disable right click

วันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2559

กระดูกแตกร้าวจากการวิ่ง


กระดูกแตกร้าวจากการวิ่ง
กระดูกแม้จะแข็งแต่ก็สามารถแตก ร้าว ไปจนถึงหักได้ หากมีการกระแทกอย่างรุนแรง หากเกิดเหตุการณ์นั้นบริเวณนั้นก็จะบวม มีรูปร่างที่คดงอหรือผิดรูปไปจากเดิม หากลองขยับดูจะมีเสียงกรอบแกรบเหมือนกับกระดาษทรายถูกัน  ถ้าเป็นกระดูกที่ร้าวหรือแตกจากแรงที่กระแทกบ่อย ๆ และนาน ๆ ในระยะแรก ๆ อาจจะวินิจฉัยโรคได้ยาก ดังนั้นต้องระลึกเสมอหากมีอาการบาดเจ็บเกิดขึ้น ให้นึกถึงกระดูกแตกร้าวไว้

อาการบาดเจ็บจากการวิ่งที่เกิดจากการร้าวของกระดูก อันเนื่องจากการใช้งานที่มากเกินไป และมีการกระแทกซ้ำ ๆ จะพบได้ในนักวิ่งที่เพิ่มระยะทางเร็วจนเกินไป หรือนักวิ่งที่วิ่งเร่งความเร็วมากเกินไป และสิ่งที่ทำให้เกิดกระดูกร้าวได้ง่าย ก็คือ พื้นที่แข็ง มักพบมากในนักวิ่งที่เริ่มวิ่ง หรือนักวิ่งที่ต้องการชัยชนะ โดยที่มีการฝึกหนักจนเกินไป
ผู้บาดเจ็บจะมีความเจ็บปวดที่ตำแหน่งเดียว  โดยเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา หากไม่หยุดวิ่งก็จะเจ็บปวดมากขึ้น จนแทบทนไม่ได้ หากใช้นิ้วกดก็จะเจ็บ โดยที่เราสามารถรู้ได้ว่าเป็นกระดูกเพราะว่ามันจะแข็งและอยู่ที่ผิวนอก ที่พบบ่อย ๆ คือ หลังเท้าด้านนอกเหนือตาตุ่มเล็กน้อย และส้นเท้าแข็งตอนบน รวมทั้งอาจพบกระดูกร้าวจากการวิ่งที่บริเวณเชิงกราน กระดูกสันหลัง และหัวเหน่า โดยเฉพาะนักวิ่งที่เป็นวัยรุ่น

ตำแหน่งของกระดูกร้าวที่เกิดได้บ่อยจากการวิ่ง
1. บริเวณเท้า
มักจะเกิดที่กระดูกฝ่าเท้าอันที่ 2 , 3 และ 4 พบในนักวิ่งที่วิ่งบนพื้นที่แข็ง และวิ่งขึ้นหรือลงจากที่สูง เกิดจากการวิ่งที่ผิด เช่น ฝึกมากจนเกินไป วิ่งเร่งเพิ่มอัตราความเร็วมากเกินไปบนพื้นที่แข็งหรือทางลาดขึ้นลง การรักษาในระยะแรกที่มีอาการกระดูกร้าว ไม่จำเป็นจะต้องใส่เฝือก  แต่ถ้าหากวิ่งต่อไปทั้ง ที่เกิดกระดูกร้าวไปแล้ว จำเป็นจะต้องใส่เฝือกนานถึง  4 – 6 สัปดาห์ หากมีร้าวในตำแหน่งที่เอ็นกล้ามเนื้อยึดเกาะด้วย อาจจะต้องใส่เฝือกนาน  2 เดือน
2. บริเวณเหนือข้อเท้าด้านนอก
กระดูกอันเล็กเหนือตาตุ่มด้านนอกเกิดแตกร้าว  มักจะพบในนักวิ่งที่มีฝ่าเท้าที่คว่ำปัดออกนอก นักวิ่งที่ฝึกมากเกินไป วิ่งบนพื้นที่แข็งซ้ำ ๆ จะเริ่มมีอาการเจ็บมากขึ้นทีละน้อยๆ บริเวณด้านนอกของเท้าเหนือตาตุ่มประมาณ 5 ถึง 8 ซม. อาจบวมเล็กน้อย หากจุดกดเจ็บตรงตำแหน่งนี้ ถ้าพบว่าอาการเป็นไม่มากหรือหากได้รับการรักษาในระยะแรก ก็ไม่ต้องใส่เฝือก แต่ถ้าหากมีอาการมากเนื่องจากว่าปวดแม้กระทั่งเวลาเดิน ก็ต้องใส่เฝือกนาน 3 – 6 อาทิตย์ ทางที่ดีที่สุดคือ ใส่เฝือกไฟเบอร์กลาสที่เปียกน้ำได้ เพื่อจะได้ออกกำลังวิ่งรอการหายได้ แต่ต้องเป็นการวิ่งในน้ำเท่านั้น เพื่อลดการกระแทก เมื่อหายดีก็จะสามารถวิ่งต่อไปตามปรกติเร็วขึ้น
3. ตรงบริเวณกระดูกหน้าแข้ง
เกิดที่บริเวณกระดูกอันใหญ่ของขา ในตำแหน่งด้านในตอนบนของขา ที่ต่ำกว่าเข่าประมาณ 5 – 10 เซนติเมตร พบในนักวิ่งที่มีขาโก่ง หรือนักวิ่งที่ฝึกมากจนเกินไป วิ่งบนพื้นแข็งซ้ำ ๆ จะมีอาการเจ็บมากขึ้นทีละน้อย  และเมื่อกดจะเจ็บ กระดูกที่ร้าวบริเวณนี้จะไม่สามารถเห็นในภาพเอ็กซเรย์ จนกระทั่งเวลาผ่านไป 1 – 6 เดือน ตั้งแต่การเจ็บครั้งแรก จึงพบว่ามีกระดูกร้าว การรักษาคล้ายกับที่กระดูกเหนือตาตุ่มด้านนอกร้าว เนื่องจากว่าเป็นระยะเวลานานกว่าที่จะปรากฏภาพกระดูกร้าวบนเอ็กซเรย์ หรืออาจจะเห็นภาพในเอ็กซเรย์ตอนที่มีการเสริมสร้างกระดูกขึ้นแล้ว จึงทำให้ลักษณะเอกซเรย์คล้าย กับภาพเอ็กซเรย์ของมะเร็งกระดูก ทั้งหมอและคนไข้อาจตื่นตกใจได้ แต่หากทราบเรื่องหรือประวัติโดยละเอียดแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจจนเกินไป

การปฐมพยาบาลและการรักษา
หากมีการเจ็บปวดขณะวิ่งในตำแหน่งต่าง ๆ ที่กล่าวมา หรือหากวิ่งแล้วเจ็บปวดมากขึ้น  ที่จุดใดจุดหนึ่ง ควรหยุดวิ่งทันที พัก แล้วประคบด้วยน้ำแข็งประมาณ  15 – 20 นาที ให้ยาแก้ปวด อาการก็จะดีขึ้น

แต่ถ้าหากไม่หายเจ็บปวด แม้เวลาผ่านไป 3 วัน หรือ 3 อาทิตย์แล้ว ถ้าหากเราสามารถจับจุดที่กดเจ็บได้ว่าเป็นกระดูก ให้พบแพทย์ทันที แพทย์จะเอ็กซเรย์ แต่ก็จะพบว่าเอ็กซเรย์ปรกติ ในผู้ป่วยรายที่เป็นครั้งแรกไปจนถึง 3 – 6 สัปดาห์ แต่ว่ามีอาการเจ็บตรงส่วนกระดูกก็ต้องพักรักษาตัว ไม่ควรวิ่งหรือเดินมากอย่างน้อย 6 อาทิตย์จน ถึง 3 เดือน แล้วแต่ความรุนแรงของกระดูกที่ร้าว

 ทั้งนี้แพทย์จะให้ยาบำรุงกระดูกจำพวกแคลเซียมและวิตามินซีขนาดสูงร่วมด้วย พร้อม กับเอ็กซเรย์เป็นระยะ  ซึ่งจะพบว่าหลังจาก 3 อาทิตย์เป็นต้นไป ก็จะเห็นรอยร้าวของกระดูกได้ ต่อมาเริ่มมีเนื้อกระดูกพอกพูนเพิ่มขึ้นจนรอยร้าวได้หายไป จึงจะหายและกลับไปวิ่งได้อีก

การรักษากระดูกร้าวจากการวิ่งไม่จำเป็นต้องใส่เฝือก แต่งดเว้นการลงน้ำหนักมากในระยะเริ่ม แรกจะต้องใช้ไม้เท้าถือ ช่วยในการเดินชั่วคราว เพื่อที่จะลดน้ำหนักขาข้างที่มีกระดูกร้าว ในช่วง 3 อาทิตย์แรก เมื่อกลับมาวิ่งใหม่ก็ต้องวิ่งช้า ๆ บนพื้นที่นุ่มๆ อย่างเช่น พื้นหญ้า พื้นทราย และใช้รองเท้าที่มีพื้นนิ่ม เพื่อลดแรงกระแทกด้วย จากน้อยจึงค่อยเพิ่มระยะทางจนกระทั่งวิ่งได้ปรกติ ทั้งนี้ต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 3 ถึง 6 เดือน

ส่วนกระดูกหักล้า ตรงบริเวณสันหลังระดับเอว ผู้ป่วยจะมีอาการปวดบริเวณกึ่งกลาง หลังจากปวดทีละน้อย จะปวดมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าหากมีอาการดังกล่าวให้พักโดยทันที เพราะอันตรายมาก แล้วจึงพบแพทย์เพื่อให้วินิจฉัยโดยทันที เพราะถ้าร้าวในระยะแรกก็จะสามารถหายได้ แต่ถ้าปล่อยให้เป็นมากขึ้น ก็ต้องเล่นกีฬาที่เบาๆ เพราะถ้าเล่นกีฬาหนัก วิ่งอย่างหนัก หรือยกของหนัก หรือว่ามีการบิดตัว ก็จะทำให้กระดูกสันหลังเคลื่อนไปข้างหน้า มีการกดทับเส้นประสาทของไขสันหลังจนทำให้เกิดอัมพาตได้
การป้องกัน
1. ควรหลีกเลี่ยงการวิ่งบนพื้นแข็งเป็นระยะเวลานานหรือสม่ำเสมอ
2. ไม่หักโหมฝึกวิ่งหนักจนเกินไป
3. ไม่ควที่จะวิ่งสปีดความเร็วบ่อย ๆ ในการวิ่งระยะทางยาว
4. ไม่ควรที่จะวิ่งกระแทกกระทั้นลงบนพื้นที่วิ่งที่ขึ้นหรือลงมาจากที่สูง
5. ควรใส่รองเท้าที่พื้นนิ่มเพื่อลดและซึมซับแรงกระแทกที่เท้า
6. นักวิ่งมือใหม่ควรที่จะฝึกวิ่งอย่างช้า ๆ บนพื้นที่นิ่ม เช่น หญ้า หรือทราย และประมาณตน ไม่วิ่งหักโหมมากจนเกินไป
7. ปรับโครงสร้างที่ผิดรูปด้วยอุปกรณ์เสริมต่างๆทางกายภาพ เช่น หากเท้าคว่ำบิดออกนอกหรือมีขาโก่ง ควรวิ่งด้วยรองเท้าที่ตัวเสริม เพื่อที่จะลดการเกิดกระดูกร้าวตามตำแหน่งที่ล่อแหลมได้
ขอบคุณขัอมูลจาก thairunning.com/pain_bone.htm