disable right click

วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

โรคปวดกล้ามเนื้อหลัง

โรคปวดกล้ามเนื้อหลัง

อาการ ปวดเมื่อยหลัง  ปวดเมื่อยคอ อาจปวดมากตรงสะบัก มักจะไม่มีอาการชา ไม่มีอาการปวดร้าวไปที่แขน อาจเกิดขี้นเฉีบบพลันหลังทำงานหนักหรือเกิดเพราะทำงานซ้ำซากโดยไม่ได้ออกกำลังกายก็ได้
ผู้ที่มีอาการปวดหลังร้อยละ 50  จะหายภายใน 2 สัปดาห์ ซี่งมักมีปัญหาของกล้ามเนื้อหลังแข็งเกร็ง ไม่ปลดปล่อยกรดแลกติกที่เป็นของเสียในมัดกล้ามเนื้อออกมา หากไม่แก้ไข ยังคงทำงานในลักษณะเดิม ๆ จะทำให้ปวดกล้ามเนื้อหลังอย่างเรื้อรังได้ และพบผู้ป่วยร้อยละ 5 ที่เป็นโรคปวดหลังเรื้อรัง
สาเหตุ
1.การนั่งผิดท่า เช่น การนั่งหลังโก่ง นั่งบิด ๆ นั่งขับรถหลังโก่ง เป็นต้น
2.การยืนที่ผิดท่า
3.การยกของผิดท่า
4.การนอนบนที่นอนนุ่มหรืแข็งเกินไป
5.ทำงานมากเกินไป
6.การไม่ออกกำลังจะทำให้กล้ามเนื้อไม่มีพละกำลังที่จะทำให้หลังอยู่ในท่าที่ถูกต้อง

หากมีอาการปวดหลังร่วมกับอาการเหล่านี้ ควรพบแพทย์
ปัสสาวะลำบาก
มีอาการชาและอ่อนแรงขาข้างหนึ่ง
มีอาการปวดแปลบที่ขาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง
เดินเซ

การรักษา  กรณีปวดกล้ามเนื้อหลังมักไม่ต้องไปพบแพทย์ ยกเว้นแต่ปวดเรื้อรัง แก้ปัญหาด้วยตนเองไม่หายจึงต้องพบแพทย์ แพทย์จะซักประวัติอาการปวดหลัง หากมีอาการป่วยอื่น ๆ เช่น อาการกลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระไม่อยู่ ควรแจ้งแพทย์
อาการปวดหลังที่ปวดไม่มากแพทย์จะแนะนำให้บริหารแผ่นหลังให้มีความแข็งแรง ปฎิบัติกิจวัตรประจำวันอยู่ในท่ายืน เดิน นั่ง นอน และการเคลื่อนไหวที่ถูกต้องทุกอย่างเพื่อป้องกันไม่ให้มีอาการปวดอีก รวมทั้งควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม และให้ทานยาแก้ปวด แก้อักเสบ เพื่อลดความเจ็บปวด
ผู้ป่วยควรสำรวจอิริยาบถของตนเองว่าเหมาะสมหรือยัง (ดูในหัวข้อการบริหารแก้ปวดคอร่วมด้วย)

อิริยาบถที่ไม่ทำให้ปวดหลัง




การนอนที่ดี ควรที่นอนลักษณะเรีบบ ตึง และแน่น ไม่นุ่มจนยุบตัวลงเป็นแอ่ง มีหมอนรองศีรษะที่รองรับส่วนโค้งของคอได้หมด และสามารถกระจายน้ำหนักได้ ควรมีหมอนหนุนอื่นๆ ของร่างกายด้วย เช่น หนุนใต้เข่า หนุนขา หนุนลำตัว เป็นต้น
การนอนคว่ำ จะทำให้กระดูกหลังแอ่นขึ้น ท่านอนคว่ำเป็นท่าที่ทำให้หายใจติดขัดด้วย ทั้งยังทำให้ปวดต้นคอ เพราะต้องเงยหน้ามาทางด้านหลังหรือบิดหมุนไปข้างใดข้างหนึ่งเป็นเวลานาน
ท่านอนตะแคง ก่ายหมอนข้าง ท่านี้หลังตรงดีและไม่ปวดหลัง ที่สำคัญควรมีหมอนข้างขนาดพอเหมาะ ไม่แข็งตึงหรือใหญ่เกินตัว จะทำให้ปวดเมื่อยได้
นอนตะแครงขวาช่วยให้หัวใจเต้นสะดวก เบาเทาอาการปวดหลัง
นอนตะแครงซ้าย อาจทำให้เกิดลมจุกเสียดที่ลิ้นปี่
การกอดหมอนข้างพร้อมพาดขา  ช่วยป้องกันขาชาจากการนอนทับเป็นเวลานาน
ท่านอนหงาย  ควรมีหมอนบางหนุนใต้เข่า ทำให้แผ่นหลังตรงดี ไม่ควรนอนหงายโดยไม่มีหมอนรองเข่า
การนั่งให้ถูกท่า  การนั่งจะเป็นการเพิ่มแรงกดดันต่อกระดูกหลังมากที่สุดควรจะมีพนักพิงหลังมาถึงบริเวณเอว  ควรจะเป็นเก้าอี้ที่หมุนได้เพื่อป้องกันการบิดของเอว มีที่พักของแขนขณะที่นั่งพักหัวเข่าควรอยู่สูงกว่าระดับข้อสะโพกเล็กน้อย  ควรจะมีหมอนรองเล็ก ๆ รองบริเวณเอว และเลือกเก้าอี้ที่มีขนาดและความสูงพอเหมาะให้เท้าวางราบกับพื้นพอดี  ระดับหัวเข่าควรจะอยู่สูงกว่าระดับสะโพก หากเก้าอี้สูงเกินไป ควรหาเก้าอี้เล็กรองเท้าเวลานั่ง ควรนั่งให้สุดรองก้น หลังพิงกับพนักพิง เท้าวางกับพื้นได้เต็มเท้า
การยืนหรือเดิน  การยืนควรจะยืนตัวตรงหลังไม่โก่งหรือคด  แนวติ่งหูไหล่ และข้อสะโพกควรเป็นแนวเส้นตรง อย่ายืนหลังค่อม อย่าห่อไหล่ เพราจะเมื่อยคอ ไม่ควรยืนนานเกินไป ไม่ควรใส่รองเท้าที่มีส้นสูงเกินไป หากต้องยืนนานควรมีที่พักเพื่อสลับเท้าพัก  เวลาเดินอย่าบิดไปข้างใดข้างหนึ่ง
การนั่งขับรถ  ควรเลือกที่นั่งให้ใกล้พวงมาลัย เมื่อเวลาเหยียบเบรกเข่าจะอยู่สูงกว่าสะโพก โดยเฉพาะการขับรถทางไกล ควรเลื่อนเบาะนั่งให้ใกล้เพื่อป้องกันการงอหลัง หลังส่วนล่างควรจะพิงกับเบาะ  เบาะควรจะยกด้านหน้าให้สูงกว่าด้านหลังเล็กน้อย
การยกของ อย่าก้มหลังลงโก้งโค้งยกของ ให้ย่อเข่าลงแล้วจับของ แล้วค่อยยืนขึ้นมาเพื่อรักษาแผ่นหลังให้ตรง  ถ้าหนักไปอย่ายก ให้หาคนช่วย
และยังมีข้อปฎิบัติอื่น ๆ เพื่อป้องกันโรคปวดหลัง  อาทิเช่น
1.ในการยกและหยิบจับสิ่งของหนัก   ควรหลีกเลี่ยงจากการยกของหนักโดยเฉพาะที่อยู่สูงเกินเอว  ให้ใช้การผลักหรือดึงแทน และหันหน้าเข้าสิ่งของทุกครั้งที่จะยกของและถือของหนักให้ชิดตัว  อย่าถือไกลตัวหลีกเลี่ยงการยกของที่มีน้ำหนักไม่เท่ากัน ให้หิ้วมือซ้ายขวาเท่า ๆ กันรวมทั้งเมื่อหิ้วของให้หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
2.การถูพื้น ดูดฝุ่น การขุดดิน  ควรจะถือเครื่องมือไว้ใกล้ตัว  ไม่ก้าวยาว ๆ หรือเอื้อมมือหยิบของ  และการกวาดบ้านหรือถูบ้าน ไม่ควรก้มหลังงอให้ใช้ไม้ถูพื้นแทนการเช็ดถูด้วยมือ  และควรใช้ไม้กวาดด้ามยาวเพื่อที่จะไม่ต้องก้ม
3.ควรสวมรองเท้าส้นเตี้ย  เพื่อให้แผ่นหลังอยู่ในท่าที่ดี ขณะสวมใส่รองเท้าส้นสูง เกิดการเปลี่ยนแปลงของจุดรับน้ำหนักของร่างกาย  น้ำหนักจะตกลงที่ปลายเท้ามากกว่าปกติ กล้ามเนื้อฝ่าเท้า กล้ามเนื้อขาและลำตัวต้องทำงานมากกว่าเดิม เพื่อที่จะพยายามรักษาสมดุลการทรงตัวให้ได้ที่สำคัญบริเวณหลังจะเกิดการแอ่นมาก และเป็นสาเหตุของการปวดหลังในอนาคตได้ อีกทั้งกล้ามเนื้อน่องและเอ็นร้อยหวายจะหดสั้นตลอดเวลาที่ใส่รองเท้าส้นสูง ทำให้บริเวณน่องเกิดความตึงตัว หดเกร็งการไหลเวียนของเลือดไม่ดี หากจำเป็นต้องใส่รองเท้าส้นสูงด้วยหน้าที่อย่างเช่น นางแบบ  ควรปล่อยให้เท้าได้พักอยู่ในรองเท้าแตะบ้าง บริหารเท้าด้วยในวันนั้น เพื่อช่วยให้เลือดบริเวณน่องและเท้าไหลเวียนเป็นปกติ
4.เมื่อไอหรือจาม  ให้กระชับหลังและงอหัวเข่า หรือใช้มือข้างหนึ่งปิดปาก มืออีกข้างหนึ่งกดบริเวณหลัง อย่าก้มขณะไอหรือจาม เพราะจะทำให้หมอนกระดูกเลื่อนได้
ท่าบริหารแก้ปวดหลัง
ท่าที่1  ยืนหลังชิดกำแพง แยกเท้าออกกว้างเท่ากับของช่วงไหล่ แล้วค่อย ๆ ย่อตัวลงมาจนเข่างอประมาณ 90 องศา ค้างเอาไว้นับ 1-5 แล้วจึงค่อย  ๆ เหยียดเข่ายืดตัวขึ้นไปอยู่ในท่ายืน  ทำ   5-10 ครั้ง
ท่าที่2  ยืนตัวตรง  เท้าเอวให้มืออยู่ค่อนมาทางด้านหลัง แยกขาออกเล็กน้อย เข่าเหยียดตรงแล้วแอ่นตัวมาทางด้านหลังให้มากเท่าที่จะทำได้ค้างไว้  1-2  วินาที  แล้วจึงกลับมายืนตัวตรง ทำซ้ำ  10  ครั้ง
ท่าที่3  ยืนอยู่หลังเก้าอี้พร้อมกับใช้มือทั้งสองจับพนักเก้าอี้ไว้  แล้วยกขาข้างหนึ่งขึ้นไปทางด้านหลัง โดยพยายามให้ขาเหยียดตรง  ค้างไว้ นับ   1-5  แล้วจึงวางลงช้า ๆ  ทำซ้ำข้างละ  5-10 ครั้ง
ท่าที่4  บริหารกล้ามเนื้อหลังส่วนบน โดยนั่งบนเก้าอี้ งอศอกข้างลำตัวแล้วดึงแขนทั้งสองข้างมาทางด้านหลังค้างไว้สักครู่ แล้วทำซ้ำ  5-10  ครั้ง
ท่าที่5  อยู่ในท่าคลาน  จากนั้นเลื่อนสะโพกไปทางข้างหลังและก้มส่วนคอและศีรษะลงต่ำ  ใบหน้ามองที่พื้น ค้างไว้สักครู่ หายใจออกพร้อมกับยกแผ่นหลังขึ้นคืนมาสู่ท่าเริ่มต้น  ทำ 5 ครั้ง
ท่าที่6   นอนคว่ำ แล้วยกขาข้างใดข้างหนึ่งขึ้นสูงจากพื้น 1 ฟุต  ยกค้างเอาไว้นับ   1-10  แล้วจึงวางลง ทำ 5 ครั้ง สลับไปทำกับขาอีกข้าง 5 ครั้ง
ท่าที่7  นอนคว่ำ  จากนั้นหายใจเข้าพร้อมกับใช้มือยันพื้นแล้วค่อยดันตัวขึ้น  และหายใจออกขณะลดตัวลงข้อศอกยังงออยู่เพื่อป้องกันอาการปวดหลัง (หากไม่ปวดหลังก็สามารถยกตัวขึ้นให้สูงที่สุด)  ทำ 5-10 ครั้ง
ท่าที่8  นอนราบ ตั้งเข่าขึ้น  บริหารโดยการเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้องกดหลังแนบกับพื้น และยกสะโพกขึ้น  ทำ 5 ครั้ง
ท่าที่9  นอนหงาย วางแขนไว้ข้างลำตัว งอเข่าข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งวางราบ แล้วยกขาข้างที่เหยียดขึ้น ค้างไว้ให้ขาตึง นับ 1-10 ค่อย ๆ วางขาลง ทำ 5 ครั้ง จากนั้นสลับข้าง และควรหาตุ้มน้ำหนักมามัดใว้ที่ขาข้างที่จะยกเพื่อเพิ่มพละกำลังให้แก่ขาด้วยจะดียิ่งขึ้น
ท่าที่10  นอนหงาย งอเข่า วางเท้าราบบนพื้น แล้วเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้อง ค่อย ๆ ยกศีรษะและไหล่ขึ้นจากพื้นจนสามารถเอื้อมมือไปแตะหัวเข่าทั้งสองข้างได้ ค้างเอาไว้ นับ 1-10 แล้วจึงค่อย ๆ เอาศีรษะลงมานอนท่าเดิม ทำซ้ำ 5 ครั้ง
ท่าที่11  นอนหงาย งอเข่า เท้าวางราบกับพื้น สอดมือไว้ใต้ข้อเข่าทั้งสองข้างแล้วงอสะโพก เอาเข่าเข้ามาชิดหน้าอกให้มากเท่าที่จะทำได้โดยใช้มือช่วยดึง พยายามไม่ยกศีรษะขึ้น ทำซ้ำ 5 ครั้ง
การบริหารร่างกายเหล่านี้ควรทำอย่างสม่ำเสมอทุกวัน ผู้ป่วยควรเลือกทำท่าบริหารเฉพาะที่ทำได้หรือตามที่แพทย์แนะนำ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพของร่างกายและปัญหาของผู้ป่วยแต่ละราย