ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวอาการหวัดและไซนัสอักเสบ
ไซนัสอักเสบ (Sinusitis) หรือชอบเรียกสั้นๆ
ว่าเป็นไซนัส (Sinus) เป็นโรคที่สามารถเกิดได้กับทุกคนไม่ว่าจะวัยใดก็ตาม เป็นโรคเกี่ยวกับโพรงจมูกและการเป็นโพรงไซนัสอักเสบ
สาเหตุนั้นเกิดขึ้นมาเพราะว่ามีไวรัส เชื้อรา และเชื้อเบคทีเรียบางตัว แต่มันก็มีหลายสาเหตุมากที่ทำให้เกิดอาการไซนัสอักเสบออกมาได้
ก็คงไม่มีใครอยากจะเป็นกันอยู่แล้วสำหรับไซนัสพอเป็นแล้วจมูกก็เริ่มจะหายใจไม่ค่อยออก
แน่นจมูก มีเสมหะลงคอ บางคนก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นแต่พอเป็นหวัดมาได้สักพัก ไซนัสก็ดันแทรกมากับหวัดด้วยเสียอย่างนั้น
เป็นแบบนี้มันจะทำให้ไซนัสอุตันโพรงจมูกได้
ระยะเวลาที่เปิดไซนัสจะแบ่งออกได้เป็น
2 ชนิดด้วยกัน
·
เป็นไซนัสแบบเฉียบพลัน แบบนี้ถือว่าไม่ค่อยร้ายแรงนักแต่ก็มีเป็นนานเหมือนกัน
คือมีอาการอยู่ประมาณน้อยกว่า 12 สัปดาห์ แต่พอหลังจากนั้นผู้ป่วยไซนัสหลายคนก็เริ่มมีอาการดีมากขึ้นกว่าเดิม
แต่ก็ต้องได้รับการรักษาจากแพทย์ไม่ใช่รอให้หายเอง
เพราะเกรงว่าอาจจะมีโรคอื่นเข้ามาแทรกซ้อนได้ง่าย ๆ
หากมีอะไรเป็นโรคแทรกเข้ามาร้ายแรงอาจจะได้ผ่าตัดเลยนะ
·
เป็นไซนัสแบบเรื้อรัง ก็เริ่มนับว่ามีอาการแบบเรื้อรังได้ก็ต้องหลังจาก
12 สัปดาห์ขึ้นไป
ซึ่งคนที่เป็นร้ายแรงเรื้อรังแบบนี้มีโอกาสที่จะต้องผ่าตัดมากกว่า
เพราะว่ามันร้ายกว่าเฉียบพลันอย่างมาก
บางทีมันก็ยากจะแยกออกว่าตกลงที่เป็นอยู่นั้นเป็นแค่หวัดธรรมดา
หรือว่าเป็นไซนัสกันแน่เนื่องจากว่าสภาพอาการมันคล้ายกันอย่างมาก คือ
น้ำมูกจะเป็นสีขุ่น ปวดคัดตรงบริเวณจมูกและรอบใบหน้า บางคนอาจจะเป็นไข้ด้วยก็มี
แต่มันก็ยังมีข้อที่แตกต่างกันอยู่ระหว่างไซนัสกับการเป็นหวัดธรรมดา
ไซนัสแตกต่างจากการเป็นหวัดคือ ดังนี้
- เป็นนานมากกว่า 1 อาทิตย์ หรือ 5 วันก็เริ่มคิดว่าเป็นไซนัสได้แล้ว
- เริ่มมีอาการหวัดหายไปแต่ว่า
มันกลับแย่ลงมากกว่าเดิมในส่วนของร่างกายและโพรงจมูก
- ปวดศีรษะ มีไข้ขึ้นสูงมาก
สายตาเริ่มมองเห็นไม่ชัด
ถ้าหากไม่แน่ใจในอาการว่าตกลงตนเองเป็นไข้หวัดหรือว่าเป็นไซนัสควรที่จะเข้าพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
เพราะว่าหากเกิดเป็นเรื้อรังหรือมีอาการแทรกซ้อนอย่างอื่นเข้ามาแล้วมันจะทำให้รักษายากมากขึ้นกว่าเดิม
ไซนัสอาจจะเป็นโรคที่ไม่ได้น่ากลัวอะไรนักแต่มันก็เป็นอะไรที่น่ารำคาญและทำให้เราเสียเวลาได้เหมือนกัน
ฉะนั้นก็ต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆ
พยายามอยู่ในที่อากาศดี ๆ รักษาอุณหภูมิของร่างกายให้ปกติแล้วโรคไซนัสจะอยู่ห่างจากเราไปเอง
ที่มา
http://www.med.cmu.ac.th/dept/ent/2012/index.php?option=com_content&view=article&id=20&Itemid=210&lang=en