เส้นเอ็นด้านข้างข้อเข่าบาดเจ็บ (Collateral ligament injuries)
เข่าถือเป็นข้อต่อที่สำคัญในการเคลื่อนไหวร่างกาย
ในการเดิน วิ่ง สปริงตัว ย่อตัว และเป็นข้อต่อที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย
และแบกรับน้ำหนักของร่างกายด้วย
ข้อเข่า ประกอบด้วย
กระดูกที่สำคัญ 3 ชิ้นคือ
1. กระดูกต้นขา(thighbone)
,
2. กระดูกแข้ง(shinbone)
3. สะบ้า
(kneecap) กระดูกสะบ้าจะอยู่ด้านหน้าของข้อเข่าจะยึดติดกระดูกต่างๆ
โดยมีเอ็นหุ้ม ลักษณะคล้ายเกราะป้องกัน
กระดูกเชื่อมต่อกับกระดูกอื่นด้วยเส้นเอ็น
มีเส้นเอ็นหลักๆอยู่4เส้นที่ทำหน้าที่เหมือนเชือกที่แข็งแรงที่จะยึดกระดูกไว้ด้วยกันและทำให้เข่ามั่นคง
- เส้นเอ็นไขว้
(Cruciate ligaments) เส้นเอ็นประเภทนี้จะพบภายในข้อเข่าซึ่งจะวางตัวไขว้กันเป็นรูปตัวx
ของเส้นเอ็นไขว้หน้าในด้านหน้าและเส้นเอ็นไขว้หลังในด้านหลัง ทำหน้าที่ในยึดกระดูก
เพื่อให้เกิดการยึดหยุ่น ควบคุมการเคลื่อนที่ไปด้านหน้า-ด้านหลังของเข่า
- เส้นเอ็นด้านข้าง
(Collateral ligaments) เส้นเอ็นประเภทนี้จะพบที่ด้านข้างของเข่า
โดยมี medial collateral ligament(MCL)อยู่ด้านข้างด้านใน
เชื่อมกระดูกต้นขาและกระดูกหน้าแข้ง และ lateral collateral ligament(LCL) อยู่ด้านข้างด้านนอกจะเชื่อมกระดูกต้นขาและกระดูกน่อง เส้นเอ็นเหล่าเหล่านี้จะควบคุมการเคลื่อนไหวไปด้านข้างของเข่า
นักกีฬาที่เล่นกีฬาที่มีการปะทะโดยตรงเช่น
ฟุตบอลมีแนวโน้มที่จะได้รับการบาดเจ็บเส้นเอ็นด้านข้างข้อเข่าฉีดขาด
หรือเกิดการอักเสบได้ เส้นเอ็น MCL มักจะได้รับการบาดเจ็บบ่อยกว่า
เส้นเอ็น LCL เนื่องจากโครงสร้างของเข่าด้านนอกของด้านข้างจะซับซ้อนกว่า
ดังนั้นถ้าLCLได้รับการบาดเจ็บ
โครงสร้างส่วนอื่นๆในเข่าอาจได้รับการบาดเจ็บตามไปด้วย
เพราะความแข็งแรงมั่นคงของข้อเข่าจะขึ้นอยู่กับเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อรอบๆ
มันจึงบาดเจ็บได้ง่าย การปะทะเข่าโดยตรงหรือกล้ามเนื้อมีการหดตัวอย่างรุนแรง เช่นจากการเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็วขณะวิ่งจะทำให้เส้นเอ็นบาดเจ็บได้
1. เส้นเอ็นบาดเจ็บอาจหมายถึงการ”อักเสบ”
และมีการวัดระดับความรุนแรง
1.1 การบาดเจ็บระดับ
1 (Grade 1 sprains) เส้นเอ็นที่ได้รับบาดเจ็บในระดับ1จะมีการยืดออกเล็กน้อยแต่ยังคงสามารถที่จะช่วยให้ข้อเข่าคงตัวไว้ได้
1.2 การบาดเจ็บระดับ2
(Grade 2 sprains) การบาดเจ็บระดับ2จะทำให้เส้นเอ็นยืดจนถึงจุดที่มันหลวม
ซึ่งมักจะหมายถึงเส้นเอ็นฉีกขาดบางส่วน
1.3 การบาดเจ็บระดับ3
(Grade 3 sprains) การบาดเจ็บระดับนี้ส่วนใหญ่มักจะหมายถึงเส้นเอ็นฉีกขาดจากกันออกเป็น2ส่วนและข้อเข่าจะไม่มั่นคง
สาเหตุ (Cause)
การบาดเจ็บเส้นเอ็นด้านข้างมักมีสาเหตุมาจากโดนแรงกระแทกเข่าด้านข้าง
MCLฉีกขาดจากการกระแทกเข่าด้านข้างด้านนอกเข้าไปข้างในไปชนเข่าอีกข้าง
ส่วนกระกระแทกเข่าด้างข้างด้านในขาหนีบออกไปด้านนอกจะทำให้LCLบาดเจ็บ
อาการ (Symptoms)
-ปวดตรงด้านข้างเข่า
ถ้าMCLบาดเจ็บจะปวดด้านข้างด้านในขาหนีบ ถ้าLCLบาดเจ็บจะปวดด้านข้างด้านนอกเข่า
-เข่าบวม
-ไม่มั่นคง
รู้สึกเหมือนเดินแล้วจะล้ม เคลื่อนหลุด
การตรวจทางแพทย์ (Doctor examination)
กรตรวจทางร่างกายและประวัติผู้ป่วย(Physical
examination and patient history)
เมื่อมาพบแพทย์ครั้งแรก แพทย์จะถามถึงอาการและประวัติการรักษา
เมื่อแพทย์ได้ตรวจร่างกาย
แพทย์จะเช็คโครงสร้างเข่าทั้งหมดและเปรียบเทียบกับข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ
การบาดเจ็บของเส้นเอ็นส่วนใหญ่สามารถวินิจฉัยได้จากการตรวจร่างกาย
การตรวจถ่ายภาพ(Imaging tests)
การตรวจอื่นๆอาจช่วยยืนยันการวินิจฉัยของแพทย์
รวมถึง
X-rays ถึงแม้ว่าภาพX-raysจะไม่แสดงการบาดเจ็บของเส้นเอ็นแต่มันจะแสดงให้เห็นว่ามีการบาดเจ็บอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับกระดูกหักหรือไม่
MRI ภาพMRIจะทำให้เห็นลักษณะของเนื้อเยื่ออ่อนเช่นเส้นเอ็นด้านข้างชัดเจนขึ้น
การรักษา(Treatment)
คนไข้ที่MCLหรือLCLอย่างเดียวบาดเจ็บมักจะไม่ต้องผ่าตัด แต่ถ้าLCLบาดเจ็บแล้วมีส่วนอื่นบาดเจ็บด้วยก็จะต้องรักษาโดยการผ่าตัด
การรักษาแบบไม่ผ่าตัด(Nonsurgical treatment)
ประคบเย็น(Ice) การประคบเย็นเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้อาการดีขึ้น วิธีการประคบที่เหมาะสมคือใช้นำแข็งทุบประคบโดยตรงบริเวณที่บาดเจ็บประมาณ15-20นาทีในทุก1ชั่วโมง ไม่ควรใช้ถุงประคบเย็น(“Blue”
ice)วางบนผิวหนังโดยตรงและยังได้ผลดีไม่เท่ากับน้ำแข็งประคบ
ใส่Knee
Brace(Bracing) คนไข้ต้องปกป้องเข่าตัวเองจากการโดนกระแทกด้านข้างที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บซ้ำ
และอาจต้องเปลี่ยนการใช้ชีวิตประจำวันเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงกิจกรรมเสี่ยงต่างๆ
แพทย์อาจแนะนำให้คนไข้ใส่Knee braceเพื่อที่ป้องกันแรงกดหรือแรงstresss
และอาจแนะนำให้ใช้ไม้ค้ำยันเพื่อเลี่ยงการลงน้ำหนักไปที่ขา
กายภาพบำบัด(Physical
therapy) แพทย์อาจแนะนำให้ออกกำลังกายฝึกความแข็งแรง
โดยท่าเฉพาะที่แพทย์แนะนำจะช่วยฟื้นฟูความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขาให้เข่ากลับมาทำหน้าที่ได้ตามปกติ
การรักษาแบบผ่าตัด(Surgical treatment)
การบาดเจ็บของเส้นเอ็นด้านข้างส่วนใหญ่สามารถรักษาให้หายได้โดยไม่ต้องผ่าตัด
ถ้าเส้นเอ็นด้านข้างฉีกขาดแบบที่ไม่สามารถสมานเองได้
หรือมีเส้นเอ็นอื่นๆขาดร่วมด้วย แพทย์อาจแนะนำให้ผ่าตัดเพื่อเย็บซ่อมเส้นเอ็น
การกลับมาเล่นกีฬา(Return to sports)
เมื่อคนไข้กลับมาเคลื่อนไหวได้ตามปกติ
และเดินไม่กะโผลกกะเผลก
แพทย์จะอนุญาตให้ค่อยๆเพิ่มกิจกรรมตามลำดับจนกลับไปเล่นกีฬาได้
ยกตัวอย่างเช่น
ถ้าคนไข้เล่นฟุตบอล กิจกรรมที่เริ่มต้นคือวิ่งจ้อกกิ้ง ตามมาด้วยวิ่งเร็วระยะสั้น
วิ่งอย่างเต็มที่ และเตะลูกบอล
แพทย์อาจแนะนำให้ใส่ผ้าพันข้อขณะเล่นกีฬาด้วย
ขึ้นอยู่กับระดับความอักเสบที่จะเกิด
โครงสร้าง (Anatomy)
โครงสร้างเข่าปกติ
ด้านหน้า
กระดูก3ส่วนมาประกอบกันเป็นข้อเข่า : กระดูกต้นขา(thighbone) , กระดูกแข้ง(shinbone) และสะบ้า (kneecap) โดยสะบ้าจะอยู่ด้านหน้าของข้อเข่าเพื่อเป็นเหมือนเกราะป้องกัน
กระดูกเชื่อมต่อกับกระดูกอื่นด้วยเส้นเอ็น
มีเส้นเอ็นหลักๆอยู่4เส้นที่ทำหน้าที่เหมือนเชือกที่แข็งแรงที่จะยึดกระดูกไว้ด้วยกันและทำให้เข่ามั่นคง
เส้นเอ็นไขว้ (Cruciate
ligaments)
เส้นเอ็นประเภทนี้จะพบภายในข้อเข่าซึ่งจะวางตัวไขว้กันเป็นรูปตัวx ของเส้นเอ็นไขว้หน้าในด้านหน้าและเส้นเอ็นไขว้หลังในด้านหลัง
เส้นเอ็นเหล่านี้จะควบคุมการเคลื่อนที่ไปหน้า-หลังของเข่า
เส้นเอ็นด้านข้าง (Collateral
ligaments)
เส้นเอ็นประเภทนี้จะพบที่ด้านข้างของเข่า
โดยมี medial collateral ligament(MCL)อยู่ด้านข้างด้านใน
เชื่อมกระดูกต้นขาและกระดูกหน้าแข้ง และ lateral collateral ligament(LCL) อยู่ด้านข้างด้านนอกจะเชื่อมกระดูกต้นขาและกระดูกน่อง
เส้นเหล่าเหล่านี้จะควบคุมการเคลื่อนไหวไปด้านข้างของเข่าและคุมต้านการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ
จาก website
jointdee.info/knee/เส้นเอ็นด้านข้างข้อเข่/