ข้อเข่าเสื่อมเกิดจากกระดูกอ่อน (cartilage) มีการสึกหรอและเสื่อมสภาพลง
ซึ่งกระดูกอ่อนนี้มีหน้าที่กระจายน้ำหนักตัว
ทั้งนี้ในข้อเข่ายังมีน้ำที่เปรียบเหมือนน้ำหล่อเลี้ยงให้กับข้อเข่า
หากกระดูกอ่อนได้รับความเสียหายหรือเจ็บป่วยเรื้อรังเป็นบริเวณกว้าง
อีกทั้งน้ำหล่อเลี้ยงเข่าเสื่อมสภาพไ
ก็ยิ่งทำให้กระดูกข้อเข่ามีการเสียดสีกันและเกิดการอักเสบตามมาเมื่อเกิดการอักเสบมากขึ้นก็ยิ่งทำให้เยื่อหุ้มข้อมีการสร้างน้ำเลี้ยงข้อเข่าเพิ่มมากขึ้น
ฉะนั้นเราจึงมักจะเห็นว่าเข่าของผู้ป่วยจะบวมและเจ็บปวดมากขึ้นจนไม่สามารลุกไปไหนได้
ยิ่งข้อเข่าเสื่อมมากขึ้นเท่าใด กระดูกอ่อนก็จะยิ่งมีขนาดที่บางลงเท่านั้นเนื่องจากกระดูกอ่อนดังกล่าวมีหน้าที่ป้องกันและรับแรงกระแทกต่างๆในข้อเข่าหากว่ากระดูกอ่อนตรงนี้เสื่อมสภาพไปก็จะยิ่งทำให้ปลายกระดูกชิดกันมากขึ้นจนกลายเป็นชนกัน
เมื่อขยับจึงจะเกิดการเสียดสีทำให้เจ็บปวดและทรมาน
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ป่วยเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจัยหลายอย่างมีสาเหตุทำให้หลายคนป่วยเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมแม้ว่ายังอายุไม่มาก
หลายอย่างเกิดจากน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นและ อ้วนเกินไป
หรือการได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อเข่า
ซึ่งแม้ว่าร่างกายจะซ่อมแซมตัวเองได้หลังจากบาดเจ็บก็ตาม แต่ทว่าโครงสร้างของข้อเข่าก็ไม่อาจจะเหมือนเดิมได้
ดังนั้นจึงเสี่ยงต่อการเกิดข้อเข่าเสื่อมได้ง่าย ในบางรายที่ใช้งานข้อเข่านานเกินไปอย่างหักโหม
เช่นคุกเข่าและงอเข่ามากเกินไป หรือชอบนั่งยองๆเกือบตลอดทั้งวัน
อันส่งผลให้เข่าได้รับแรงกดมากกว่าปกติ อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยที่พบว่าป่วยเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมมากที่สุดก็คือคนสูงอายุ
เนื่องจากร่างกายมีความสามารถในการซ่อมแซมกระดูกอ่อนลดลง
นอกจากนี้มักเกิดขึ้นมากในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปี ทั้งยังตรวจพบมากขึ้นเรื่อยๆในผู้สูงอายุระหว่าง 60 – 65 ปีขึ้นไป อีกทั้งโรคเกาต์
โรครูมาตอยด์และไขข้ออักเสบ ก็ยังมีผลทำให้กระดูกอ่อนถูกทำลายจนหมดไปได้โดยง่าย
ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการเจ็บปวดและเกิดภาวะข้อแข็งได้
แนวทางการรักษาอย่างถูกวิธี
การรักษานั้นจะมีทั้งแบบผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าและแบบกายภาพบำบัดเพื่อช่วยให้เข่าสามารถเคลื่อนไหวได้ดีขึ้นและสามารถบรรเทาอาการปวดเข่าได้เป็นอย่างดี
โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ลดน้ำหนักและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ไม่ว่าจะเป็นการเดินเล่น ปั่นจักรยานหรือว่ายน้ำก็สามารถช่วยได้
อีกทั้งการหมั่นทำกายภาพบำบัดอยู่เสมอก็จะสามารถฟื้นฟูข้อเข่าเสื่อมให้ดีขึ้นได้เช่นกัน
หากเกิดอาการเจ็บปวดบริเวณข้อเข่าก็ทานยาแก้ปวดและยาต้านการอักเสบก็จะสามารถช่วยได้เช่นกัน
ส่วนวิธีการผ่าตัดนั้น
จะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจและการวินิจฉัยของแพทย์ว่าเหมาะสมที่จะได้รับการผ่าตัดข้อเข่าหรือไม่
ประการใด เนื่องจากการผ่าตัดข้อเข่านั้นมีหลายวิธี
ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาผู้ป่วยตามความเหมาะสมของอาการแต่ละราย
ที่มา : bumrungrad.com