ปวดมือ นิ้วมือชา ระวังโรคพังผืดทับเส้นประสาท
อาการเส้นประสาทถูกกดทับตรงบริเวณข้อมือ หรือชื่อเรียกทางการแพทย์ว่า Carpal Tunnel Syndrome เป็นอาการที่เกิดจากเส้นประสาทมีเดียน ถูกกดทับตรงบริเวณข้อมือ ซึ่งเกิดจากเส้นเอ็นบริเวณช่องข้อมืออักเสบ ทำให้เส้นเอ็นที่บวมมีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้ช่องว่างในข้อมือมีขนาดเล็กลง เส้นประสาทข้อมือจึงถูกเบียดหรือถูกกดทับ เส้นประสาทมีเดียนที่ผ่านช่องข้อมือ มีแขนงไปยังนิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนางด้านนิ้วหัวแม่มือ เมื่อไปถูกกดทับก็ทำให้มีอาการปวดและชาตามนิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ นิ้วก้อย หรือนิ้วนางได้ ถ้าหากเส้นประสาทถูกกดทับนานๆ กล้ามเนื้อบริเวณฝ่ามือด้านนิ้วหัวแม่มือจะเล็กลีบลง พบได้ในหญิงมากกว่าชาย วัยกลางคนอายุ 30-50 ปี
อาการปวดและชาเกิดจากช่องอุโมงค์ที่เส้นประสาทลอดผ่านที่บริเวณฝ่ามือ มีความดันสูง เนื่องจากว่ามีการอักเสบและการหนาตัวของเนื้อเยื่อพังผืดที่คลุมช่องอุโมงค์นี้ จนไปทำให้เกิดการกดทับเส้นประสาท ผู้ป่วยจึงชามือได้ ในรายที่เป็นมาก จะเกิดเนื้อเยื่อพังผืดบางๆ รัดเส้นประสาทอีกชั้นหนึ่ง ทำให้การรักษาด้วยยาไม่หาย หรืออาจมีสาเหตุอื่นๆ ที่ไม่ใช่เพราะพังผืดหนาขึ้นก็เป็นได้ เช่น มีเยื่อหุ้มรอบเส้นเอ็นหนาตัวขึ้น ก็อาจที่จะทำให้มีความดันในช่องอุโมงค์บริเวณฝ่ามือสูงขึ้นได้เช่นกัน
อาการที่พบได้บ่อย ก็คือ มีอาการชานิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง มีอาการปวด รวมทั้งเสียวคล้ายถูกไฟช็อต (Tingling) และก็ปวดบริเวณนิ้วมือ ข้อมือ มือ อาจจะปวดขึ้นตามแขนไปจนถึงไหล่ มักปวดเวลากลางคืน ในเวลาทำงาน โทรศัพท์ ทำอาหาร ขับรถ เขียนหนังสือ หรือเมื่อมรการใช้ข้อมือมาก
สาเหตุของโรคพังผืดกดทับเส้นประสาทที่ข้อมือ เกิดจาก
• มีการใช้งานข้อมือในท่าเดิม นานๆ เช่น ผู้ที่ทำงานกับคอมพิวเตอร์ที่ต้องมีการใช้เมาส์ การกดแป้นคีย์บอร์ด รวมไปถึงการเย็บผ้า
• มีการใช้ข้อมือที่งอมือเป็นเวลานาน อย่างเช่น การกวาดบ้าน การรีดผ้า หรือการหิ้วของหนัก
• มีการทำงานที่ใช้ข้อมือกระดกขึ้นและการสั่นกระแทก อย่างเช่น พนักงานโรงงาน ช่างฝีมือ งานที่เกี่ยวกับการก่อสร้างหรืองานคอนกรีต
• พังผืดหนาตัวมากขึ้น จากการที่มีอายุมากขึ้น
ปัจจัยเสี่ยงและโรคอื่นๆที่เกี่ยวข้องที่ทำให้เป็นโรคนี้ง่ายขึ้น ได้แก่
ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน โรคข้ออักเสบ เช่น รูมาตอยด์ เก๊าต์ โรคต่อมไทรอยด์บกพร่อง โรคไต โรคตับ ภาวะตั้งครรภ์ ก้อนถุงน้ำหรือเนื้องอกในช่องอุโมงค์ ภาวะบวมน้ำจากโรค กระดูกหักบริเวณข้อมือ การใช้งานมือนาน เป็นต้น
ทำอย่างไรหากพบอาการน่าสงสัยดังกล่าว
ควรมาพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยว่าใช่โรคพังผืดทับเส้นประสาทที่ข้อมือหรือไม่ เนื่องจากว่าอาจเป็นโรคอื่นได้หรือว่ามีการกดทับเส้นประสาทที่ตำแหน่งอื่นก็เป็นได้ ซึ่งแพทย์จะดูจากอาการปวดแปลบๆ เมื่อเวลาเคาะที่เส้นประสาท และพบว่ามีกล้ามเนื้อลีบ ในผู้ป่วยบางรายอาจต้องมีการตรวจระบบไฟฟ้าของเส้นประสาท รวมทั้งกล้ามเนื้อ หากแพทย์ให้การวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้แล้ว
ปวดมือ นิ้วมือชา ระวังโรคพังผืดทับเส้นประสาท ตอนที่ 2
การรักษาโรคพังผืดทับเส้นประสาทที่สำคัญ คือ การลดความดันในโพรงข้อมือ ทำได้ดังนี้
1.ทำการดามข้อมือ เพื่อให้ข้อมืออยู่นิ่งๆ ตรงๆ จะมีผลให้ความดันในโพรงข้อมือต่ำสุด ทำให้เลือดไหลไปเลี้ยงเส้นประสาทดีขึ้น วิธีนี้นั้นใช้สำหรับกรณีที่เป็นระยะแรก นั่นคือพังผืดยังไม่หนามาก จะได้ผลค่อนข้างดี
2. ปรับการใช้ข้อมือในชีวิตประจำวันและการทำงาน การทำงานที่จะต้องใช้ข้อมือกระดกขึ้น หรืองอข้อมือซ้ำๆ นานๆ รวมไปถึงงานที่มีการสั่นสะเทือน กระแทกจนทำให้ความดันในโพรงข้อมือสูงขึ้นได้ ทั้งนี้การปรับอุปกรณ์การทำงานให้ถูกตามหลักวิชาชีพจึงจำเป็น และควรหลีกเลี่ยงการใช้งานมือในลักษณะเกร็งเป็นเวลานาน
3. ควบคุมหรือรักษาโรคประจำตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคเบาหวานให้ดี
4. การใช้ยาลดการอักเสบที่ไม่ใช่ยากลุ่มสเตียรอยด์ชนิดรับประทาน มักจะให้ผลการรักษาได้ดี ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์
5. ฉีดยาสเตียรอยด์เข้าในช่องอุโมงค์ก็จะช่วยลดการอักเสบและในบางรายอาจหายได้ ซึ่งแพทย์จะใช้ยาชาผสมกับตัวยาสเตียรอยด์ฉีดเข้าไป หลีกเลี่ยงการฉีดตรงเส้นประสาท โดยฉีดไปในโพรงข้อมือรอบๆ วิธีนี้ได้ผลดีเฉลี่ยประมาณ 40-50เปอร์เซ็นต์ ขึ้นอยู่กับระยะของโรค และปัจจัยอื่นๆที่เกี่ยวข้อง หากการรักษาเบื้องต้นไม่สำเร็จ ผู้ป่วยจะมีอาการชามากขึ้น จำเป็นต้องรับการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด
6.การรักษาด้วยการผ่าตัด ในผู้ป่วยที่มีอาการมากหรือกล้ามเนื้อเริ่มอ่อนแรงและลีบลง และไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาแล้ว ต้องรักษาด้วยการผ่าตัด หลักการของการผ่าตัดโรคพังผืดทับเส้นประสาทในข้อมือ ก็คือ ตัดพังผืดที่ผ่านบริเวณด้านหน้าข้อมือออก ทำให้ช่องว่างในโพรงข้อมือเพิ่มขึ้นประมาณ 15-20 เปอร์เซ็นต์ ก็จะทำให้ความดันในโพรงข้อมือลดลง และเลือดมาเลี้ยงเส้นประสาทได้ดีขึ้น
วิธีการผ่าตัดพังผืดทับเส้นประสาทที่ข้อมือมีหลายวิธี ที่ศัลยแพทย์นิยมทำกัน และเป็นวิธีมาตรฐาน อันได้แก่
6.1 ทำการผ่าตัดแบบเปิด หรือ Open carpal tunnel release แพทย์จะเปิดให้เห็นเส้นประสาทโดยตรง โอกาสที่จะบาดเจ็บต่อเส้นประสาทจะน้อยกว่า และยังสามารถทำการผ่าตัดอื่นร่วมด้วยได้ อย่างเช่น การตัดเยื่อหุ้มเอ็นออกไปด้วย เป็นต้น
6.2.ทำการผ่าตัดแบบเปิดแผลจำกัด หรือ Limited open carpal tunnel release แพทย์จะเปิดแผล 1.5 เซนติเมตร ที่ฝ่ามือและตัดพังผืดออกได้เช่นเดียวกับวิธีผ่าตัดแบบมาตรฐาน แต่ใช้อุปกรณ์พิเศษในการตัด ซึ่งได้แผลที่เล็กกว่า ผู้ป่วยกลับทำงานได้เร็วขึ้น ผลการรักษาก็ดีพอๆ กับวิธีตามมาตรฐาน
6.3 ทำการผ่าตัดผ่านกล้อง หรือ Arthroscopic carpal tunnel release แพทย์จะใช้กล้องส่องเข้าไปใต้ต่อพังผืดข้อมือ ตัดพังผืดออกจากด้านใน วิธีนี้ผู้ป่วยกลับไปทำงานตามปกติได้เร็วขึ้นกว่าเดิม เพราะไม่มีแผลผ่าตัดที่มือ ผู้ป่วยไม่เกิดการปวดที่ฝ่ามือหลังผ่าตัด ซึ่งเป็นปัจจัยที่พบบ่อยในการผ่าตัดแบบเดิม
ทั้งนี้แล้ว การรักษาสามารถทำได้ในทุกวิธี ขึ้นอยู่กับว่าความรุนแรงของโรคมีเพียงใด รวมไปถึงประสบการณ์และความชำนาญของศัลยแพทย์เป็นหลักอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก
www.phyathai.com/specialcenterdetail/10/204/PYT1/TH
www.health.kapook.com/view54414.html