ปวดหลัง มุมมองใหม่ของอาการปวดหลัง ที่ควรรู้

มุมมองใหม่ของอาการปวดหลัง ที่ควรรู้

          การปวดหลังวัยรุ่นก็เป็นไม่ต้องรอให้แก่หรอก สมัยนี้ยุคก้มหน้า หลังงอ อยู่กับจอคอมกันแล้ว อาการนี้จึงเป็นกันเยอะไม่รู้ว่ามันมีดีอะไรนักหนาถึงชอบเป็นกันจังเลย แต่ก็นะมันคือโรคไม่มีใครอยากจะเจ็บป่วยกันหรอก แต่บางทีก็ห้ามไม่ได้งานหนักก็ต้องทำ เผลอติดมือถือก้มหน้า งอหลังไปบ้าง ในมุมมองใหม่ของการปวดหลังนี้จะเป็นอย่างไรมาติดตามพร้อมกันเลย

รู้จักอาการปวดหลังเบื้องต้น

ก็มีหลายโรคด้วยกันที่เจ็บแล้วทำให้ปวดหลังอาจจะเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท กระดูกสันหลังเคลื่อน กระดูกสันหลังเสื่อม ถือเป็นโรคยอดฮิตกันจริง ๆ พากันเป็นบ่อยมาก ผู้ป่วยที่อาการหนักแล้วผ่าตัดหายนั้นมีแค่เพียง 20 % เท่านั้น แต่อีก 80 % หายได้โดยไม่ต้องผ่าตัด แบบนี้ก็มีเฮกันหน่อย แต่ก็นะไม่ปวดหลังเลยมันจะน่าดีใจเสียกว่าเพราะจะได้ไม่ต้องเสียเวลามานั่งรักษาตัวเอง

การปวดหลังจากหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท แล้วเป็นกระดูกสันหลังทับเส้นประสาทนั้นอาจจะเกิดจากปฏิกิริยาเคมีก็ได้ เพราะว่าหมอนรองคออาจจะไม่ปกตินี่เอง แต่การรักษานั้นฉีดยาก็หายได้แต่หากเป็นการปวดจากกลไกทางกลศาสตร์ หมอนรองกระดูกจะผิดปกติเยอะกว่าเดิมเพราะมันยื่นออกมาและหนีบเส้นประสาท สำหรับอาการนี้การรักษาฉีดยานั้นคงไม่หาย การผ่าตัดเท่านั้นเลย แต่บางครั้งก็แค่ทานยาก็หายได้เหมือนกันเพราะเปอร์เซ็นที่หายจากการทานยา และทำกายภาพบำบัดนั้นมีถึง 80 % กันเลยทีเดียว

การรักษาอาการปวดหลังเบื้องต้น

          หากเพิ่งเริ่มปวดได้ไม่นานแล้วยังไม่อยากจะไปพบแพทย์วิธีที่ดีก็เป็นการหยุดทำกิจกรรมนั้น ๆ ไปก่อน นอนพัก นั่งพัก หายามาทาทำการนวดให้ถูกวิธี จากนั้นรอดูอาการว่ามันจะหายหรือไม่แต่อย่าให้นานสัก 2 – 3 วันหากไม่หายก็ควรจะไปหาหมอได้แล้ว  ในส่วนของการรักษาทีมแพทย์นั้นเริ่มแรกอาจจะสั่งยาให้ทานก่อน หากไม่หายค่อยมาเป็นการฉีดยาสเตียรอยด์ แต่ถ้าหากยังไม่หายอีกก็ต้องเป็นการผ่าตัดแล้วเท่านั้น 

สำหรับอาการปวดหลังส่วนมากสาเหตุมาจากการทำงานหนักในวัยทำงานเพราะว่ากระดูกมันจะไม่ปกติแล้วหากอยู่ในอิริยาบถที่แปลกไป ใครที่ยังไม่ปวดหรือปวดเล็กน้อยแล้วรักษาเบื้องต้นไม่หาย ระวังโรคเกี่ยวกับกระดูกสันหลังต่าง ๆ จะมาหาต้องรีบเข้ารับการรักษาโดยเร็วเลยแล้วอย่าลืมดูแลตัวเองให้ดีเพื่อให้มีสุขภาพที่แข็งแรง การรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่ควรมองข้ามเลย

ที่มา  https://www.bumrungrad.com/healthspot/october-2012/back-pain