นถึงประโยชน์ของคอลลาเจนปลาทะเลน้ำลึก marine collagen peptide แล้วก็อย่ารอช้ารีบหามาทานกันหน่อยก็ดีนะ เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเราเองตอนนี้เราอายุเท่ากันกันแล้วเกิน 25 ปี กันไปหรือยังหรือกำลังจะถึง ทานไว้เถอะมันไม่เสียหายระบบภายในร่างกายของเรามันเสื่อมสภาพได้เพียงแต่เรามองไม่เห็นด้วยตาตัวเอง แต่หากมันอาการหนักขึ้นมาความเจ็บปวดต่าง ๆ เริ่มมาเยือนอย่างแน่นอน อย่าปล่อยให้ถึงเป็นแบบนั้นรีบหันมาดูแลตัวเองก่อนจะช้าไปกว่านี้หากยังต้องการใช้ร่างกายทำอะไรอีกหลาย ๆ อย่าง และอย่าลืมเลือกอาหารเสริมที่มี อย. ด้วยนะ

กระดูกเสื่อม สุภาพสตรีกระดูกเสื่อมเร็วมากต้องรีบฟื้นฟูด่วน

สุภาพสตรีกระดูกเสื่อมเร็วมากต้องรีบฟื้นฟูด่วน

  

โรคกระดูกพรุนพบได้มาในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายเป็นปัญหาใหญ่มากในการดำเนินชีวิต ทำไมกระดูกถึงพรุนได้ง่าย ๆ เมื่ออายุเริ่มมากขึ้น นั่นเป็นเพราะว่าร่างกายมันไม่ได้ทำงานได้ดีเหมือนแต่ก่อนเมื่อตอนเป็นเด็กและหนุ่มสาว หากย้อนไปตอนเด็กกระดูกสามารถสร้างมวลกระดูกสร้างความแข็งแรงได้เอง แต่พอโตมาอายุสัก 25 ปี การสร้างเริ่มลดน้อยลง การสูญเสียมวลกระดูกมากขึ้นจึงทำให้มันเสื่อมสภาพและพรุนไปในที่สุดนั่นเอง

กระดูกพรุนพบมากในผู้หญิงอายุเท่าไหร่

ผู้หญิงที่เป็นโรคกระดูกพรุนส่วนใหญ่มักจะพบในช่วงอายุ 30 – 40 ปี ขึ้นไปแล้ว จะบอกว่าการสร้างมันน้อยมากสร้างไม่ทันกับที่มันเสียไปนั่นเอง แต่ก็มีตัวช่วยอย่างการทานคอลลาเจน ทานแคลเซียม แต่ว่าสำหรับแคลเซียมนั้นหากเราไม่รู้ปริมาณที่พอเหมาะสำหรับร่างกายตัวเองจะทำให้เกิดการมีกระดูกงอกออกมาได้ซึ่งก็อันตรายไม่น้อย ฉะนั้นแล้วคอลลาเจน กับ เซซามีน จะเป็นตัวช่วยในด้านนี้ได้ค่อนข้างดี และยิ่งกระดูกส่วนของสะโพกนั้นเกิดการพรุนและหักจะอันตรายกว่าเดิมพัน ดังนี้

1.       มีการเสียชีวิตแล้ว 20% กระดูกหักใน 1 ปี

2.       พบการ พิการอย่างถาวร 30 %

3.       ต้องใช้เครื่องมือในการช่วยพยุงขณะเดิน 40 %

4.       ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ในกิจกรรมปกติของชีวิตประวัน 80 %

หากเป็นแบบนี้ไม่ดีแน่ ๆ สำหรับคนที่รู้ตัวว่าทำงานหนักและอายุเริ่มมากขึ้นแล้วควรใส่ใจในด้านสุขภาพบ้างมันจะดีไม่น้อยเลย วิธีการหาส่วนที่ขาดเพื่อมาสร้างมูลกระดูกนั้นทานเป็นอาหารเสริมจะง่ายที่สุด ทานง่าย หาซื้อง่ายอีกด้วย แต่ก็ต้องเลือกเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่บำรุงกระดูกที่เชื่อถือได้ มีการรับรองมาตรฐานจาก อย. เรียบร้อย ทางที่ดีควรปรึกษาแพทย์หากอยากจะทานแบบถูกวิธี

สำหรับคนที่อยากจะป้องกันอาการกระดูกพรุน

เริ่มตั้งแต่ตอนนี้หากร่างกายของคุณยังไม่เป็นอะไรมาก พยายามลด ละ เลิก เลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอทุกชนิด ไม่สูบบุหรี่ และสิ่งที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เช่นการยกของหนักให้พยายามหาเครื่องทุ่นแรงเข้ามาช่วย รวมถึงการรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ อาหารที่มีแป้งและน้ำตาลเยอะ พอทานเยอะจะทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นจากนั้นกระดูกอ่อนก็ทำงานหนัก เสี่ยงต่อการหักได้ง่าย ๆ ร่างกายเรารับน้ำหนักตัวเกิดขนาดไม่ค่อยอยู่แล้ว คนอ้วนจะเป็นกระดูกพรุน กระดูกเสื่อมง่ายเหมือนกัน ควรเลือกทานผัก ผลไม้เยอะ ๆ ทานนมเยอะ ๆ และดื่มน้ำเยอะ ๆ ในหนึ่งวันเพื่อสุขภาพที่ดีของคุณเอง

บางคนอาจจะคิดว่าผู้สูงอายุเท่านั้นจะเป็นโรคกระดูกพรุนแต่รู้ไหมว่าคิดผิดมาก ๆ มันก็จริงที่เปอร์เซ็นตัวเลข 40 – 50 % ที่เป็นโรคนี้คือคนแก่ แต่ก็ยังมีอีกหลายเปอร์เซ็นที่เกิดขึ้นกับคนธรรมดา อย่าคิดว่าไม่เป็นอะไรเพราะร่างกายของเราอ่อนไหวต่อสิ่งต่าง ๆ มากกว่าที่คิด กระดูกหากมันไม่ได้ทำหน้าที่ของมันก็ใช้ชีวิตลำบาก เคลื่อนไหวยากมากบางคนก็พิการแบบถาวรไปเลย ซึ่งก็เป็นการสร้างภาระให้กับคนในครอบครัวอีก หันมาดูแลกระดูกกันเถอะ

ที่มา https://www.bangkokhospital.com/index.php/th/diseases-treatment/bone_06

อัมพฤกษ์ อัมพาต ป้องกันได้ถ้าใส่ใจสุขภาพ

อัมพฤกษ์ อัมพาต ป้องกันได้ถ้าใส่ใจสุขภาพ

           โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต ก็คงไม่มีใครอยากจะเป็นก็เท่าที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าหากเราป่วยเป็น อัมพฤกษ์ อัมพาต นั้นจะเป็นการสร้างภาระให้กับตัวเองและคนในครอบครัวอย่างมากกับการรักษาและคอยดูแล  แต่ตอนนี้เรา ๆ ยังมีสุขภาพที่ดีอยู่ ยังสามารถช่วยตัวเองได้ไม่ต้องลำบากใครนั้นก็ให้ดูแลตัวเองให้ดี แล้วอัมพฤกษ์ อัมพาตก็จะห่างไกลออกไป มาป้องกันไม่ให้เกิดกันดีกว่า

วิธีการป้องกันการเกิดโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต เบื้องต้น

ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ร่างกายควรจะได้รับการออกกำลังเพื่อให้ได้มีการใช้งานกล้ามเนื้อในทุก ๆ ส่วนของร่างกายเพื่อให้แน่ใจว่าเรายังสามารถใช้ร่างกายทุกส่วนตามที่ใจเราต้องการ ตามที่สมองเราสั่งงานอยู่ การออกกำลังกายเป็นการทำให้สุขภาพดียิ่งขึ้นโรคอัมพฤกษ์ อัมพาตก็จะไม่เป็นง่าย ๆ

ระวังอุบัติเหตุ   ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อยก็ตามถ้าเป็นไปได้อย่าประมาทกับอะไรทั้งสิ้นเพราะว่าอุบัติเหตุนั้นเป็นตัวการและสาเหตุที่ทำให้คนเรานั้นเป็นโรคอัมพฤกษ์ อัมพาตได้มากที่สุด บางคนอาจจะเป็นแค่ครึ่งท่อนทรมานแบบครึ่ง ๆ กลาง บางคนก็เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตทั้งตัว ก็ทรมานไปทั้งตัวเลยที่สำคัญคือทรมานใจมาก ๆ

นวดให้ถูกวิธี การนวดก็เสี่ยงเหมือนกันโดยเฉพาะการนวดจับเส้นควรจะให้หมอนวดมืออาชีพนวดให้ ไม่ควรจับเส้นเองเพราะหากจับผิดเส้นขึ้นไม่อาจจะไม่ใช่แค่ อัมพฤกษ์ อัมพาต เท่านั้น ยังส่งผลให้เสียชีวิตได้ง่าย ๆ เลย

ใช้งานร่างกายหนัก  แม้จะเป็นการใช้งานหนักเพียงบางส่วนก็ตามร่างกายมันมีขีดจำกัดในการใช้งานของมันอยู่ หากเราใช้งานส่วนไหนมากๆ แล้วไม่มีการพักส่วนนั้นก็จะเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้เหมือนกัน ฉะนั้นก็ต้องรู้จักพักผ่อนบ้าง

พักผ่อนน้อย  เป็นข้อเสียสำหรับทุก ๆ ด้านของร่างกายเลย การพักผ่อนส่งผลให้เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาตได้โดยเฉพาะทางสมองเพราะว่าไม่มีการพักผ่อนร่างกายก็จะเมื่อยสมองก็จะล้าสุดท้ายก็ต้องสูญเสียพลังงานความคิดและส่วนประสาทรับรู้ของสมองไปจนเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตทางสมองไปเลย
         สรุปก็คือหากไม่อยากจะป่วยเป็นโรค อัมพฤกษ์ อัมพาตก็ต้องรู้จักดูแลตัวเอง รู้วิธีป้องกันใช้ชีวิตทุกวินาทีอยู่ในความไม่ประมาท ทำทุกอย่างด้วยความรอบคอบและมองการไกล สุขภาพเป็นสิ่งที่เราต้องใส่ใจมาก ๆ ร่างกายนี้จะอยู่กับเราได้นานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับว่าเรานั้นสามารุที่จะดูแลร่างกายนี้ได้นานแค่ไหนด้วย หากเราดูแลไม่ดีโรคภัยต่าง ๆ ก็จะมาแย่งไปทำให้ป่วยและเสียร่างกายไปในที่สุดนั่นเอง

การเคลื่อนไหวของข้อนิ้วมือและฝ่ามือเป็นอย่างไร

การเคลื่อนไหวของข้อนิ้วมือและฝ่ามือเป็นอย่างไร

       มาต่อกันที่บทความนี้เรื่องของการเคลื่อนไหวในส่วนของนิ้วมือและฝ่ามือเป็นหลัก ฝ่ามือของเราก็สามารถที่จะเคลื่อนไหวได้เหมือนกัน การทำงานของเราแต่ละวันทำให้นิ้วและมือของเราต้องเหนื่อยมากไปหรือไม่ลองสังเกตเองดีและทำความเข้าใจกับธรรมชาติที่มันควรจะเป็นและหันมาใช้งานอย่างเหมาะสมกันดีกว่า 

ความสำคัญของนิ้วมือและฝ่ามือ

            ไม่ว่าจะกับงานการใดนิ้วมือ ฝ่ามือ รวมถึงมือทั้งมือก็ย่อมมีความสำคัญอย่างมากโดยเฉพาะคนที่เป็นนักกีฬาที่ต้องใช้มือในการจับด้ามสิ่งต่าง ๆ ในการเล่น แม้กระทั่งการจับเพื่อโหน หรือจับอุปกรณ์ทำครัว อีกมากมายหลายอาชีพที่จะต้องมีการใช้นิ้วล็อกและมือจับให้แน่นอย่างแน่นฝ่ามือ เพื่อให้เกิดความผิดพลาดในการทำงานน้อยที่สุดหรือไม่มีอะไรผิดพลาดเลย 

การเคลื่อนไหวของนิ้วมือและฝ่ามือเป็นอย่างไร

          ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว เพราะว่ามือและนิ้วของเรานั้นเคลื่อนไหวแต่ดีมากแถมนิ้วหัวแม่มือยังแยกออกมาได้อีกด้วย และยังมีฉากพอดีกับอีกนิ้วที่เหลือทำให้เวลาที่ใช้งานในการจับ หยิบ กำ สิ่งของต่าง ๆ มีความแน่นมากกว่าเมื่อเทียบกับมือของลิง หรือสัตว์อื่น ๆ ที่มีมือสำหรับการจับคล้าย ๆ กัน เพราะมีนิ้วหัวแม่มือช่วยเสริมแรงความแน่นในการจับเราจึงจับได้อยู่หมัด ไม่ว่าจะกิจกรรมใด ๆ ก็ตาม

มีอาการปวดนิ้วมือ ฝ่ามือ และมือ จะทำอย่างไร

         ก่อนเลยจะต้องชะงักกิจกรรมที่กำลังทำอยู่ในตอนนั้นแต่ถ้าหากเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหยุดกะทันหันได้ก็ให้ลดความเร็วในการทำลงมา เพื่อให้นิ้วมือได้มีการพักไปในตัวแบบช้า ๆ และเมื่อได้หยุดพักแล้วต้องหายา หรือน้ำมันแก้เมื่อยต่าง ๆ มาทาเพื่อบรรเทาอาการปวด หรือจะทำการบริการนิ้วมือและมือไปด้วยก็ได้ เช่นการฝึกทักษะในการกำมือให้มีความแน่น การออกแรงกำลูกกลม ๆ สักอย่าง การบริหารด้วยสปริงมือ เป็นต้น   

            อย่าปล่อยให้นิ้วมือ ฝ่ามือ และมือของเราทั้งหมดนั้นมีอาการบาดเจ็บเพราะว่า จะทำให้เราทำงานได้ลำบากมากขึ้นทำอะไรก็ไม่ถนัดไปเลย หากไม่มีมือแล้วเราจะทำอะไรได้เพราะว่าทุกวันย่อมต้องได้ใช้งานมือกันอยู่ตลอด แทบจะทุกงานเลย ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ก็ตาม  หากมีอาการปวดมือจากการเคลื่อนไหวการทำงานต่าง ๆ ควรรีบปรึกษาแพทย์ในทันทีเพื่อหาทางการรักษาต่อไป แต่ถ้าหากปวดยังไม่มากพักแล้วจะหายก็ต้องพักไม่ควรฝืนทำงานต่อไปเพื่อรักษานิ้วมือและส่วนมือต่อไปนาน ๆ

ที่มา https://www.doctor.or.th/article/detail/5934

ตำแหน่งการจัดวางเมาส์และแป้นพิมพ์อย่างไรให้ดีต่อสุขภาพกระดูกสันหลังและร่างกายส่วนอื่น ๆ

ตำแหน่งการจัดวางเมาส์และแป้นพิมพ์อย่างไรให้ดีต่อสุขภาพกระดูกสันหลังและร่างกายส่วนอื่น ๆ

            การนั่งทำงานหน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ของเรานั้นหากไม่ถูกจัดวางอย่างถูกต้องจะทำให้เสียสุขภาพได้เช่นกัน การจัดวางโต๊ะ การจัดวางเก้าอีก รวมไปถึงการจัดวางแป้นพิมพ์และการวางเมาส์ด้วย บทความนี้เราจะมีแนะนำการจัดวางคีย์บอร์ดและเมาส์ให้ถูกวิธีและการนั่งทำงานที่ถูกต้องสำหรับคนทำงานหน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะเลย'

จัดวางโต๊ะทำงานและอุปกรณ์ผิดหลักจะเกิดอะไรขึ้น

           ผลเสียที่จะตามมาถ้าหากจัดวางโต๊ะทำงานอย่างไม่ถูกหลักคือ สุขภาพของคนทำงานเองที่จะเสียโดยจะส่งผลกระทบโดยตรงไปสู่หลัง บ่า ไหล่ กล้ามเนื้อส่วนขา ขา และเส้นเลือดด้วย ทำให้เกิดการบาดเจ็บขึ้นมาภายในได้ เช่นอาจจะเป็นเส้นประสารทอักเสบ เส้นเอ็นอักเสบ ตรงบริเวณที่เป็นเส้นเอ็นรอบอุโมงค์ เอ็นตรงส่วนของข้อศอกอักเสบ กล้ามเนื้อส่วนแขน บ่า ไหล่ อักเสบ  เป็นต้น

การจัดวางเมาส์และคีย์บอร์ดที่ถูกหลัก มีดังต่อไปนี้

·         ระดับความสูงของที่วางคีย์บอร์ดและเมาส์นั้นควรอยู่พอดีกับมือและเขนของเราเลย ประมาณ 90 องศา ทำให้เป็นที่ราบและขนาดกันเพราะจะได้ไม่ต้องใช้งานแขนมากเกินไป หรืออาจจะสูงกว่าแขนบ้างเล็กน้อยได้แต่ไม่ควรที่จะต่ำกว่านั้นเพราะว่ามันจะทำให้มือของเราต้องใช้แรงกดมากเวลาที่นั่งทำงาน  แขนตรงบริเวณส่วนบนนั้นไม่ต้องเหยียดออกถึงจะพอดี หัวไหล่จะต้องไม่เกร็ง ข้อมือไม่มีการยก ไม่ต้องงอ และไม่ต้องกระดก จะต้องอยู่ในแนวราบขนานเลย  เพราะว่าหากต่ำว่านั้นมันอาจจะต้องทำให้เราต้องก้มมาก ๆ ส่วนถ้าหากมันสูงกันไปไหล่ของเราก็จะยกขึ้น ฉะนั้นความพอดีจะดีสุด

·         มาในส่วนของการเลือกโต๊ะเก้าอี้ ในส่วนของโต๊ะอาจจะไม่มีปัญหาอะไรเพราะว่าส่วนใหญ่มันก็ปรับระดับความสูงของมันไม่ได้อยู่แล้ว แต่ว่าเก้าอี้เราสามารถเลือกที่มันปรับได้จะดีกว่า เพราะว่าจะได้ปรับระดับให้เข้ากันกับโต๊ะ เวลาที่เรานั่งจะได้สบายตัวมากที่สุด อาจจะเป็นเก้าอี้สำนักงาน เมื่อได้ที่นั่งแล้วก็ควรจะมีที่พักเท้ากรณีที่โต้โต๊ะไม่มีเพราะว่าหากขาหย่อนลงไปเสี่ยงต่อการทับเส้นเลือกตรงบริเวณส่วนของขาเรานั่นเอง

·         คีย์บอร์ดนั้นจะต้องวางอยู่ทางด้านหน้าของคนใช้งานและให้อยู่ติดกับตัวมาก ๆ ที่เท่าจะทำได้แต่ก็ต้องใช้งานได้อย่างถนัดมือด้วยเช่นกัน หากวางไกลเกินไปจะทำให้เราต้องยืดแขนออกเวลาที่จะใช้งานอยู่ตรงกลางและทำให้วางแขนกับเก้าอี้ได้แบบสบาย ๆ จะดีที่สุดหากพอดีแล้วหัวไหล่ของเราก็จะไม่ต้องเกร็งมากด้วย อีกวิธีหนึ่งคือหากไม่สามารถที่จะนำเอาคีย์บอร์ดเข้ามาอยู่ใกล้ ๆ กับตัวได้เราเองก็ต้องโน้มเข้าไปหามันเพื่อจะได้พิมพ์ได้อย่างถนัด ๆ มือนั่นเอง แต่ว่ามันก็เสี่ยงเหมือนเดิมเพราะอาการปวดหลังคงมาเยือนไม่นานแน่ ๆ

·         การวางเมาส์และคีย์บอร์ดมันควรที่จะอยู่ในระดับเดียวกันเพราะว่ามันเป็นสิงที่ใช้งานใกล้ ๆ กันและใช้งานบ่อยอีกด้วย ในบางชนิดของโต๊ะคอมพิวเตอร์นั้นจะทำเป็นช่องสำหรับการวางแป้นพิมพ์มาให้โดยเฉพาะเลยแต่ว่าดันไม่มีที่สำหรับการวางเมาส์ เลยต้องเอาเมาท์ไปวางบนโต๊ะแทนแบบนั้นก็จะทำให้ต้องขยับแขนบ่อยขึ้น

·         เมื่อเราจัดวางทุกอย่างเข้าที่เข้าทางจนหมดแล้วเราก็ต้องสังเกตตัวเองว่าระดับการวางแขน ศอก ของเรานั้นพอดีกับที่พักของเก้าอี้แล้วหรือยัง เพราะว่าแม้จะวางทุกอย่างเข้าที่แล้วแต่แขนยังคงมีการเกร็งอยู่กล้ามเนื้อก็ยังทำงานหนักเหมือนเดิม ฉะนั้นการเลือกท่านั่งที่ถูกก็สำคัญเหมือนกันและต้องพยายามนั่งหลังตรงเข้าไว้จะดีต่อสุขภาพหลังด้วย

              เพื่อสุขภาพที่ดีของเราเองการจัดที่นั่งโต๊ะทำงาน โต๊ะคอมพิวเตอร์ให้ถูกหลักควรเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาก เพราะสุขภาพหลัง บ่า ไหล่ และกล้ามเนื้อส่วนอื่น ๆ ของร่างกายจะได้ไม่ได้รับบาดเจ็บ หากเป็นอะไรขึ้นมาแล้วเสียเวลาในการรักษาและกว่าจะกลับมาหายเป็นปกติได้อาจจะต้องใช้เวลา แม้ว่าจะไม่ใช่โรคร้ายแรงอะไรแต่คงไม่มีใครอยากจะเป็นอย่างแน่นอน

ที่มา https://www.doctor.or.th/article/detail/4231