โรคกระดูกสันหลังคดคืออะไร
เป็นอีกโรคที่ไม่มีใครอยากจะเป็นอีกเหมือนกันสำหรับโรคกระดูกสันหลังคด
สาเหตุที่ทำให้เกิดเป็นกระดูกสันหลังเปลี่ยนรูปคดงอได้นั้นมีหลายสาเหตุ
การผิดรูปของลักษณะกระดูกสันหลังส่วนมากจะเห็นมันคดออกไปทางด้านข้าง
โรคนี้อาจจะเป็นได้ทุกคนแต่ส่วนมากจะเป็นช่วงของวัยเด็กประมาณ 10 -15
ปีจะพบว่าเป็นโรคกระดูกสันหลัดคดกันเยอะกว่าช่วงวัยอื่น ๆ
สาเหตุที่ทำให้เป็นโรคกระดูกสันหลังคด
มีหลายปัจจัยมาก ๆ
ที่ทำให้เป็นโรคกระดูกสันหลังคดได้ก็จะมีเพราะว่าร่างกายของเราได้สร้างกระดูกและกระดูกนั้นมีการเจริญเติบโตที่ไม่ปกติ
โดยอาจจะเป็นมาทั้งแต่เกิดเลย
แต่บางคนก็อาจจะเกิดเพราะว่ากล้ามเนื้อส่วนหลังนั้นเกิดความผิดปกติขึ้นมา
หรือไม่ก็มีโรคท้าวแสนปมเพิ่มด้วยโดยจะป่วยทั้งสองอย่างเลยคือ เป็นทั้งโรคท้าวแสนปมและเป็นทั้งโรคกระดูกสันหลังคนพร้อมกัน
ลักษณะอาการของผู้ป่วยโรคกระดูกสันหลังคด
กระดูกสันหลังคนก็คือมันไม่ตรงเหมือนกับกระดูกสันหลังของคนปกติทั่วไปโดยจะคดงอไปทางด้านใดด้านหนึ่ง
แนวของกระดูกสันหลังจะไม่ตรงกันไม่พอดีกันระหว่างหัวไหล่ทั้งสองข้างเลย
และในส่วนของเอวก็ไม่เท่ากันอีกด้วย
มองด้วยตัวเปล่าจะเห็นว่าเหมือนกับหลังจะค่อมและนูน เหมือนกับหลังโก่ง
บางคนก็ไม่มีอาการปวดอะไรส่วนมากก็จะคิดมากเรื่องรูปร่างที่ทำให้บุคลิกภาพไม่ดีมากกว่าที่รักษาอาการปวดหลัง
การรักษาโรคกระดูกสันหลังคด
วิธีการรักษาโรคกระดูกสันหลังคดนั้นมีหลายวิธีตามแต่แพทย์จะวินิจฉัยว่าควรจะต้องรักษายังไง
เพราะว่าอาการและความคดของกระดูกสันหลังผู้ป่วยแต่ละคนมันไม่เหมือนกันโดยวิธีการรักษามีดังนี้
·
ตรวจเช็คความคดของกระดูกสันหลังทั้งหมด
·
ตรวจเช็คระบบประสาททุกส่วนในร่างกาย
·
ใส่เสื้อเกราะเพื่อเป็นการพยุงและช่วยให้กระดูกสันหลังลดการเจริญเติบโต
โดยผู้ที่จะใส่เสื้อเกราะนั้นส่วนมากจะเป็นคนที่ความคดประมาณ 30 องศา
·
ถ้ากระดูกสันหลังคดไม่มากแพทย์จะนัดตรวจอาการเป็นประจำ
·
สำหรับคนที่กระดูกสันหลังคดมากกว่า 45
องศาแล้วก็ต้องผ่าตัด
·
การดามกระดูกสันหลัง
ซึ่งการเลือกวิธีการรักษาโรคกระดูกสันหลังคดนั้นขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์
ผู้ป่วยจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ใครที่กำลังอยู่ในช่วงของการรักษาโรคจะต้องงดการออกกำลังกายไว้ก่อนประมาณ 9
เดือนเพื่อให้กระดูกสันหลังกลับมาเป็นเหมือนเดิม
ผู้ป่วยโรคนี้ก็อย่าพึ่งท้อใจไปเพราะว่ามีทางรักษาให้หายได้แต่ต้องอาศัยความร่วมมือของผู้ป่วยไปพร้อมกับการรักษาของแพทย์จะได้หายจากโรคโดยเร็ว
ขอบคุณข้อมูลจาก www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=981
สมัครแจ้งบทความใหม่ผ่านทาาง Line 