disable right click

วันศุกร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2562

ภาวะหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อม หรือ Degenerative disc ตอนที่ 1



ภาวะหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อม หรือ Degenerative disc มักจะพบในผู้สูงวัยที่มีความเสื่อมเกิดขึ้นตามวัย แต่จากสถิติของคนไข้ที่รับการรักษาอาการปวดหลังเรื้อรัง พบว่ามีเพิ่มมากขึ้นทุกช่วงอายุและหลากหลาย คือตั้งแต่อายุ 25 – 50 ปี


หมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อม เกิดจาก 3 สาเหตุสำคัญ 
1. การสึกหรอตามการใช้งาน เช่น การนั่งนานๆ โดยที่ไม่เปลี่ยนอิริยาบท นั่งขับรถระยะทางไกลๆ เป็นประจำ
2.การยกของที่หนักจนเกินไป
3.พฤติกรรมเสี่ยงของผู้ป่วย อย่างเช่น การสูบบุหรี่ ที่ทำให้เลือดไหลไปเลี้ยงบริเวณส่วนหมอนรองกระดูกได้น้อยลง ทำให้กระดูกเสื่อมเร็ว
 

ลักษณะอาการที่เรียกว่าภาวะหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อม  พบว่า ผู้ป่วยจะปวดหลังบริเวณเอวระดับเข็มขัด และอาจจะร้าวลงไปถึงส่วนด้านข้างของสะโพก ในบางรายพบอาการเฉียบพลัน เช่น ยกของหนักแล้วมีอาการเจ็บหลังร้าวลงขา ข้างใดข้างหนึ่งในทันที แสดงว่า เกิดการปริแตกหรือการโป่งยื่นของหมอนรองกระดูก มีผลทำให้มีส่วนเนื้อในของหมอนรองกระดูก หรือ Nucleus โป่งหรือว่าทะลักออกมาไปจนกดทับเส้นประสาทที่ไปสู่ขา ผู้ป่วยบางรายจะชาและปวดร้าวลงขา เท้าอ่อนแรง เดินลำบาก ผู้ป่วยลักษณะแบบนี้จะเรียกว่า Acute Herniated Disc Syndrome”  ที่พบได้บ่อยในคนวัยทำงาน

วิธีสังเกตอาการหมอนรองกระดูกเสื่อม
  อาการที่เห็นเด่นชัดคือ ผู้ป่วยจะปวดบริเวณเอว ปวดแบบตื้อๆ ระดับเข็มขัดหรืออาจร้าวลงมาที่กล้ามเนื้อด้านข้าง โดยอาการปวดจะสัมพันธ์กับการใช้งาน ตัวอย่างเช่น จะปวดเมื่อนั่ง ขับรถ ยืน หรือเดินนาน ผู้ป่วยบางรายนั่งได้เพียง 10-15 นาทีก็จะปวดหลังได้ แล้วเมื่อนอนพักอาการปวดจะทุเลาเบาบางลง ทั้งนี้ผู้ป่วยที่พบการกดทับเส้นประสาทมาก จะมีอาการปวดร้าวลงขาได้  ในบางรายพบอาการชาและขาหรือเท้าอ่อนแรงตามเส้นประสาทส่วนที่ถูกกดทับอยู่ 

แนวทางการป้องกัน
1.ผู้ที่มีสุขภาพควรใช้หลังอย่างถูกวิธี หลีกเลี่ยงการยกของหนัก หากจะต้องนั่งนานๆ ต้องเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ และควรบริหารกล้ามเนื้อหลังและหน้าท้องให้แข็งแรงอย่างสม่ำเสมอ ก็จะสามารถยืดอายุการใช้งานของหมอนรองกระดูกไม่ให้เสื่อมก่อนวัยอันควรได้

2.ท่าบริหารเสริมกล้ามเนื้อหลัง สร้างกล้ามเนื้อหน้าท้อง 
       ท่าที่ 1    นอนหงาย จากนั้นยกขาขึ้นข้างหนึ่งให้สูงจากพื้น 1 คืบ เข่าเหยียดตรง แล้วกระดกปลายเท้าเข้าหาตัว ค้างไว้ประมาณ  5  วินาที  จากนั้นทำสลับกับขาอีกข้างหนึ่ง
       ท่าที่ 2    นอนหงาย จากนั้นใช้มือทั้งสองกอดเข่าข้างหนึ่ง แล้วจึงโน้มเข่าลงมาให้ชิดลำตัว ค้างไว้ประมาณ  5 วินาที แล้วทำสลับกับเข่าอีกข้างหนึ่ง
       ท่าที่ 3    นอนหงาย แล้วชันเข่าขึ้น จากนั้นประสานมือสองข้างไว้ด้านหลังบริเวณเอว แขม่วท้อง กดหลังลงค้างไว้ประมาณ  5 วินาที

ข้อแนะนำ  ควรปฏิบัติซ้ำในแต่ละท่า  3-5 ครั้ง ทุกเช้าและเย็น ทำอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่หักโหมจนเกินไป

ที่มา
1.รศ.นพ.อารีศักดิ์ โชติวิจิตร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคทางกระดูกสันหลังและการผ่าตัดข้อเทียม คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
ลิ้งค์
http://www.siphhospital.com/th/news/article-details.php?id=54
2.รศ.ร.อ.นพ.ชลเวช ชวศิริ ภาควิชาศัลยศาสตรออร์โธปิดิกส์ กายภาพบำบัด Faculty of Medicine Siriraj Hospital
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ลิ้งค์
http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=740


ภาพแสดงหมอนรองกระดูกโป่งนูนจนมากดทับเส้นประสาทที่ไปขา