disable right click

วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2559

โรคลำไส้แปรปรวน-ไอบีเอส




โรคลำไส้แปรปรวน-ไอบีเอส  (IBS – Irritable  Bowel  Syndrome)  เป็นกลุ่มอาการที่เกิดร่วมกันมีหลายอาการ  สาเหตุจะมาจากลำไส้ตอบสนองจากสิ่งเร้าได้เร็วกว่าปกติ  จึงทำให้เกิดอาการปวดเกร็งแถวบริเวณท้องน้อยหรือบริเวณใต้สะดือ  ร่วมกับอาการท้องเสีย  หรือท้องผูก  หรือท้องเสียสลับกับท้องผูก  อาจจะมีมูกปนในอุจจาระ  อาการปวดจะหายไปหลังจากมีการขับถ่าย  อาจมีอาการท้องอืด  แน่นท้อง  หรือเรอด้วย ส่วนใหญ่อาการปวดท้องจะเกิดขึ้นตอนเช้าหรือหลังกินอาหาร  สำหรับคุณผู้หญิงจะมีอาการปวดท้องมากขึ้นเมื่อเป็นช่วงมีประจำเดือน

คุณรู้หรือไม่? 
โรคร้าย...   แต่ไม่ใช่โรคลำไส้แปรปรวน
เพราะลำไส้แปรปรวนมีหลายอาการร่วมกันอาจทำให้เกิดความสับสนได้ว่า  อาการที่กำเริบอยู่เป็นลำไส้แปรปรวนหรือไม่  โดยเรามีวิธีสังเกตอาการผิดปกติที่ส่อว่าอาจเป็นโรคร้าย  เช่น  กระเพาะอาหาร  มะเร็งลำไส้  แต่ไม่ใช่อาการของลำไส้แปรปรวน  ดังนี้  คือจะมีอาการรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ  เป็นไข้ตัวร้อน  มีเลือดปนในอุจจาระ  หน้าซีด  โลหิตจาง  น้ำหนักลด  หรือมีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร  ดังนั้นควรรีบพบแพทย์โดยเร็วที่สุด

เจาะสาเหตุลำไส้แปรปรวน
ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคลำไส้แปรปรวนแน่ชัด  ดร.ดักลาส  เอ.  ดรอสแมน  (Dr. Douglas  A.  Drossman)  แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านช่องท้องอดีตผู้อำนวยการร่วม  UNC  Center  for  Functional  Gl  and  Motility  Disorders  และประธาน  Drossman  Center  for  the 
Education  and  Practice  of  lntegrated  Care  LLC  กล่าวว่า
“ความเครียดกับโรคลำไส้แปรปรวนมีความสัมพันธ์กันเป็นอย่างมาก” 
อารมณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นความกลัว  ความโกรธ  ความตื่นเต้น  ความเครียด  ความเศร้า  ฯลฯ  ทั้งหมดล้วนส่งผลโดยตรงต่อระบบย่อยอาหาร  เพราจะทำให้ลำไส้ใหญ่เกิดการบีบตัวที่ผิดปกติ  ผู้ที่เกิดความตื่นเต้น  เช่น กำลังจะขึ้นเวทีต่อหน้าสาธารณชนครั้งแรก  หรือคนที่จู่ ๆ ก็มีเหตุให้เครียดจัด  มักจะรู้สึกปวดท้องขึ้นมาทันที 
อาการของลำไส้แปรปรวนนอกจากจะถูกกระตุ้นจากความเครียดได้ง่ายแล้ว  ยังมีอาหารเป็นตัวกระตุ้นได้ด้วย โดยเฉพาะอาหารประเภทที่มีไขมันสูง  เนื้อสัตว์  อาหารที่ทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารมาก  เช่น  กะหล่ำปลี  นม  หอมหัวใหญ่  ชา  กาแฟ  น้ำอัดลม  เครื่องดื่มแอลอฮอล์  ยาและฮอร์โมนบางชนิดก็เป็นตัวการกระตุ้นอาการลำไส้แปรปรวนได้ด้วยเช่นกัน
โปรดสังเกตว่า ทั้งกรดไหลย้อนและลำไส้แปรปรวนมีตัวกระตุ้นให้เกิดคล้ายกัน  นั่นคืออาหาร   ความเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนในร่างกาย  และความเครียด
สมุนไพรบำบัด  สุขภาพท้อง
หนังสือ  สมุนไพรน่ารู้  โดย  รองศาสตราจารย์  ดร. วันดี  กฤษณพันธ์  กล่าวถึงสมุนไพรหลายชนิดที่ช่วยขับลม  แก้อาการท้องอืด เฟ้อ  และแก้โรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหารและลำไส้ เช่น 
- กะเพรา   ใช้เป็นยาช่วยขับลม  แก้ท้องอืด  ท้องเฟ้อ บำรุงธาตุ  ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารและรักษาผู้ที่เป็นโรคหืดได้
- กล้วยน้ำว้า   จัดเป็นสมุนไพรสารพัดประโยชน์  ช่วยรักษาอาการท้องเสีย  โดยให้กินผลห่ามครั้งละ  ½ -  1  ผล  ถ้าหากมีอาการท้องอืดร่วมด้วยให้เราดื่มน้ำขิง  สำหรับให้แก้อาการท้องผูกให้กินกล้วยน้ำว้าสุกวันละ  2  -  4  ผล
- ขิง   ช่วยขับลม  แก้อาการท้องอืด  ท้องเฟ้อ  และยังมีเอนไซม์ช่วยย่อยเนื้อสัตว์  การดื่มน้ำขิงหลังอาหารจะสามารถช่วยขับลมได้ดี
- ขมิ้นชัน   แก้อาการท้องอืด  เฟ้อ  และจุกเสียด  โดยตำขมิ้นชันสดให้ละเอียด  จากนั้นคั้นเฉพาะน้ำแล้วนำมาผสมกับน้ำต้มสุกในอัตราส่วนเท่ากัน  กินครั้งละ  2  ช้อนโต๊ะ  วันละ  4  ครั้ง   หลังอาหารและก่อนนอน  หรือจะกินขมิ้นชันขนิดแคปซูลก็ได้
- กระชาย   แก้อาการท้องอืด  ท้องเฟ้อ  ขับลม  และท้องเสีย  วิธีทำอย่าง ๆ คือ ทุบกระชายน้ำหนัก  5 – 10  กรัมพอแตก นำไปต้มกับน้ำ ดื่ม หรือปรุงเป็นอาหาร  โดยในเมนั้นไม่ควรใช้พริกมากให้ใช้น้อยๆ พอ  เพราะพริกจะทำให้เกิดการระคายเคืองกระเพาะอาหารและลำไส้ได้
- ตะไคร้   แก้อาการ  ท้องเฟ้อ ท้องอืด และช่วยขับลม โดยนำตะไคร้น้ำหนัก  40  กรัมไปต้มกับน้ำ ดื่มแก้อาการ หรือจะปรุงเป็นอาหารก็ได้

ทริป แก้ลำไส้แปรปรวนด้วยตนเอง
การดูแลอาการลำไส้แปรปรวนด้วยตนเองนั้น เราต้องเริ่มจากการหาสาเหตุของโรคให้ได้ก่อน  ดร.ดรอสแมนแนะนำว่า  ควรจดบันทึกพฤติกรรมของเราหรือสถานการณ์ในวันนั้น ๆ ไว้อย่างละเอียดเพื่อหาสาเหตุที่ก่อโรค  และควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตดังนี้
1.ลดการกินเนื้อสัตว์หรือไข่ซึ่งเป็นโปรตีนย่อยยาก  ควรกินโปรตีนจากเต้าหู้  ถั่วเหลือง  และเนื้อปลาซึ่งย่อยง่าย
2.หลีกเลี่ยงการกินของทอด  อาหารมัน ๆ หรือขนมเบเกอรี่ที่อุดมไปด้วยนม  เนย
3.ไม่ควรกินแป้งขัดขาว  เช่น  ข้าวขาว เส้นก๋วยเตี๋ยว  ควรกินธัญพืชไม่ขัดสี  เช่น  ข้าวกล้อง  ข้าวซ้อมมือ เส้นโฮลวีต  เมล็ดถั่ว   งา
4.เลี่ยงการกินอาหารรสจัดซึ่งทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร  เช่น  อาหารรสเผ็ดและเปรี้ยวจำพวกเมนูยำ  น้ำส้ม  น้ำมะนาว
5.หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มจำพวก  ชา  กาแฟ  เหล้า  เบียร์  และน้ำเย็นจัด  ควรดื่มน้ำอุณหภูมิปกติหรือน้ำอุ่นวันละ  6 – 8  แก้ว
6.กินอาหารครั้งละน้อย ๆ แต่บ่อยครั้ง  โดยปรับจากมื้อใหญ่ 3 มื้อ  เป็นมื้อย่อย  4 – 5  มื้อแทน  โดยเน้นกินผัก ผลไม้ที่มีใยอาหารมาก
7.ออกกำลังกายเป็นประจำ  เช่น  การรำกระบอง  ฝึกโยคะ  ฝึกซี่กง  ก็จะช่วยสร้างความแข็งแรงให้แก่ร่างกายและช่วยลดความเครียดลงได้
8.สู้ลำไส้แปรปรวนสไตล์ชีวจิต  อาจารย์สาทิสแนะนำวิธีแก้ลำไส้แปรปรวนไว้ดังนี้
งดการกินอาหารรสจัดและกินอาหารชีวจิต  ทำดีท็อกซ์อย่างน้อย  3  วัน  และกินยาธาตุบรรจบครั้งละ  3 – 5  เม็ด  วันละ  3  ครั้ง  หลังอาหาร
ไม่ว่าเราจะป่วยเป็นโรคอะไร  หากมีความรู้เกี่ยวกับโรคและรู้แนวทางในการดูแลที่ถูกต้องแล้ว  ชีวจิตเชื่อว่าเพียงแค่ลงมือทำตามความตั้งใจจริง  เราก็จะสามารถสยบโรคกรดไหลย้อน  โรคลำไส้แปรปรวน  หรือโรครายอื่น ๆ ได้อย่างแน่นอน

ขอบคุณข้อมูลจาก  ชีวจิต  เล่มที่  383     16  กันยายน  2557
ปวด