disable right click

วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561


อาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท และวิธีการรักษา


          ความเจ็บปวดของร่างกายคนเรา ไม่ว่าจะส่วนใดใดก็ตาม สร้างปัญหาให้การใช้ชีวิตประจำวัน ได้ทั้งนั้น  ปวดฟัน ปวดศีรษะ  ปวดเมื่อยตามร่างกาย เรียกว่ามันทรมานจนไม่อยากใช้ชีวิต ไม่อยากไปไหนเลย อยากจะนอน อยากจะทำทุกวิธีให้หายปวดลงได้ มันไม่มีความสุขเลย 
           อาการปวดหลังก็เช่นกัน ไม่เกิดกับตนเองจะไม่มีใครทราบเลยว่ามันทรมานเพียงใด และมันทำให้คนที่ป่วยเริ่มคิดไปต่างๆนานาด้วย ว่า ฉันจะพิการไหม  ฉันจะช่วยเหลือตัวเองได้ไหม ฉันจะรับรู้ความรู้สึกได้เหมือนปกติไหม ค่ารักษาจะมากแค่ไหน  จะรักษาหายไหม  คนรอบข้างฉันจะเฝ้าดูแลฉันหลังการรักษาไหมหากฉันต้องพิการ หรือ ทุพลภาพ  พรั่งพลูเข้ามาในใจ อย่างแน่นอนที่สุด
  อย่างไรก็ตาม ความเข้มแข็ง จิตใจที่แน่วแน่ที่จะสู้กับความจริง ที่เราต้องเป็นแบบนี้  คือผู้ป่วยต้องเอาชนะความคิดต่างๆในใจให้ได้เสียก่อน  หากแพทย์ตรวจพบว่าตนเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทจริงๆ
 ทำความเข้าใจอาการของโรคเป็นอย่างไร?

         ลองมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า อาการของโรคนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร อาการบ่งชี้ของผู้ป่วยนั้น จะเริ่มจาก ผู้ป่วยมีอาการปวดหลังต่อเนื่องเป็นเวลา 2 สัปดาห์ขึ้นไป  แปลว่า ไปพบแพทย์ แพทย์ให้ยามารับประทาน หรือ ทายาบริเวณที่ปวด แล้วอาการยังไม่ดีขึ้น  อาการต่อมาคือมีอาการปวดชาตั้งแต่บริเวณสะโพกร้าวไปถึงบริเวณน่อง และเท้า ซึ่งจะปวดมากเวลาเดิน จนผู้ป่วยทนไม่ได้ต้องหยุดเดินเป็นระยะๆ เพราะปวดมาก  และอาการที่เด่นชัดที่สุดของโรคนี้ก็คือ
         ผู้ป่วยจะมีอาการปวดหลังร้าวลงมาที่ขาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง ผู้ป่วยจะมีอาการมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับกระดูกไปกดทับเส้นประสาทมากหรือน้อยเป็นสำคัญที่สุด ถ้ากดทับมาก ก็จะปวดและทรมานมากขึ้นตามลำดับ ถ้ามีอาการดังกล่าวแล้วปล่อยทิ้งไว้ ไม่รักษาเป็นเวลานานๆ อาการก็จะรุกรามจนเส้นประสาทจะทำงานได้น้อยลง จนร่างกายกล้ามเนื้ออ่อนแรง ไม่สามารถขับถ่ายได้เอง  ในที่สุดอาจถึงขั้นพิการได้เลย
การรักษามีวิธีใดบ้าง

          วิธีการรักษาส่วนใหญ่จะใช้การผ่าตัดรักษา โดยแพทย์ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมากๆ แพทย์จะผ่าตัดเอาส่วนที่กดทับเส้นประสาทออก  หากอาการไม่รุนแรง แพทย์อาจจะใช้ยารักษาด้วยยาลดอาการปวด ร่วมกับยาลดการอักเสบของเส้นเอ็น เพื่อให้ลดการเจ็บปวดบริเวณเส้นประสาทที่กดทับ และผู้ป่วยลดอาการปวดลงได้ รวมทั้งการทำบายภาพบำบัด  อย่างไรก็ตามแม้ต้องทำการผ่าตัดรักษาผู้ป่วยหลังผ่าตัดก็จะต้องทำกายภาพบำบัดควบคู่กันไปด้วย
          อย่าตกใจหรือตีตนไปก่อนไข้  จนเกินไป ควรศึกษาดูก่อนว่าอาการที่เราเป็นนั้นเข้าข่ายของโรคนี้จริงหรือไม่ ถ้ามีอาการเข้าข่ายจริงต้อง ไม่รอให้อาการมีความรุนแรงมากขึ้น  แค่เราปวดหลังกินยา ไม่หายพบแพทย์ไม่ดีขึ้น นาน 2 สัปดาห์ เราควรไปพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อตรวจวินิจฉัยชัดเจน จะทำให้การรักษาง่าย ไม่ต้องรอให้ทรมานมากขนาดเดินไม่มีแรง ขับถ่ายไม่ได้ และบางทีรักษาแต่เนิ่นๆ ก็ทำให้ไม่ต้องผ่าตัด และเสียค่าใช้จ่ายสูง ความเสี่ยงสูง ก็เป็นได้ขึ้นอยู่กับเราใส่ใจตัวเราเองแค่ไหนอ มีเวลาให้ตัวเองหมั่นดูแลตัวเองมากๆ ก็จะทำให้หนักเป็นเบาได้แน่นอน
ที่มา : www.heangUp180.com