สาเหตุ การบำบัด และข้อแนะนำสำหรับอาการปวดคอ
สาเหตุของอาการปวดคอมี สาเหตุหลักๆ
ดังนี้ต่อไปนี้
1. เกิดการปวดเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อคอ
พบมากในวัยหนุ่มสาวจนถึงผู้สูงวัย นอกจากอาการปวดคอ
ยังอาจมีอาการปวดมึนหัวหรือปวดชาร้าวไปทีไหล่
รวมทั้งมือและแขนร่วมด้วย โดยจะ มีอาการปวดกล้ามเนื้อมากขึ้นได้
เมื่อใช้งานกล้ามเนื้อบริเวณคอ มีจุดที่กดเจ็บเมื่อคลำจะพบว่ามีลักษณะเป็นก้อน
หรือมีแถบแข็ง
2. เกิดจากของภาวะข้อเสื่อม
เนื่องจากการเสื่อมสภาพตามวัย และการใช้งานอย่างหนัก
จะทำให้มีอาการปวดต้นคอ และไม่สามารถเคลื่อนไหวคอได้อย่างเต็มที่
ในบางรายพบว่ามีอาการปวดร้าวไปที่ท้ายทอย หัวไหล่และแขน
โดยมีการชาและมีอาการอ่อนแรงด้วย หากพบมีอาการเช่นนี้ควรรีบปรึกษาแพทย์
3. แนวกระดูกคอผิดปกติ
เพราะการอยู่ในอิริยาบถที่ไม่ถูกต้องเป็นเวลานาน เช่น
การก้มมองโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานานๆ
4. กระดูกต้นคอเสื่อม ทำให้มีหินปูนมาเกาะบริเวณรอบขอบกระดูก
เกิดการระคายเคืองต่อเส้นประสาทของคอ จึงมีอาการปวดคอตามมาได้
5. อุบัติเหตุต่างๆที่เกิดขึ้น
เช่น รถชนทำให้มีอาการคอเคล็ด พบอาการกระดูกหักหรือเคลื่อนจนเกิดเป็นอัมพาตได้
6. สาเหตุจากความเครียด
และสาเหตุอื่นๆ เช่น มีการติดเชื้อของกระดูก หรือมีกระดูกคอที่ผิดปกติมาแต่กำเนิด
การบำบัดเมื่อมีอาการปวดคอ
กรณีปวดใน
48 ชั่วโมงแรกอย่างเฉียบพลัน
• ประคบด้วยแผ่นประคบเย็นหรือถุงน้ำแข็ง 20 นาที
ทุก 2-3 ชั่วโมง
• พักกล้ามเนื้อบริเวณนั้น
อย่ากดหรือยึดอย่างแรงจนเกิดการเจ็บซ้ำ
กรณีปวดเรื้อรังภายหลัง 48 ชั่วโมง
• ประคบด้วยกระเป๋าน้ำร้อนหรือผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นๆประมาณ
20 นาที
• ยืดกล้ามเนื้อค้างไว้ประมาณ 15 วินาที ให้ทำ 10
ครั้งทุกวัน เพื่อกล้ามเนื้อคอมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
• เกร็งกล้ามเนื้อรอบคอค้างไว้ประมาณ 5 วินาที ให้ทำ
10 ครั้งทุกวัน เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อคอ
• ทําท่าเก็บคาง เกร็งค้างไว้ประมาณ 5 วินาที ให้ทำ 10 ครั้งทุกวัน เพื่อเพิ่มความมั่นคงของกล้ามเนื้อคอ
หากมีอาการปวดคอรุนแรง
เรื้อรัง ชาร้าวขึ้นศีรษะ กระบอกตา หรือร้าวลงสะบัก แขน มือชาหรือ ควรปรึกษาแพทย์ ซึ่งแพทย์จะปฏิบัติตามลำดับ
ดังนี้
• ใช้ยารับประทานหรือยาฉีดเพื่อลดการอักเสบ
• รักษาด้วยการทำกายภาพบำบัด โดยนิยมใช้ร่วมกับการรับประทานยา
•ใช้การผ่าตัด กรณีที่การทำภาพบำบัดไม่ได้ผล
มีข้อแนะนาสำหรับผู้มีอาการปวดคอ ดังนี้
1. ไม่ควรนอนหมอนที่สูงเกินไป
หรือนอนลักษณะที่ผิดแนวของกระดูคอ เช่น นอนพาดต้นคอกับที่ส่วนที่เท้าแขนของโซฟา
ถ้ายังรู้สึกปวดคอ อาจเปลี่ยนมาใช้หมอนเพื่อสุขภาพมารองที่ต้นคอในเวลานอน
2. ผู้ที่มีอาการปวดคอไม่สมควรสะบัดต้นคอแรงๆ เพราะอาจจะทำให้เอ็นและกล้ามเนื้อของต้นคออักเสบมากขึ้นได้
3. ให้ประคบด้วยกระเป๋าน้ำร้อน ครั้งละ30 นาที ทั้ง เช้าและเย็น
4. เมื่อนั่งทำงานไม่ควรให้ศีรษะอยู่ในท่าเดียวเป็นเวลานานๆ ควรที่จะพักหรือบริหารต้นคอสลับไปมาบ้าง เพื่อจะลดการตึงเครียดของกล้ามเนื้อบริเวณต้นคอ และเก้าอี้ที่นั่งควรมีพนักพิงหลังด้วย
5. ควรใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ให้เหมาะสมกับสภาพการทำงาน เช่น ความสูงของโต๊ะ เก้าอี้ ควรให้พอดีกับร่างกาย
6. เมื่อจำเป็นต้องยกของหนัก หรือเดินแบกของเป็นเวลานานๆ ควรรักษาท่าทางให้ตัวตรงเสมอ
2. ผู้ที่มีอาการปวดคอไม่สมควรสะบัดต้นคอแรงๆ เพราะอาจจะทำให้เอ็นและกล้ามเนื้อของต้นคออักเสบมากขึ้นได้
3. ให้ประคบด้วยกระเป๋าน้ำร้อน ครั้งละ30 นาที ทั้ง เช้าและเย็น
4. เมื่อนั่งทำงานไม่ควรให้ศีรษะอยู่ในท่าเดียวเป็นเวลานานๆ ควรที่จะพักหรือบริหารต้นคอสลับไปมาบ้าง เพื่อจะลดการตึงเครียดของกล้ามเนื้อบริเวณต้นคอ และเก้าอี้ที่นั่งควรมีพนักพิงหลังด้วย
5. ควรใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ให้เหมาะสมกับสภาพการทำงาน เช่น ความสูงของโต๊ะ เก้าอี้ ควรให้พอดีกับร่างกาย
6. เมื่อจำเป็นต้องยกของหนัก หรือเดินแบกของเป็นเวลานานๆ ควรรักษาท่าทางให้ตัวตรงเสมอ
ข้อมูลจาก
http://forums.thaisafetywork.com/index.php?topic=1531.0
http://www.nkp-hospital.go.th/institute/physicalmed_56/pFile/k_04.pdf