disable right click

วันอังคารที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2560

หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท รู้หรือไม่ ? หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทเกิดมาจากอะไร


          คนเรามีกระดูกด้วยกันทั้งนั้น กระดูกเองเป็นส่วนสำคัญในร่างกายมีส่วนช่วยให้เคลื่อนไหวได้คล่องตัวมาก ร่างกายถ้าไม่มีกระดูกคงไม่สามารถจะทรงตัวอยู่ได้อย่างแน่นอน อาจจะต้องเปลี่ยนเป็นเลื้อยแทนการเดิน นั่งก็คงจะไม่ได้ โรคหมอนรองกระดูกจึงอันตรายมากอาจจะทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างที่ควรจะเป็น โรคนี้เกิดได้กับคนทุกวัยไม่ใช่เฉพาะผู้สูงอายุเท่านั้น มาดูกันว่าสาเหตุหลัก ๆ แล้วโรคนี้เกิดได้อย่างไร

โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทมาจากสาเหตุอะไร
           บางคนมองว่าจะต้องเกิดกับเฉพาะผู้สูงอายุเท่านั้น แต่หารู้ไม่ว่าทุกคนมีโอกาสที่กระดูกจะได้รับบาดเจ็บเหมือนกัน ๆ ไม่ว่าวัยรุ่น วัยเรียน วัยทำงาน วัยชรา เพราะสาเหตุของการเกิดโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทนั้นมาจากหลายสาเหตุที่ส่วนใหญ่ก็เกิดเพราะพฤติกรรมของเราเอง อย่างเช่น การที่มีน้ำหนักตัวเยอะเกิน(อ้วน) ทำงานยกของหนักแบบไม่ถูกวิธี นั่งหรือยืนในอิริยาบถที่ไม่ถูกหรืออยู่ในท่าเดียวเป็นเวลานานเกินไป นั่งหลังงอ และ เกิดจากการประสบอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่ทำให้หลังและกระดูกสันหลังได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง



อาการของโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทที่หลัง
         ผู้ป่วยจะมีการปวดหลัง ปวดเอว ตรงบริเวณด้านล่าง โดยจะปวดทั่วหลัง ปวดแค่ข้างเดียว ปวดเฉพาะเวลานั่ง ปวดเฉพาะเวลางอตัว เป็นไปได้หมดอาการแต่ละคนไม่เหมือนกัน ซึ่งจะปวดมาก ๆเพราะว่ากระดูกสันหลังได้รับการกดทับอย่างหนัก จนบางครั้งผู้ป่วยอาจจะไม่สามารถขยับตัวได้เลย หากใครมีอาการแบบนี้ต้องรีบไปพบแพทย์โดยด่วนก่อนที่จะอาการหนักมากขึ้น
        บางครั้งอาการนี้ก็เป็นที่ขาได้เหมือนกันซึ่งส่งผลให้กล้ามเนื้อขาหมดแรง ปวด  ชา หรือเป็นแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง ที่ผู้ป่วยปวดแบบนี้ก็เพราะว่าแนวของเส้นประสาทนั้นมันจะวิ่งตรงลงมาเลยตั้งแต่หลัง เอว ลงมาที่ ขา น่อง ไปยันนิ้ว หากทั้งหมดนี้มันปวดรวมกันจะปวดทรมานมากกล้ามเนื้อไม่สามารถทำงานได้เลยเพราะกล้ามเนื้อมันได้กดทับเส้นประสาทเอาไว้แล้วยังมีประดูกที่กดทับเพิ่มอีก



สรุปสาเหตุของโรค
        หลัก ๆ แล้วก็เกิดจากการใช้งานร่างกายที่มากเกินไปของผู้ป่วยเอง โดยเฉพาะหลายคนมักจะเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทเพราะไปยกของหนักเกินกำลังของตัวเอง หากจำเป็นจะต้องทำให้พยายามหาเครื่องทุ่นแรง หาคนช่วยจะดีกว่า รวมไปถึงคนที่นั่งทำงานเป็นเวลานาน ๆ ในอิริยาบถเดียวโอกาสที่จะเป็นก็สูงไม่แพ้กัน พยายามขยับเปลี่ยนท่านั่งและนั่งให้ถูกวิธี นานเกินไปจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพดวงตาด้วยสำหรับคนที่อยู่หน้าคอมไม่ใช่แค่กับกระดูกสันหลังเพียงอย่างเดียว




ที่มา bumrungrad.com


วันจันทร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2560

หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท การออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วยหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท


              กระดูก กล้ามเนื้อ ก็เหมือน รถยนต์ เราใช้ เราไม่ดูแล สักวัน ไม่นาน ต่อให้ใหม่ป้ายแดงอย่างไร ก็ต้องซ่อม ต้องเปลี่ยนอะไหล่ ตัวที่เสียหายแน่นอน ไม่ต่างอะไรกับ มนุษย์  กระดูก กล้ามเนื้อ ยิ่งโรคหมอนรองกระดูทับเส้นประสาท นี้ ถือว่าเกิดขึ้นได้ง่าย และ เกิดขึ้นได้กับ ทุกเพศ ทุกวัย  ใครไม่เป็น หรือไม่มีอาการรุนแรง ก็อาจจะไม่ทราบความทรมานของมันได้เลย ว่า การเจ็บปวดจากภาวะโรคนี้เป็นอย่างไร  รวมทั้งมันอาจส่งผลกระทบตัวคุณเองเปลี่ยนชีวิตในฉับพลันได้ในทันที หรือในเวลาไม่นาน
            แต่เมื่อเป็นแล้ว ก็ต้องดูแลตนเองให้ใช้ชีวิตและอยู่กับมันได้อย่างมีความสุขให้ได้  หนึ่งการทำใจที่จะยอมรับว่า การรักษาทำได้เพียงแค่บรรเทา ความเจ็บปวด  แม้จะได้รับการผ่าตัดเอาส่วนที่กดทับเส้นประสาทออก ผู้ป่วยก็ยังมีสภาพชีวิตที่ไม่มีทางเหมือนเดิมได้ 
           การออกกำลังกายอย่างถูกวิธีเป็นอีกวิธีหนึ่ง แต่จะใช้ในกรณี ที่ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นหรือสำหรับผู้ที่ยังไม่มีอาการของโรค เป็นการออกกำลังกายในส่วนสำคัญของกระดูกสันหลัง และเส้นประสาทส่วนล่างเพื่อป้องกันการกดทับ


วิธีการออกกำลังกายของผู้ป่วยหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ดังนี้
        ให้ผู้ป่วยนอนคว่ำ แขนวางราบกับพื้น โดยทำมุมตั้งฉากและยกตัวขึ้น นาน 1 นาที  จากนั้นนอนคว่ำเหมือนเดิมวางแขนราบกับพื้นดันตัวขึ้นตั้งข้อศอกไว้และให้สะโพกอยู่บนพื้น ยกหลังขึ้น ทำช้าๆและระมัดระวัง ทำ 30 วินาที ต่อ  1 เซท ประมาณ 10 หน และท่านอนคว่ำใช้ฝ่ามือกดพื้นเพื่อดันตัวขึ้นอย่างช้า ๆ โดยให้สะโพกของเรานั้นจะติดอยู่กับพื้น และจากนั้นให้ทำค้างไว้ประมาณ 1-2 วินาที ทำต่อเนื่อง 10 ครั้งเลย หากผู้ป่วยสามารถทำท่าต่างๆนี้ได้


          มากครั้งโดยไม่มีอาการปวดก็แสดงว่าอาการอยู่ในขั้นที่น่าพอใจ ทำต่อเนื่องได้ ระหว่างปฏิบัติแต่ละท่าอาจจะมีอาการตึงรั้ง ซึ่งเป็นปกติของการออกกำลังกายเพื่อบริหารส่วนต่างๆให้ได้มีการยืดหยุ่น แต่หากผู้ป่วยมีอาการเจ็บปวดจะต้องหยุดท่าทางออกกำลังนั้นทันที อีกท่าบริหารคือให้นอนคว่ำกับพื้นเหยียดแขนไปด้านหลังขนานลำตัวยกศีรษะขึ้น 10 วินาที นับ และทำซ้ำ 10 ครั้ง  ท่าบริหารต่างๆนี้ ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย และความเจ็บปวดของผู้ป่วย  บางรายอาจจะไม่สามารถทำได้ ซึ่งจะปวดมาก บางรายอาจทำได้มากน้อยต่างกัน เมื่อปวดจนไม่ไหวก็หยุดท่าบริการนั้น เพื่อไม่ให้ส่วนที่กดทับบอบซ้ำไปมากขึ้น


         การออกกำลังกายต่างๆเหล่านี้ผู้ป่วยควรมีผู้ช่วยเหลือข้างๆ หรือ ต้องได้รับคำชี้แนะจาก แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือนักกายภาพบำบัด แบบปฏิบัติในการออกกำลังกายเหล่านี้มักจะใช้สำหรับนักกายภาพบำบัดในการดูแลคนไข้เป็นโรคกระดูกทับเส้นประสาท บางรายจะต้องทำควบคู่กับการใช้ความร้อนประคบ  ใช้เครื่องมือต่างๆเพิ่มเติม เพื่อลดอาการของโรคและลดความเจ็บปวด  อย่างไรก็ตามการออกกำลังกายต้องทำอย่างถูกวิธี ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดผลรุนแรงต่อผู้ป่วยได้ ทางเราเป็นกำลังใจให้กับผู้ป่วยทุกคนต่อสู้และผ่านอุปสรรคของความเจ็บป่วยนี้ไปได้อย่างง่ายดายนอกจากการออกกำลังกายแล้ว การเลือกทานอาหารก็สำคัญ ฉะนั้นดูแลตัวเองให้ดี ๆ

ที่มา : eldercareinthai.com


วันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ปวดหลัง การวินิจฉัยสาเหตุของโรคปวดหลัง


1.  หาสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดหลังว่าเกิดจากสาเหตุใด เช่น
          -  เกิดจาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ
           -  การเสื่อมสภาพตามอายุและการใช้งาน
          -  มะเร็งและเนื้องอกต่างๆ 
          -  การติดเชื้อ



2.  สังเกตว่าเวลาปวดรู้สึกปวดแบบใด  เนื่องจากอาการปวดนั้นจะเป็นตัวช่วยในการวินิจฉัยโรคได้ ตัวอย่างเช่น
          -  ปวดแบบล้าๆ เมื่อยๆ มีจุดที่กดแล้วปวดมากขึ้น สาเหตุอาจเกิดจากกล้ามเนื้อ
          -  ปวดร้าวเหมือนกับไฟฟ้าช็อต เช่น ร้าวจากคอไปปลายนิ้ว สาเหตุอาจเกิดจากเส้นประสาทที่ถูกกดเบียดได้


3.บริเวณที่ปวด หรือตำแหน่งที่ปวดช่วยในการหาสาเหตุที่ทำให้ปวดหลังได้ เช่น
          -  ปวดตรงแนวกระดูกกลางหลังพอดีก็มักจะเกี่ยวข้องกับตัวกระดูกสันหลัง เอ็นยึดระหว่างกระดูกสันหลัง หรือหมอนรองกระดูกสันหลัง
          -  หากปวดเยื้องออกมาด้านข้างของแนวกระดูกสันหลัง อาจจะเป็นจากกล้ามเนื้อหลัง
          -  อาการปวดที่จำเพาะเจาะจงบางตำแหน่งสามารถบอกถึงบริเวณที่เส้นประสาทแต่ละเส้นวิ่งไปเลี้ยงได้ด้วย
          -  หากมีอาการอื่นที่นอกเหนือจากการปวด เช่น ชา หรือรอ่อนแรงร่วมด้วย ก็ต้องสงสัยที่ความผิดปกติของระบบประสาท หรือส่วนของเส้นประสาท



4.  หากพบว่าตนเองว่าอยู่ในท่าไหนแล้วรู้สึกปวดมากขึ้น หรือน้อยลง  เช่น หากก้มตัวหรือแอ่นตัวแล้วปวดมากขึ้น ก็มีอาจจะเป็นโรคจากข้อต่อหลัง หรือ หมอนรองกระดูกสันหลัง

              ทั้งนี้การบอกสาเหตุของอาการปวดหลัง  ลักษณะการปวด และบริเวณที่ปวดอย่างชัดเจนของผู้ป่วยก็จะเป็นประโยชน์กับแพทย์ผู้ทำการรักษามากขึ้น ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นด้วย

ที่มา : thairath.com

วันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2560

กระดูกสันหลัง การฉีดยาเข้าโพรงกระดูกสันหลังมีความเสี่ยงหรือไม่


           ตามที่เคยทราบกันมาว่าการรักษาอาการปวดหลัง กระดูกสันหลังต่าง ๆ มีทั้งวิธีการทานยา การทำกายภาพบำบัด การผ่าตัด และการฉีดยาระงับอาการปวด สำหรับบทความนี้เราจะมาพูดถึงการรักษาด้วยวิธีการฉีดยาเพื่อระงับอาการเจ็บปวดและรักษานั่นเอง สำหรับใครที่กำลังจะฉีดหรือมีแววว่าจะได้รักษาแบบนี้ควรจะอ่านอย่างยิ่ง มาดูกันเลยว่าความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้นั้นมีอะไรบ้าง

ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดจากการฉีดยาเข้าโพรงกระดูกสันหลัง
          ทุกอย่างมีความเสี่ยงเป็นธรรมดาก่อนที่จะทำการรักษาผู้ป่วยจะต้องยินยอมกับเงื่อนไขเหล่านี้ด้วยเช่นกัน เพราะว่าบางทีมันก็อาจจะเกิดขึ้นได้ เนื่องจากสภาพร่างการ และอาการปวดหลังของแต่ละคนมากน้อยต่างกันไป แถมระยะเวลาที่เป็นนั้นก็ต่างกันอีกด้วย ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดมีดังต่อไปนี้
                         -    อาการปวดหลังอาจจะไม่หาย ต้องเปลี่ยนวิธีการรักษา
                         -    การฉีดยาเข้าโพรงกระดูกสันหลังต้องทำบ่อยครั้งในทุก ๆ 3 – 6 เดือน
                         -    อาจจะเพิ่มอาการปวดตรงบริเวณอื่นขึ้นมาด้วย
                         -    น้ำตาลในเลือดมีระดับสูงขั้น โดยเฉพาะใครที่เป็นเบาหวานด้วย
                         -    มีอาการเวียนหัว และปวดมากกว่าเดิม
                         -    เลือดออกและมีอาการติดเชื้อ



           ก่อนที่จะรักษาอย่าลืมทำความเข้าใจยอมรับความเสี่ยงด้วยถึงแม้มันจะเกิดขึ้นน้อยมากก็ตาม  การรักษาแบบนี้ก็ยังปลอดภัยต่อชีวิตมากกว่าการผ่าตัด เพราะไม่ต้องรอการฟื้นตัวนาน ไม่ต้องแอดมิดที่โรงพยาบาลด้วย หากตอนนี้อาการปวดหลังของคุณเริ่มมากขึ้นต้องรีบไปให้หมอทำการวินิจฉัยโรคทันที ก่อนที่จะเรื้อรังและรักษายากกว่าที่ควรจะเป็น



ประโยชน์ของการฉีดยาเข้าโพรงกระดูกสันหลัง
        ข้อดีของการรักษาด้วยวิธีนี้ก็คือ อย่างน้อย ๆ ก็ไม่ต้องรอการฟื้นตัวนานเมื่อเทียบกับการผ่าตัด โอกาสที่จะหายจากอาการปวดหลังมีมากถึง 70% ในเวลา 6 เดือน แต่ก็อาจจะต้องมีการกลับไปฉีดซ้ำอีกครั้ง  ร่างกายกลับมาทำงานได้ปกติ เป็นวิธีการรักษาที่ความเสี่ยงน้อยและรักษาได้ตรงจุดมาก ค่าใช้จ่ายก็ไม่แพงมากอีกด้วย สำหรับคนที่จะได้รับการฉีดยาเข้าโพรงกระดูกสันหลังนั้นจะต้องรอให้แพทย์แนะนำก่อนเท่านั้น

อาการปวดหลังไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ก่อนที่จะเป็นอะไรไปมากกว่าเดิมในระยะแรก ๆ ควรรีบหาทางในการรักษา ในขั้นแรกอาจจะแค่ทานยาแล้วก็หายไม่ต้องถึงขั้นการฉีดยาเข้าโพรงกระดูกสันหลังก็ได้เหมือนกัน แต่ถ้าหากรักษาช้ากว่านี้การผ่าตัดอาจจะเป็นตัวเลือกสุดท้ายแล้วที่แพทย์จะทำ เพราะเป็นการรักษาแบบที่เหลืออยู่แล้วแต่อย่าลืมว่าค่าใช้จ่ายก็แพงมาก ๆ เหมือนกัน ทุกวันนี้ดูแลตัวเองให้ดีกันเถอะจะได้มีสุขภาพที่แข็งแรงอยู่ไปนาน ๆ 



ที่มา : Bumrungrad.com

วันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ผ่าตัดข้อเข่า อะไรคือการผ่าตัดเปลี่ยนข้อแบบมีคุณภาพมาก มาทำความเข้าใจกันเถอะ


         ขึ้นชื่อว่าเป็นการผ่าตัดมันก็ย่อมเป็นภาพที่น่ากลัวทั้งนั้น กระดูกข้อเข่า สะโพก ก็เป็นอีกหนึ่งส่วนในร่างกายของมนุษย์ที่ได้รับความเสียหาย แตก หัก เสื่อม ผุ ต่าง ๆ การผ่าตัดรักษาเป็นทางออกอีกทางหนึ่งก็ผ่านมาหลายเคสแล้วก็ได้ผลไม่น้อยเลยสามารถทำให้ผู้ป่วยกลับมาใช้งานกระดูกเข่าและเดินเหินได้ปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ในโอกาสที่จะหายดีมันก็ยังแฝงความเสี่ยงอยู่เหมือนกัน จึงได้เกิดมีการผ่าตัดข้อเข่าแบบที่มีคุณภาพเกิดขึ้น สร้างความมั่นใจให้กับผู้ป่วยได้มากกว่าแบบทั่ว ๆ ไปแน่นอน



การผ่าตัดข้อเข่า สะโพกแบบมีคุณภาพ
           ผ่าตัดข้อเข่าที่มีคุณภาพ หมายถึง การผ่าตัด ตรวจ เปลี่ยนกระดูกเทียม รักษาแบบที่ทำตามแบบที่ผู้ป่วยพึงพอใจมากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ เจ็บน้อยที่สุด เปิดแผลน้อย การรักษามีความสมดุล ซึ่งในแบบที่มีคุณภาพนี้การผ่าตัดเปลี่ยนข้อจะมีผลกระทบต่อส่วนอื่น ๆ ในร่างกายน้อยที่สุด ภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ก็น้อยตาม แน่นอนว่าอุปกรณ์เครื่องมือในการผ่าตัดนั้นมีคุณภาพสูงมาก รวมไปถึงทีมแพทย์และผู้ชายก็ต้องมีความชำนาญสูงด้วยเช่นกัน ทำงานกันเป็นทีม โดยก่อนจะผ่าตัดทางแพทย์จะมีการเตรียมตัวผู้ป่วยอย่างดีรวมถึงเตรียมทีมในการผ่าตัดให้มีคุณภาพมากที่สุดด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผลการผ่าตัดออกมาประสบความสำเร็จตามที่ควรจะเป็น



การผ่าตัดแบบมีคุณภาพดีกว่าแบบทั่วไปอย่างไร
       ในความทั่วไปนั้นไม่ได้แปลว่าไม่มีคุณภาพแต่เพียงว่าอุปกรณ์ในการผ่าตัดบางอย่างอาจจะไม่มีความทันสมัยมากพอที่จะเป็นเครื่องมือช่วยให้แพทย์ทำงานได้คล่องมากขึ้น  โอกาสที่จะเกิดสภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ มันจึงมีมากกว่าแบบคุณภาพ เช่น การติดเชื้อในบาดแผล กระดูกส่วนอื่น ๆ ดันหักเสียหายเพิ่มในตอนผ่า แผลหายข้า และเจ็บมากเนื่องจากแผลมีขนาดกว้างมาก ระยะเวลาในพักฟื้นนานมาก อาจจะมีอาการป่วยเป็นไข้และอื่น ๆ ตามมาได้ แต่มันก็แล้วแต่สภาพร่างกายของผู้ป่วยด้วย บางคนการผ่าตัดแบบธรรมดาทั่วไปก็หายได้ง่าย ๆ เหมือนกันเพราะว่าร่างกายของเขาแข็งแรงมากพอที่จะหายเร็ว  แต่สมัยนี้มีเครื่องมือทางการแพทย์ใหม่ ๆ มามากแล้วควรเลือกผ่าตัดในสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดสำหรับร่างกายและกระดูกของผู้ป่วยจะดีกว่า




          สรุปแล้วไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดข้อเข่าแบบมีคุณภาพสูงหรือทั่วไปมันก็ดีเหมือนกัน เพราะว่าอย่างหนึ่งที่เกี่ยวข้อคือ ตัวผู้ป่วยเองพร้อมมากแค่ไหนสำหรับการผ่าตัด และดูแลตัวเองดีมากแค่ไหนหลังการผ่าตัดแล้ว ทั้งนี้แพทย์เองจะต้องมีความชำนาญในการผ่าตัดมากพอ สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวหลัก ๆ ที่จะทำให้การผ่าตัดสำเร็จได้  ก่อนจะไปทำการรักษาที่ไหนลองหาข้อมูลการรักษาและข้อมูลของแพทย์ดูก่อนเพื่อความมั่นใจ 

ที่มา : orthochula.com


วันพุธที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2560

หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท วิธีดูแลตัวเองของผู้ป่วยที่เป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท


           ภาวะของอาการปวดกระดูก ข้อต่อส่วนต่างๆของคนเรา ในทุกวันนี้เกิดขึ้นไม่เฉพาะแต่ผู้สุงอายุ มันคืบคลานเข้ามาในชีวิตคนเรามาถึงวัยหนุ่ม วัยสาว หรือแม้แต่ผู้ที่เคยทำงานหนัก ทำงานกลางแดด คนใช้แรงงาน  และรวมทั้งการเกิดอุบัติเหตุเฉียบพลัน รุนแรงจากการกระแทก เป็นต้น
            แต่อย่าเพิ่งตกอกตกใจไปก่อน หากคุณมีอาการเริ่มปวดหลัง  มันอาจจะยังไม่ใช่อาการของโรคร้ายดังกล่าวนี้ก็ได้  อาการของโรคนี้ผู้ป่วยจะมีอาการปวด เสียว ร้าวตามเส้นประสาทลงมาที่ขา   เราต้องหมั่นสังเกตตนเองว่าอาการปวด ปวดรูปแบบใด  บางอย่างมีอาการใกล้เคียงกัน แต่ไม่ใช่ การปวดกล้ามเนื้อรุนแรง จากการทำงานหนัก ยกของหนักด้วยท่าที่ผิด หรือ รีบร้อนยกของ หรือ นั่งในท่ากดรั้งเป็นเวลานานๆต่อเนื่องกันหลายๆวัน โดยขาดการออกกำลังกายที่ถูกวิธี และท่าบริหารกล้ามเนื้อ และหลัง  ก็ทำให้เรามีอาการคล้ายคลึงกันจนบางทีแยกไม่ออกว่าเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทจริงหรือไม่ ต้องได้รับการตรวจละเอียดโดยแพทย์ผู้ชำนาญเฉพาะด้านอีกครั้ง


 วิธีดูแลตัวเองของผู้ป่วยหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
            หากการรักษาบรรเทาอาการลงมามากแล้ว  วิธีต่างๆนี้หากผู้ป่วยยังคงมีอาการปวดหนักมากอยู่ คงยังไม่สามารถใช้วิธีดังกล่าวได้ คนที่มีอาการของหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทจริงๆ อาการจะทรมานมากๆ ปวดตามเส้นประสาทลงมาที่ขา ชนิดที่เรียกน้ำตาได้ตลอดเวลา จะขยับเคลื่อนตัวไปไหนก็สุดแสนจะทรมาน เพราะจะปวดร้าวไปหมด  จะมีบางท่วงท่าเท่านั้นที่ไม่กดทับจึงจะทำให้ลดอาการปวดลงได้ เช่นคนที่หมอนรองกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท
           หากอาการของมันรุนแรงจนแสดงตัวชัดเจน แรกๆอาจจะทายา แล้วอาการดังกล่าวหายไปเป็นพักๆ จนทำให้ผู้ป่วยชะล่าใจคิดว่า ปวดหลังธรรมดา แต่เวลาเริ่มเนิ่นนานไปเรื่อยๆ และไม่ได้รับการตรวจวินิจฉัยอาการจากแพทย์ ได้แต่ทานยาแก้ปวด  ทายากล้ามเนื้อ เป็นครั้งๆไปแล้วอาการดีขึ้นเป็นพักๆ  แต่เมื่อเราทำอะไรซ้ำๆให้เกิดแรงกดของกระดูกสันหลังไปอีก เช่น ชีวิตประจำวันต้องทำงานกับคอมพิวเตอร์  นั่งตลอดเวลา หรือ ต้องขับรถเป็นเวลานานต่อเนื่องโดยไม่ลงจากรถเลยเป็นเวลานานหลายชั่วโมงอาจจะด้วยภาวะรถติดที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ทำให้อาการนี้รุนแรงสะสมมาเรื่อยๆโดยที่ผู้ที่ป่วยไม่รู้ตัวว่าเรานั้นกำลังเป็นโรคนี้อยู่ 
             เมื่อผู้ป่วยมีอาการแล้ว และได้รับการรักษาที่ถูกต้องจากแพทย์อาจจะด้วยวิธีใดก็ตาม ผู้ป่วยต้องทำความเข้ากับตัวเองเลยว่า เรานั้นจะไม่สามารถปฏิบัติตน หรือทำงานหนักได้เหมือนคนปกติได้แล้ว ไม่เช่นนั้นอาการก็จะกลับมาเป็นเช่นเดิมอีก 

วิธีป้องกันตนเองหลังอาการดีขึ้น
          มีหลายวิธี ส่วนใหญ่จะเป็นการจัดท่าทางของร่างกายเป็นหลัก  ไม่ว่าจะการยืนที่ให้น้ำหนักค่อนไปทางส้นเท้า ฝึกแขม่วท้องระหว่างยืน นอน เดิน และต้องเดินในท่าอกผาย ไหล่ผึ่ง คือให้ร่างกายตรงจริงๆ เพื่อให้กระดูกสันหลังตั้งตรงเสมอ นั่งก็ต้องนั่งหลังตรง การขับรถก็ต้องปรับให้พนักพิงโอบหลังเป็นมุมฉาก  การยกของก็ต้องนั่งลงกบพื้นแล้วจึงยกของขึ้นมา   และไม่ควรยกของหนักจนเกินไป 


             หากทำได้เช่นนี้อาการก็จะบรรเทาลงไป ผู้ป่วยจะใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ  ข้อระวังอย่างหนึ่งคือ ห้ามวิ่ง  การออกกำลังกายโดยการวิ่งจ็อกกิ่งนานๆ จะทำให้กระดูกสันหลังส่วนที่ถูกกดทับได้รับการกระแทก  การดูแลตนเองมีส่วนสำคัญอย่างมาก  หากทำได้ คุณก็จะมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีสุขได้เช่นกัน

ที่มา : health.mthai.com






วันอังคารที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2560

กระดูกสันหลังทับเส้นประสาท ผู้ป่วยแบบไหนจะได้รับการรักษาโดยการฉีดยาเข้าโพรงกระดูกสันหลัง


            การรักษาผู้ป่วยกระดูกสันหลังทับเส้นประสาทนั้นจะต้องให้แพทย์ทำการวินิจฉัยก่อนว่าจะต้องทำการรักษาแบบไหน สำหรับผู้ป่วยที่จะต้องรักษาด้วยการฉีดยาเข้าโพรงกระดูก ซึ่งมีตั้งแต่คนที่ปวดไม่มากไปจนถึงการปวดแทบจะนอนไม่ได้เลยก็มี มีหลายแบบแล้วแต่ว่าสภาพร่างกายของแต่ละคนอีกด้วย มาดูกันเลยว่าผู้ที่มีอาการแบบนี้จะได้รับการฉีดยาเข้าโพรงกระดูก แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะปวดแบบไหนหากปวดมาก ๆ ให้รีบไปพบแพทย์ทันทีก่อนที่อาการจะหนักกว่าเดิม



ผู้ป่วยที่จะได้รับการฉีดยาเข้าโพรงกระดูก
           ไม่ใช่ว่าใครอยากจะรักษาด้วยการฉีดยาเข้าโพรงกระดูกก็จะทำได้เลย ต้องให้แพทย์เท่านั้นเป็นคนตัดสินใจซึ่งส่วนใหญ่ผู้ป่วยที่จะได้รับการรักษานั้นจะเป็น ผู้ป่วยอาการหนักมากปวดจนไม่มีแรงจะทำอะไรขยับตัวก็ยังไม่ได้ ผู้ป่วยที่แพทย์แนะนำให้ฉีด  ผู้ป่วยที่ปวดจนนอนไม่หลับ ผู้ป่วยที่ผ่านการรักษาในแบบอื่น ๆ มาแล้วแต่ยังไม่ได้ผล และผู้ป่วยที่รอดูอาการว่าจะได้รับการผ่าตัดกระดูกสันหลังหรือไม่
         การรักษาด้วยวิธีนี้หากยังไม่ได้ผลดีจะต้องเปลี่ยนไปเป็นการผ่าตัดแล้ว ซึ่งค่าใช้จ่ายก็จะสูงขึ้นตามไปด้วยเหมือนกัน และในการฉีดยาเข้าโพรงกระดูกสันหลังนี้การที่จะประสบผลสำเร็จในการรักษาก็ต่างกันออกไปด้วย หากเริ่มปวดน้อยกว่า 3 เดือน โอกาสที่จะรักษาหายมีถึง 90 % เพราะแบบนี้ถึงอยากให้ไปพบแพทย์ทันทีที่มีอาการ หากเกิดปวดหลังมา 6 เดือนแล้วก็ 70 % ที่จะหาย แต่ถ้าประมาณ 1 ปี ก็โอกาสประมาน 50 % ที่จะหาย ยังไงก็ตามการดูแลร่างกายตัวเราเองให้ดีเป็นสิ่งที่สำคัญอย่าละเลยเด็ดขาด



ข้อดีของการรักษาด้วยการฉีดยาเข้าโพรงกระดูกสันหลัง
       1.ช่วยบรรเทาอาการปวดจากการเป็นโรคกระดูกสันหลังทับเส้นประสาทได้มากถึง 70 %
       2. บรรเทาอาการได้นาน 3 – 6 เดือน
       3. ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้งานร่างกายได้ในชีวิตประจำวันปกติ
       4. สามารถกำหนดได้ว่าจุดไหนที่จะต้องทำการรักษาและผ่าตัด ทำให้ฟื้นตัวได้เร็ว
       5. ระยะเวลาในการผ่าตัดเร็วขึ้น ได้ผลดีขึ้น
       6. ไม่ต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลฉีดยาแล้วกลับมาพักที่บ้านได้เลย


อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นการรักษาแบบไหนก็ย่อมมีความเสี่ยงเหมือนกันทั้งนั้น แต่จะมากหรือน้อยก็แตกต่างกันไปอีกที สำหรับการรักษาด้วยวิธีการฉีดยาเข้าโพรงกระดูกสันหลังนั้น คนที่มีอาการยังไม่เนิ่นนานนักจะมีโอกาสประสบความสำเร็จในการรักษาได้มากกว่าคนที่เป็นนานแล้วค่อยทำการรักษา หากไม่อยากจะเจ็บป่วยก็ต้องใช้ร่างกายอย่างระมัดระวังกันด้วย 



ที่มา : Bumrungrad.com