อาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
และวิธีการรักษา
ความเจ็บปวดของร่างกายคนเรา
ไม่ว่าจะส่วนใดใดก็ตาม สร้างปัญหาให้การใช้ชีวิตประจำวัน ได้ทั้งนั้น ปวดฟัน ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามร่างกาย
เรียกว่ามันทรมานจนไม่อยากใช้ชีวิต ไม่อยากไปไหนเลย อยากจะนอน
อยากจะทำทุกวิธีให้หายปวดลงได้ มันไม่มีความสุขเลย
อาการปวดหลังก็เช่นกัน
ไม่เกิดกับตนเองจะไม่มีใครทราบเลยว่ามันทรมานเพียงใด
และมันทำให้คนที่ป่วยเริ่มคิดไปต่างๆนานาด้วย ว่า ฉันจะพิการไหม ฉันจะช่วยเหลือตัวเองได้ไหม
ฉันจะรับรู้ความรู้สึกได้เหมือนปกติไหม ค่ารักษาจะมากแค่ไหน จะรักษาหายไหม
คนรอบข้างฉันจะเฝ้าดูแลฉันหลังการรักษาไหมหากฉันต้องพิการ หรือ
ทุพลภาพ พรั่งพลูเข้ามาในใจ
อย่างแน่นอนที่สุด
อย่างไรก็ตาม ความเข้มแข็ง จิตใจที่แน่วแน่ที่จะสู้กับความจริง
ที่เราต้องเป็นแบบนี้
คือผู้ป่วยต้องเอาชนะความคิดต่างๆในใจให้ได้เสียก่อน
หากแพทย์ตรวจพบว่าตนเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทจริงๆ
ทำความเข้าใจอาการของโรคเป็นอย่างไร?
ลองมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า อาการของโรคนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร อาการบ่งชี้ของผู้ป่วยนั้น
จะเริ่มจาก ผู้ป่วยมีอาการปวดหลังต่อเนื่องเป็นเวลา 2 สัปดาห์ขึ้นไป แปลว่า ไปพบแพทย์ แพทย์ให้ยามารับประทาน หรือ
ทายาบริเวณที่ปวด แล้วอาการยังไม่ดีขึ้น
อาการต่อมาคือมีอาการปวดชาตั้งแต่บริเวณสะโพกร้าวไปถึงบริเวณน่อง และเท้า
ซึ่งจะปวดมากเวลาเดิน จนผู้ป่วยทนไม่ได้ต้องหยุดเดินเป็นระยะๆ เพราะปวดมาก และอาการที่เด่นชัดที่สุดของโรคนี้ก็คือ
ผู้ป่วยจะมีอาการปวดหลังร้าวลงมาที่ขาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง
ผู้ป่วยจะมีอาการมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับกระดูกไปกดทับเส้นประสาทมากหรือน้อยเป็นสำคัญที่สุด
ถ้ากดทับมาก ก็จะปวดและทรมานมากขึ้นตามลำดับ ถ้ามีอาการดังกล่าวแล้วปล่อยทิ้งไว้
ไม่รักษาเป็นเวลานานๆ อาการก็จะรุกรามจนเส้นประสาทจะทำงานได้น้อยลง
จนร่างกายกล้ามเนื้ออ่อนแรง ไม่สามารถขับถ่ายได้เอง ในที่สุดอาจถึงขั้นพิการได้เลย
การรักษามีวิธีใดบ้าง
วิธีการรักษาส่วนใหญ่จะใช้การผ่าตัดรักษา
โดยแพทย์ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมากๆ
แพทย์จะผ่าตัดเอาส่วนที่กดทับเส้นประสาทออก
หากอาการไม่รุนแรง แพทย์อาจจะใช้ยารักษาด้วยยาลดอาการปวด
ร่วมกับยาลดการอักเสบของเส้นเอ็น เพื่อให้ลดการเจ็บปวดบริเวณเส้นประสาทที่กดทับ
และผู้ป่วยลดอาการปวดลงได้ รวมทั้งการทำบายภาพบำบัด อย่างไรก็ตามแม้ต้องทำการผ่าตัดรักษาผู้ป่วยหลังผ่าตัดก็จะต้องทำกายภาพบำบัดควบคู่กันไปด้วย
อย่าตกใจหรือตีตนไปก่อนไข้ จนเกินไป
ควรศึกษาดูก่อนว่าอาการที่เราเป็นนั้นเข้าข่ายของโรคนี้จริงหรือไม่
ถ้ามีอาการเข้าข่ายจริงต้อง ไม่รอให้อาการมีความรุนแรงมากขึ้น แค่เราปวดหลังกินยา ไม่หายพบแพทย์ไม่ดีขึ้น นาน
2 สัปดาห์
เราควรไปพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อตรวจวินิจฉัยชัดเจน จะทำให้การรักษาง่าย
ไม่ต้องรอให้ทรมานมากขนาดเดินไม่มีแรง ขับถ่ายไม่ได้ และบางทีรักษาแต่เนิ่นๆ
ก็ทำให้ไม่ต้องผ่าตัด และเสียค่าใช้จ่ายสูง ความเสี่ยงสูง ก็เป็นได้ขึ้นอยู่กับเราใส่ใจตัวเราเองแค่ไหนอ
มีเวลาให้ตัวเองหมั่นดูแลตัวเองมากๆ ก็จะทำให้หนักเป็นเบาได้แน่นอน
ที่มา : www.heangUp180.com