โรคข้อเสื่อมคืออะไร
การเป็นโรคข้อเสื่อมนั้นส่วนใหญ่จะเกิดกับวัยกลางคนหรือผู้สูงอายุ
คนที่อายุ 60 ปีแล้วโรคข้อเสื่อมจะถามหาได้ง่ายมากเพราะว่ากระดูกเริ่มจะไม่แข็งแรง
และคนที่รูปร่างอ้วนจะเป็นโรคข้อเสื่อมได้ง่ายกว่าคนผอมอาจจะเพราะว่าคนอ้วนนั้นมีน้ำหนักตัวเยอะทำให้ข้อเข่านั้นรับน้ำหนักเป็นเวลานาน
ๆ เริ่มไม่ไหวจึงทำให้เสื่อมสภาพเร็ว
บางคนจะมีการปวดมาเป็นระยะโดยเฉพาะเวลาที่กำลังเดินอยู่ แต่ถ้าบางคนปวดมาก ๆ
เข้าก็จะเดินไม่ได้เลย นั่งคุกเข่า หรือนั่งยองก็ยังไม่ได้เพราะว่าปวดข้อเข่ามาก
สาเหตุที่ทำให้เกิดเป็นโรคข้อเสื่อม
ทุกส่วนในร่างกายที่เป็นข้อสามารถเสื่อมได้ทุกที่และสาเหตุส่วนใหญ่ของคนที่เป็นโรคนี้ก็อาจจะมาจากในเรื่องของอายุที่มากขึ้น
กระดูกและข้อก็ผุพังไปตามกาลเวลา หรือเป็นมาจากกรรมพันธุ์เลยไม่สามารถจะห้ามได้
คนอ้วนอันนี้สำคัญเลยใครที่ปล่อยให้ตัวเองอ้วนมาก ๆ ขา แขน
ก็จะเริ่มเมื่อยและแบกน้ำหนักตัวไม่ไหวทำให้ปวดเข่าปวดข้อและทำให้เป็นข้อเสื่อมได้เลย
เกิดจากอุบัติเหตุได้รับการกระทบมาจากอุบัติเหตุต่าง ๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ
สิ่งเหล่านี้บางอย่างเราอาจจะเลี่ยงได้แต่ถ้ามันเกิดขึ้นแล้วก็ต้องหาทางรักษาก่อน
ส่วนไหนของร่างกายที่อาจจะเป็นข้อเสื่อมได้
ในร่างกายเราส่วนที่เป็นข้อมีเยอะมาก
แต่โรคข้อเสื่อมอาจจะเกิดขึ้นกับส่วนของข้อที่เป็นข้อใหญ่ ๆ ดังนี้
ü ข้อเข่า
ü ข้อสะโพก
ü ข้อบั้นเอว
ü ข้อของกระดูกคอ
ซึ่งเป็นข้อขนาดใหญ่ที่เสื่อมง่าย
ส่วนจำพวกข้อศอก ข้อนิ้ว ข้อเท้า ข้อมือ อาจจะพบน้อยมากสำหรับคนที่จะเป็นข้อเสื่อม
แต่ก็ใช่ว่าข้อเหล่านี้จะเสื่อมไม่ได้
หากเราดูร่างกายไม่ดีก็ทำให้เป็นข้อเสื่อมได้เหมือนกัน ไม่ว่าข้อไหน ๆ
ก็สำคัญใช้งานให้อยู่ในความพอดี
วิธีการรักษาข้อเสื่อม
อาการข้อเสื่อมนั้นเราสามารถที่จะดูแลตัวเองให้หายได้
อาจจะเข้าไปพบแพทย์เพื่อรับทราบสาเหตุของการเกิดโรคข้อเสื่อมจากนั้นก็นำมาปฏิบัติกับตัวเองเช่น
การเลือกรักประทานอาหารที่มีประโยชน์ และควรรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีแคลเซียมสูงด้วย
กินยาตามที่หมอสั่งเพื่อระงับอาการปวดของข้อเสื่อม หากเป็นข้อเข่า
ข้อเท้าการเลือกรองเท้าที่เหมาะสมก็สำคัญ
หากปวดมากและยังเดินเองไม่ได้จะต้องหาอุปกรณ์มาช่วยพยุง
สำหรับคนที่ยังมีสุขภาพดีอยู่ในตอนนี้จะต้องรักษาสุขภาพตัวเองให้ดี
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและไม่โหมทำงานมากเกินไป
หากต้องการจะให้มีสุขภาพที่แข็งแรงไปตลอดเราต้องรู้จักเลือกและคัดสรรแต่สิ่งดี ๆ
ให้กับร่างกายของเราด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=159