ปวดหลังอวดโอยแป๊บเดียวเดี๋ยวก็คงหาย
แน่นอนมันหายได้สำหรับคนที่ไม่ได้ปวดมากมายนัก
แต่เพียงแค่รู้สึกปวดก็คงไม่ดีแล้วแสดงว่าหลังกำลังพยายามสื่อสารบอกอะไรบางอย่างกับเราว่ากระดูก
ร่างกาย ในส่วนของหลังกำลังได้รับบาดเจ็บหรือทำงานหนักมากเกินไป บางคนใช้ชีวิตอย่างหักโหมเต็มที่เพราะเห็นว่าตนเองยังไม่แก่
แต่ลืมไปหรือเปล่าว่าร่างกายมันก็ต้องการจะพักผ่อนเหมือนกันถ้าใช้งานเยอะมันก็ผุกร่อน
สึกหรอได้แบบง่าย ๆ
ปวดหลังเสี่ยงเป็นโรคอะไรบ้าง
?
มีหลายโรคเลยที่จะรุมเข้ามาถ้าหากคุณปล่อยให้ตัวเองต้องเหนื่อยหลังอยู่แบบนี้
เรามาดูกันว่ามีโรคอะไรบ้างที่จะเกิดขึ้นจากการปวดหลัง คือ หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท โรคโพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ โรคกระดูกสันหลังเคลื่อน โรคกระดูกสันหลังส่วนคอเสื่อม
และโรคกระดูกสันหลังหักจากภาวะกระดูกบาง แต่ละโรคไม่ใช่ธรรมดาเลย
มันก็จริงที่มีโอกาสในการรักษาให้หายขาดได้แต่จะกี่เปอร์เซ็นที่หายเลยเราก็การันตีไม่ได้
อาจจะทำได้แค่การพยุงให้มันไม่เป็นหนักกว่าเดิม
เอาล่ะหัวข้อต่อมาเรามาทำความเข้าใจกับโครงสร้างของหลังกันบ้าง
โครงสร้างของหลักประกอบด้วยอะไรบ้าง
ในหลังของคนเรานั้นจะมีส่วนประกอบหลัก
ๆ อยู่ 3 อย่าง คือ กระดูกสันหลัง กล้ามเนื้อหลัง และเส้นประสาทหลัง
แต่ว่าก็ยังมีดีเทลเล็ก ๆ ย่อยลงไปอีก อย่างแรกเป็นประดูกสันหลังก็จะแบ่งออกมาเป็น
กระดูกสันหลังส่วนคอ มี 7 ชิ้น กระดูกสันหลังส่วนอก มี 12 ชิ้น
กระดูกสันหลังส่วนเอว มี 5 ชิ้น กระดูกส่วนกระเบนหนีบ มี 5 ชิ้น
จำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวและยังมีกระดูกข้อต่ออีก 2 ชิ้น
ตัวนี้ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวนั่นเอง
ต่อมาเป็นกล้ามเนื้อหลังส่วนนี้ก็สำคัญไม่แพ้กระดูกเลย
โดยกล้ามเนื้อหลังนั้นจะติดอยู่กับกระดูกสันหลังของเรา
จะมีเส้นเอ็นที่ทำหน้าที่ในการยึดเอากระดูกในแต่ละชิ้นเข้ามารวมกัน
และเส้นประสาทไขสันหลัง ตัวนี้อยู่ในโพรงกระดูกสันหลัง
โดยเส้นประสาทไขกระดูกสันหลังทั้งหมดมีอยู่ด้วยกัน 31 คู่กันเลยทีเดียว
มันจะทำหน้าที่ในการรับความรู้สึกต่าง ๆ ที่ร่างกายได้รับมาและทำการสั่งงาน
จ่ายออกไปยังส่วนต่าง ๆ ทั่วร่างกาย
ในหลังของเรามีส่วนประกอบมากมายขนาดนี้แสดงว่ามันต้องบอบบางมาก
ๆ แต่ละส่วนล้วนแต่เสี่ยงในการแตกหัก ผุ กร่อน เสื่อม ได้เหมือนกันทั้งนั้น
ฉะนั้นแล้วหากมีอาการปวดหลังในช่วงแรก ๆ
คุณจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเองแล้วว่าจะทำอย่างไรไม่ให้มันปวดไปมากกว่านี้
อิริยาบถใดที่เห็นว่าส่งผลต่อการปวดหลังก็ควรจะเลี่ยงจะดีกว่าเพื่อสุขภาพที่ดีของเราเอง
ที่มา : bumrungrad.com