คนเรามีกระดูกด้วยกันทั้งนั้น
กระดูกเองเป็นส่วนสำคัญในร่างกายมีส่วนช่วยให้เคลื่อนไหวได้คล่องตัวมาก
ร่างกายถ้าไม่มีกระดูกคงไม่สามารถจะทรงตัวอยู่ได้อย่างแน่นอน
อาจจะต้องเปลี่ยนเป็นเลื้อยแทนการเดิน นั่งก็คงจะไม่ได้
โรคหมอนรองกระดูกจึงอันตรายมากอาจจะทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างที่ควรจะเป็น
โรคนี้เกิดได้กับคนทุกวัยไม่ใช่เฉพาะผู้สูงอายุเท่านั้น มาดูกันว่าสาเหตุหลัก ๆ
แล้วโรคนี้เกิดได้อย่างไร
โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทมาจากสาเหตุอะไร
บางคนมองว่าจะต้องเกิดกับเฉพาะผู้สูงอายุเท่านั้น แต่หารู้ไม่ว่าทุกคนมีโอกาสที่กระดูกจะได้รับบาดเจ็บเหมือนกัน
ๆ ไม่ว่าวัยรุ่น วัยเรียน วัยทำงาน วัยชรา
เพราะสาเหตุของการเกิดโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทนั้นมาจากหลายสาเหตุที่ส่วนใหญ่ก็เกิดเพราะพฤติกรรมของเราเอง
อย่างเช่น การที่มีน้ำหนักตัวเยอะเกิน(อ้วน) ทำงานยกของหนักแบบไม่ถูกวิธี
นั่งหรือยืนในอิริยาบถที่ไม่ถูกหรืออยู่ในท่าเดียวเป็นเวลานานเกินไป นั่งหลังงอ
และ เกิดจากการประสบอุบัติเหตุต่าง ๆ
ที่ทำให้หลังและกระดูกสันหลังได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง
อาการของโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทที่หลัง
ผู้ป่วยจะมีการปวดหลัง
ปวดเอว ตรงบริเวณด้านล่าง โดยจะปวดทั่วหลัง ปวดแค่ข้างเดียว ปวดเฉพาะเวลานั่ง
ปวดเฉพาะเวลางอตัว เป็นไปได้หมดอาการแต่ละคนไม่เหมือนกัน ซึ่งจะปวดมาก
ๆเพราะว่ากระดูกสันหลังได้รับการกดทับอย่างหนัก
จนบางครั้งผู้ป่วยอาจจะไม่สามารถขยับตัวได้เลย หากใครมีอาการแบบนี้ต้องรีบไปพบแพทย์โดยด่วนก่อนที่จะอาการหนักมากขึ้น
บางครั้งอาการนี้ก็เป็นที่ขาได้เหมือนกันซึ่งส่งผลให้กล้ามเนื้อขาหมดแรง
ปวด ชา หรือเป็นแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง
ที่ผู้ป่วยปวดแบบนี้ก็เพราะว่าแนวของเส้นประสาทนั้นมันจะวิ่งตรงลงมาเลยตั้งแต่หลัง
เอว ลงมาที่ ขา น่อง ไปยันนิ้ว
หากทั้งหมดนี้มันปวดรวมกันจะปวดทรมานมากกล้ามเนื้อไม่สามารถทำงานได้เลยเพราะกล้ามเนื้อมันได้กดทับเส้นประสาทเอาไว้แล้วยังมีประดูกที่กดทับเพิ่มอีก
สรุปสาเหตุของโรค
หลัก ๆ แล้วก็เกิดจากการใช้งานร่างกายที่มากเกินไปของผู้ป่วยเอง โดยเฉพาะหลายคนมักจะเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทเพราะไปยกของหนักเกินกำลังของตัวเอง
หากจำเป็นจะต้องทำให้พยายามหาเครื่องทุ่นแรง หาคนช่วยจะดีกว่า
รวมไปถึงคนที่นั่งทำงานเป็นเวลานาน ๆ ในอิริยาบถเดียวโอกาสที่จะเป็นก็สูงไม่แพ้กัน
พยายามขยับเปลี่ยนท่านั่งและนั่งให้ถูกวิธี
นานเกินไปจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพดวงตาด้วยสำหรับคนที่อยู่หน้าคอมไม่ใช่แค่กับกระดูกสันหลังเพียงอย่างเดียว
ที่มา bumrungrad.com