disable right click

วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2561

ปวดหลัง โครงสร้างร่างกายที่สมดุลช่วยลดอาการปวดหลัง

ปวดหลัง โครงสร้างร่างกายที่สมดุลช่วยลดอาการปวดหลัง
   


             เนื่องจากกิจวัตรประจำวัน และ กิจกรรมต่างๆ เราจะต้องมีการเดิน นั่ง ท่าทางในการทำกิจกรรมต่างๆ เหล่านี้มีผลโดยตรงต่อโครงสร้างร่างกาย   การใช้ท่าทางที่เหมาะสมจะทำให้โครงสร้างร่างกายปรับตัวอยู่ในสมดุลได้ง่าย  แต่ถ้าหากเราท่าทางที่ไม่เหมาะสมเป็นประจำย่อมทำให้โครงสร้างถูกจัดให้เป็นไปตามท่าทางนั้นๆด้วยเช่น ท่านั่งหากเรานั่งหลังค่อมทำงานโครงสร้างหลังก็จะงอแข็งขึ้นทุกวันจนกลายเป็นหลังค่อมถาวร 
              ท่าทางที่ใช้ในกิจกรรมประจำวันบ่อยๆนานๆจึงมีผลต่อสุขภาพมากอย่างที่คุณอาจนึกไม่ถึง เพราะเมื่อโครงสร้างร่างกายถูกหล่อหลอมให้บิดเบี้ยวไปแล้วก็ยากที่จะกลับคืนมาโดยง่ายและท่าทางนั้นทำให้โครงสร้างคตจนเกิดการปวดหลังจึงแก้ไขได้ยากการจะทำให้โครงสร้างร่างกายอยู่ตรงในแนวปกติจึงต้องดูแลเรื่องท่าทางอย่างมาก ดูแลให้ท่าทางนั้นเป็นท่าที่เหมาะสมตลอดเวลาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการปวดหลังขึ้นตัดไฟเสียแต่ต้นลมย่อมดีกว่าคอยตามรักษาผลที่เกิดขึ้นขอเพียงมีความรู้และปฏิบัติตัวให้ถูกต้องเท่านี้อาการปวดหลังก็จะไม่มาเยี่ยมเยียนเราบ่อย

               ท่าทางที่ถูกต้องตามหลักกายวิภาคท่าทางที่ถูกต้องคือท่าทางที่เหมาะสม จะมีค่ามาตรฐานสำหรับการยืนนั่ง นอน นอนตะแคง นอนหงาย ท่ายกของ ท่าอะไรต่างๆ ตามหลักวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์แล้วว่าจะใช้กำลังของกล้ามเนื้อน้อยนั่นก็เป็นท่าทางที่ถูกแนะนำกันโดยทั่วไป เช่นปวดหลังอย่าก้มหลังนะ นอนที่นอนแข็ง นั่งตัวตรงพิงพนัก  นอนหงายต้องมีหมอนรองใต้เขา อะไรประมาณนี้ ที่เราอาจจะต้องเคยได้ยินกันมา  

             จริงๆแล้วโลกนี้ไม่ได้เป็นมีเฉพาะท่าที่ถูกต้องตามหลักกายวิภาคศาสตร์เท่านั้นแต่ยังมีค่าที่ถูกต้องตามหลักธรรมชาติศาสตร์ด้วย ท่าตามหลักธรรมชาติศาสตร์คือท่าแบบที่ธรรมชาติเป็นตัวกำหนด ธรรมชาติสร้างมนุษย์ขึ้นมาพร้อมกลไกการป้องกันตัว มีการตักเตือนเมื่อเราใช้ชีวิตผิดไป ซ่อมแซมรักษาตัวเองเมื่อเจ็บป่วย รวมถึงธรรมชาติยังช่วยจัดท่าทางที่เหมาะสมให้เราด้วย ธรรมชาติเตือนด้วยความปวดเมื่อยเมื่อเราอยู่ในท่าทางที่ไม่เหมาะสม เราจึงเปลี่ยนท่าทางโดยอัตโนมัตินั่นคือการใช้ท่าทางตามหลักธรรมชาติศาสตร์  วันๆหนึ่งเราใช้ท่าทางตามหลักธรรมชาติศาสตร์ตลอดเวลาซึ่งจะทำให้ไม่เจ็บป่วยโครงสร้างร่างกายไม่ผิดปกติแต่ถ้าไม่ทำตามธรรมชาติเขาเตือนด้วยความปวดเมื่อยแต่ไม่ยอมเปลี่ยนท่าทางเนื่องจากเหตุผลร้อยแปดกำลังทำงานเร่งด่วนอยู่บ้าง กำลังเล่นเกมติดพันอยู่บ้าง จำเป็นต้องยืนอยู่บนรถเมล์บ้างนั่นคือการฝืนธรรมชาติธรรมชาติจึงเตือนอีกครั้งด้วยการส่งความปวดหลังมาให้ถ้ายังไม่สำนึกแก้ไขอีกเขาก็จะเตือนรุนแรงขึ้นจนอาจเดินด้วยไม่ได้ก็ได้

             การใช้ท่าทางตามหลักธรรมชาตินั้นคือ การใช้ร่างกายหลากหลายรูปแบบ มีทั้งการก้ม เงย บิดเอี้ยวตัว เอียงคอ แอ่นหลัง หมุนลำตัว ช่วงเวลาหนึ่งเราต้องก้มจึงจะเหมาะสม ช่วงเวลาหนึ่งเราต้องเงยอะไรแบบนี้ การท่าทางอย่างเหมาะสมจะทำให้เรามีสุขภาพดี  คิดแล้วอยู่ที่การใช้ท่าทางให้สอดคล้องกับธรรมชาติของโครงสร้างร่างกายซึ่งก็คือร่างกายที่ตั้งตรงซีกซ้ายและซีกขวาของร่างกายต้องสมดุลกันเราพยายามพิจารณาท่าทางที่ทำให้เกิดโครงสร้างนี้ก็พอ ส่วนท่าที่ไม่ดีคือท่าที่ต้องนิ่งอยู่นานๆ  แม้ท่านั้นจะเป็นท่าที่ถูกต้องตามหลักกายภาพศาสตร์ก็ตามก็ยังคงเป็นท่าที่ไม่ดีเมื่อต้องอยู่ในท่านั้นนานเกินไป
เมื่อรู้ตัวว่าต้องนั่งนานเราจะต้องจัดหาทางให้ตัวตรงพิงพนักที่มีที่เท้าแขนสะโพกและเข่างอ 90 องศาวางเท้าราบบนพื้น นี่คือท่าที่จะเมื่อยช้าที่สุดในท่านั่งทั้งหมดเช่นเดียวกับเมื่อต้องนอนนานก็ต้องจัดท่านอนให้ถูกหลัก จะนอนได้นานโดยเมื่อยน้อยกว่าเท่าอื่นสรุปก็คือเมื่อไหร่ต้องอยู่ในท่านั้นนานๆควรใช้ท่าทางตามหลักกายวิภาคศาสตร์ แต่ถ้าไม่อยู่นานก็อาจจะไม่ต้องสนใจท่าทางมากนะขอเพียงคิดเสมอว่าให้ตัวตรงก็พอแล้วธรรมชาติจะเป็นตัวดูแลท่าทางให้เรา


ข้อมูล จากหนังสื่อ 100 เรื่องน่ารู้รักษาปวดหลังด้วยตัวเอง 
ปวดหลัง


วันพุธที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2561

ข้อเข่าเสื่อม เหตุใดผู้สูงอายุถึงเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม


           
 โรคเข่าเสื่อมมีผลต่อการทำกิจกรรมในชีวิตประจำอย่างมาก บางรายส่งผลน้อยคือ เริ่มมีเสียงที่เข่าเวลาเคลื่อนไหว ปวดเข่าเป็นครั้งคราว  บริเวณเข่ามีอาการบวมแดง  ผู้ที่มักมีอาการเริ่มต้น หรือ ยังไม่คิดว่าตนเองป่วยเป็นโรคดังกล่าว เพราะปวดแล้วพอพักสักครู่อาการก็หายไป ก็ไม่ค่อยใส่ใจกับตนเองมากนัก เพราะ คิดว่าไม่ใช่ปัญหา อาจจะคิดไปว่า เดินมากจนเกินไป จนทำให้เมื่อย ทำให้ล้า ปวด พักก็คงจะดีขึ้น และหายไปเอง

ผู้สูงอายุกับโรคข้อเข่าเสื่อมมักจะมาด้วยกัน

           โรคนี้มักมาจากคนวัยสูงอายุ  แต่คำว่าสูงอายุสมัยนี้คงไม่จำเป็นว่าต้องเป็นคนชรา หรือผู้ที่มีอายุเกกินวัยทำงานเสมอไป ไม่มีอะไรชี้ชัดไปได้ การดูแลตนเอง เมื่อเราก้าวเข้าสู่วัยทำงาน และวัยกลางคน ควรหันมาสำรวจตนเองได้แล้ว หรือทางที่ดี เริ่มตั้งแต่ตอนนี้ยิ่งดี ยิ่งอายุน้อยยิ่งส่งผลดีกว่าเริ่มมาดูแลกันตั้งแต่อายุมากๆ  หนทางแก้ไขก็ยิ่งลดลงและยากขึ้นไปตามวัย

          อาการต่อมาของโรคนี้ก็คือ ข้อฝืด ใช้งานไม่ถนัด บางรายอาจจะถึงข้อติดก็มี  และอาการข้อเข่าผิดรูป ซึ่งเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อาการผิดรูปในลักษณะบวมโต หรือ เข่าโก่งออก  ซึ่งแสดงให้เห็นชัดเจน จนสุดท้ายจะมีอาการของการใช้งานของข้อเข่า การนั่งลุกที่นั่งเตี้ยๆไม่ได้  การขึ้นลงบันได้ ไม่ได้ รวมถึงการเดินก็เดินได้น้อย อาจต้องใช้ไม้ค้ำยัน ช่วย หากเป็นข้างใดข้างหนึ่ง  ถ้าเป็นพร้อมกัน 2 ข้าง อาจต้องใช้รถเข็นนั่งแทนการเดิน  ยุ่งยากกับการใช้ชีวิตประจำวัน และต่อคนใกล้ชิดมากจริงๆ   เพราะปัญหาการสะสมของการใช้งานมากเกินไป หนักเกินไป สม่ำเสมอของข้อเข่า  จนเมื่อถึงวัยหนึ่งข้อเข่าก็จะแสดงอาการให้เห็นจนเด่นชัด

 ผู้สูงอายุที่ยังไม่มีอาการ

             ยังใช้หัวเข่า ข้อเข่าในการยืน นั่ง ยืน เดิน ขึ้นบันได ได้แม้จะช้าไปตามวัยบ้างแต่ยังสามารถดันตัวโดยข้อเข่าได้ด้วยตัวมันเองได้อยู่ เป็นสิ่งที่คนคนนั้นดูแลตนเองได้ดีมากตั้งแต่เล็กจนถึงวัยนี้ ยังสามารถมีข้อเข่าที่แข็งแรงได้ขณะที่คนอื่นในวัยเดียวกันอาจจะไม่สามารถใช้เข่าได้ดี แบบนี้ได้ผู้เขียนเคยพบ หญิงชราวัยน่าจะ 80 หรือใกล้เคียง อยู่บ้านนอก ต่างจังหวัด เขายังสามารถเดินไปได้ ไม่มีไม้เท้า สามารถนั่งได้ ใช้ชีวิตประจำวันช่วยเหลือตนเองได้เหมือนปกติ ยกเว้นเวลานั่งพับเพียบ ลุกขึ้นยืนต้องใช้เคนช่วยประคอง เพราะข้อเข่าก็คงมีเรี่ยวแรง และกำลังตนเองจากอายุเริ่มเยอะก็ทำให้เรี่ยวแรงลดลงตามวัย แต่ยอมรับว่า คุณยายท่านนี้แข็งแรง และยังมีกระดูกที่ดีเยี่ยมมากๆ แสดงว่าท่านต้องดูแลตนเองดีมาตลอดชีวิตท่านอย่างแน่นอน ลูก หลานท่านก็ไม่ต้องมาเป็นภาระคอยดูแลท่านใดใดเลย ท่านมีชีวิตที่ดีมากๆ

            ตัวอย่างดีดีแบบนี้ก็ยังพบอยู่กับผู้สูงอายุที่อยู่ตามวิถีชาวบ้าน ตามชนบท ตามท้องไร้ท้องนา ได้ออกกำลังกาย ได้เดินเหิน ได้สูดอากาศดีดี ตลอดเวลา  หากตัวเราเองไม่ละเลยที่จะใส่ใจตัวเรา แค่เรารู้ขอบเขตตัวเราว่า เราเองนั้นมีขอบเขตแค่ไหน และเมื่อเรารู้ เราทำ เราจะรอดจากโรคร้ายนั้นได้เองอย่างแน่นอนที่สุด


ที่มา : https://www.bumrungrad.com/วดโอสาระความรเพอสขภาพ/วดโอสาระความรเพอสขภาพ/โรคขอเขาเสอม  (เป็นคลิป)




วันอังคารที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2561

กระดูกข้อเข่าเสื่อม เสริมสร้างกระดูกข้อเข่าด้วย marine collagen peptide เพื่อกระดูกที่แข็งแรง


        













  



เคยถามตัวเองบ้างไหมว่าทุกวันนี้ยังแข็งแรงอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า อายุที่มากขึ้นทำให้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างในร่างกาย ลุก นั่ง ยืน เดิน ทำกิจกรรมต่าง ๆ เริ่มมีเสียงดังกรุบกรอบหรือยังผิวหนังริ้วรอยมาเยือนหรือเปล่า หากใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ไม่ใช่เพราะอายุที่มากอย่างเดียวแต่มันขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของคุณด้วย โดยเฉพาะในด้านของข้อเข่าและกระดูกส่วนอื่นในร่างกาย คุณเคยเติม marine collagen peptide ให้หรือไม่เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากสำหรับกระดูกเพราะเป็นตัวช่วยเพิ่มความแข็งแรงได้ดี

marine collagen peptide จำเป็นอย่างไรกับข้อเข่า

          ให้ทำความเข้าใจก่อนว่าคอลลาเจนทั่วไปเองก็เป็นตัวเสริมสร้างความแข็งแรงให้กระดูกได้อยู่แล้ว แต่ถ้าหากเป็น marine collagen peptide คอลลาเจนจากปลาทะเลน้ำลึกประสิทธิภาพในการช่วยเพิ่มความแข็งแรงชองโครงกระดูกข้อเข่า ข้อแขน ข้อต่อส่วนอื่น ๆ ยิ่งมีมากขึ้น ลดการเสื่อมสภาพของกระดูกได้ดี อย่าลืมว่าพออายุมากขึ้นกระดูกจะเริ่มผุเสื่อมไปตามเวลา โดยเริ่มสูญ collagen ตั้งแต่ช่วงอายุ 25 ปีขึ้นไปแล้ว และพอย่างเข้าอายุ 30 – 40 ปี ปริมาณการสูญเสีย collagen ยิ่งมากกว่าเดิม

         คอลลาเจนจากปลาทะเลน้ำลึกมีประโยชน์หลายอย่างจากงานวิจัยได้ชี้ให้เห็นว่ามีความจำเป็นต่อกระดูกข้อเข่า กระดูกอ่อน กระดูกข้อตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายอย่างมากหากกระดูกเสื่อมสภาพหรือมีการสูญเสียคอลลาเจนแล้วทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีส่วนประกอบเป็น marine collagen peptide (คอลลาเจนจากปลาทะเลน้ำลึก) ไปนั้นจะทำให้กระดูกกลับมาแข็งแรงได้เหมือนเดิม เป็นการยืดอายุให้ร่างกายของเราไปได้อีกนานแม้ว่าอายุจะเพิ่มขึ้นเราก็ดูแลตัวเองให้แข็งแรงเหมือนเดิมได้ อีกทั้งยังมีส่วนช่วยให้ผิวของเรานั้นมีการความชุ่มชื้นอีกด้วย เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล กระชับดึง แลดูหน้าเด็กลง


จะหาคอลลาเจนจากปลาทะเลน้ำลึกมาจากไหน ?

ถ้าจะให้เราจัดการหาปลาทะเลน้ำลึกมาสกัดหามารีนคอลลาเจนเองคงเป็นเรื่องที่ยากเกินไปสักหน่อยและมันก็คงไม่คุ้มที่จะต้องทำแบบนั้น มันจะง่ายกว่านี้หากเราเลือกทานผลิตภัณฑ์สักตัวที่มีส่วนประกอบของ marine collagen peptide ในแบบของอาหารเสริมเพื่อสุขภาพต่าง ๆ เป็นหนทางที่จะทำให้เราเติมคอลลาเจนที่เสียไปเพราะอายุที่เพิ่มขึ้นได้ มีหลายแบรนด์ให้เลือกซื้อกันในไทยเรามาขายทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ 

ก่อนที่จะทานคอลลาเจนจากปลาทะเลน้ำลึกหรือตัวไหนก็ตามอย่าลืมหาข้อมูลให้ละเอียดพร้อมทั้งเช็คร่างกายของตนเองว่ามีการสูญเสียมากน้อยแค่ไหน ทางที่ดีที่สุดในการเช็คคือไปตรวจร่างกายให้ละเอียดพร้อมฟังคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะการทานคอลลาเจนนั้นไม่ใช่จะต้องทานติดต่อกัน และไม่ใช่ว่าจะต้องทานกันทุกคนเนื่องจากมันเป็นตัวเสริมสร้างกระดูกหาก กระดูกข้อเข่า ข้อแขน และส่วนอื่น ๆ มีความแข็งแรงอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องทานก็ได้เอาไว้ให้อายุมากขึ้น รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่มาเยือนถึงเวลานั้นจึงค่อยหาผลิตภัณฑ์ทีมี marine collagen peptide มาทานก็ยังไม่สายอะไร


ที่มา http://www.xcutemeshop.com/product/%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%99-%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%99-%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%9B%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%94%E0%B9%8C-%E0%B9%82/


วันจันทร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2561

ข้อเข่าเสื่อม วิธีการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมและการดูแลตัวเองของผู้ป่วย


ทราบหรือไม่ว่า ข้อเข่า หรือ หัวเข่า  เป็นอวัยวะ ส่วนสำคัญอย่างมากในการประคับประคอง ให้ร่างกายเราเคลื่อนไหว โดยเฉพาะการเคลื่อนระดับต่ำกว่าเอว การลุก การนั่ง การนอน  การขึ้นที่สูง ขึ้นบันได หรือการใช้กิจวัตรประจำวันในการขับถ่าย การนั่งส้วมที่เป็นส้วมที่ต้องนั่งยองๆ  และอีกมากมาย ที่ต้องใช้หัวเข่า ข้อเข่าในการทำงานอย่างมาก

การดูแลตัวเองของผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม

            หาเราเริ่มรู้สึกว่าตัวเราเองนั้นเริ่มมีอาการเจ็บ  อ่อนแรง ตรงบริเวณข้อเข่า  เป็นต้นว่า เวลาเดิน ลุกจากท่านั่ง ยิ่งนั่งที่ต่ำๆ ที่ต้องใช้แรงเข่าดันตัว หรือ การขึ้นบันได  เวลาขาข้างใดก็ตามที่เรารู้สึกว่า ไม่มีแรงพยุงตัวดันตัว  กับอีกข้างหนึ่งกลับมีอาการปกติคือมีแรงดันส่งตัวไปก้าวไปข้างหน้า ดันตัวขึ้นไปได้ แต่อีกข้างกลับไม่ค่อยมีแรง นั้นก็เป็นสัญญาณบ่งชี้อย่างหนึ่งที่ทำให้ควรไปพบแพทย์ที่เชียวชาญเฉพาะด้านเพื่อตรวจวินิจฉัยได้แล้ว
           หากรอจนเป็นมาก  ไม่ว่าจะเป็นโรคใดใดก็ตาม เป็นมากรักษาให้หายขาดก็ยากขึ้นไปตามลำดับ  ขนาดเครื่องจักรยังต้องเปลี่ยนใหม่เลยหากปล่อยทิ้งไว้จนชำรุดเสียหายชนิดเยียวยาไม่ได้แล้ว  นับอะไรกับคนที่ไม่ใช่เครื่องจักร มันไม่มีชีวิตไม่รับรู้ความรู้สึกแบบ มนุษย์เรา

   โรคข้อเข่าเสื่อม แม้แต่โรคเกี่ยวข้องกับตัวเราอื่นๆที่มีความรุนแรงแตกต่างกันออกไปล้วนแต่เริ่มไม่จำกัด เพศและวัยเช่นแต่ก่อนแล้ว มันเริ่มคืบคลานเข้ามากับทุกกลุ่มอายุจนเป็นสิ่งที่เราทุกคนจะละเลยไม่ได้ไปแล้ว  การรักษามีหลายวิธี ทั้งแบบทั่วไปที่คนทั่วไปสามารถนำไปใช้ได้กับการรักษาด้วยยาและการผ่าตัดรักษา แต่หากใครก็เป็นหรือกำลังจะเป็น เข่าข่ายก็แล้วแต่ย่อมต้องการการรักษาแบบไม่ต้องผ่าตัดทั้งสิ้น  ทุกคนย่อมกลัว กลัวเสี่ยง กลัวผลที่ตามมา กลัวสภาพจิตใจตัวเอง มากมายไปหมด

วิธีการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมเบื้องต้น

            การรักษาแบบทั่วไปก็คือการปฏิบัติตัวเพื่อหลีกเลี่ยงให้ไม่เกิดโรคหรือมีความเสี่ยงน้อยลง เพื่อถนอมข้อเข่าให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้น นั่นคือเราควรหลีกเลี่ยงการใช้กำลังข้อเข่ากับร่างกายโดยตรงให้มากที่สุดให้ข้อเข่ารับภาระน้อยลง หลีกเลี่ยงการยกของหนัก เลี่ยงการนั่งพับเพียบ นั่งสมาธิเป็นเวลานานๆ หากต้องทำก็ควรใช้เก้าอี้นั่งแทน ผู้ที่ใช้ส้วมที่บ้านที่เป็นชนิดต้องนั่งยองๆ ก็ควรเปลี่ยนเป็นแบบชนิดนั่งเหมือนเก้าอี้  ที่เรียกว่า โถซักโครก  ยิ่งมีผู้สูงอายุในบ้านยิ่งควรและจำเป็นอย่างยิ่ง  ไม่ควรขึ้นบันไดหลายขั้น เป็นประจำ   และบ่อยครั้ง   ไม่ควรให้ตัวเองมีน้ำหนักตัวมากเกินไป จนเริ่มอ้วนขึ้น  ยิ่งมีน้ำหนักมากขึ้น ข้อเข่าจะยิ่งรับน้ำหนักตัวเรามากเท่านั้น   แต่ไม่ใช่หมายถึงต้องอดหารเพื่อให้ร่างกายผอม และมีน้ำหนักยิ่งน้อยเพื่อจะไม่ให้ข้อเข่าเสียหายไวก่อนกำหนด แต่หมายถึงการควบคุมน้ำหนักตัวให้สมดุลกับความสูง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์

            การออกกำลังกายเป็นอีกวิธีที่ช่วยรักษาข้อเข่าได้เช่นกัน โดยออกกำลังกายกล้ามเนื้อส่วนต้นขาให้แข็งแรงจะช่วยพยุงข้อเข่าได้เป็นอย่างดี  วิธีการรักษาอื่นๆก็มีการรักษาด้วยการรับประทานยา ไม่ว่าจะยาแก้ปวด ลดการอักเสบ ยาบำรุงกระดูกอ่อน และการใช้น้ำหล่อเลี้ยงท่อชนิดเทียม  และสุดท้ายคือการผ่าตัด ปัจจุบันมีการผ่าตัด 3 วิธี ได้แก่ การผ่าตัดแบบส่องกล้อง และการผ่าตัดแก้ความโก่งงอของเข่า ซึ่งแพทย์จะต้องตัดกระดูกบางส่วนออก ซึ่งวิธีนี้ได้รับความนิยมน้อย  และสุดท้ายผ่าตัดแบบใส่ข้อเทียม เป็นการใส่ข้อเทียมเข้าไปแทนที่ข้อที่เสื่อม วิธีนี้ได้ผลดีแต่ค่าใช้จ่ายสูงมาก

         การดูแลตนเองถือเป็นวิธีที่ง่ายและประหยัดที่สุด ได้ผลที่สุด แค่เราเข้าใจโรค ถนอมรักษากระดูก ข้อเข่าเราไว้ บางอย่างเลี่ยงได้ ก็จะยิ่งทำให้มันสามารถใช้งานได้ยาวนาน แต่หากเราไปฝืนมัน  ไปวัดก็นั่งสมาธิเอาจริงเอาจัง ต้องนั่งให้ได้ จะนานเท่าไหร่ก็ยอม ไม่เปลี่ยนท่า ไม่เปลี่ยนอิริยาบถตัวเอง ทำบ่อยๆ  นานวันอาจจะทำให้ลุกจากนั่งสมาธิไม่ได้เลยก็เป็นได้เพราะ ข้อเข่าไม่มีแรงพยุงดันตัวให้ลุกขึ้นได้แล้ว   ฉะนั้นต้องรักตัวเองให้มากถ้ารักที่จะดูแลตัวเอง อนาคตเราก็จะไม่ต้องเอาเงินไปจ่ายมากมายกับการที่ต้องมารักษาตนเอง


ที่มา : https://www.bumrungrad.com/th/betterhealth/2554/pain-free/healthier-joints




วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2561

ข้อเข่าเสื่อม โรคข้อเข่าเสื่อมเกิดขึ้นได้กับใครบ้าง


               


 ชีวิตประจำวันของคนเรานั้น มักรีบเร่งจนไม่ค่อยคิดถึงตัวเองกัน ด้วยคิดว่าต้องเร่งให้ถึงที่หมาย ที่ทำงาน ให้ทันเวลาไว้ก่อน เมื่อชีวิตแต่ละคนถือบีบรัดด้วยเวลามากขึ้น จึงทำให้การคิดถึงตนเอง ดูแลตนเองน้อยลงโดยที่หลายๆคนไม่คิดด้วยซ้ำ วันนี้ฉันยังแข็งแรงไปทำงานไปประกอบกิจวัตรประจำวันได้ เท่านั้นคือความพอใจ แต่มันไม่ใช่

              คนเราทุกวันนี้จึงไม่ควบคุมทุกอย่างในกระบวนการชีวิต  คิดแค่ความสะดวกตัวเอง การจัดแจงเวลาตนเองเพียงเพื่อให้ไปที่ทำงานได้ทัน หรือไปตรงตามเวลานัด แต่ไม่เคยคิดถึงตนเองว่า หากเราเองนั้นวันใดที่ไม่สามารถใช้ชีวิตแบบเดิมนี้ได้อีก จะทำอย่างไร  เราจะใช้ชีวิตอย่างไร  หากเปลี่ยนวิถีชีวิตจากเดิมไป เราจอยู่ได้ไหม คงไม่มีใครคิดไปถึงขนาดนี้เป็นแน่ แต่การคิดเอาไว้จะเป็นเครื่องเตือนสติให้เราอยู่ในความไม่ประมาทเหมือนพระท่านมักเตือนสติให้เราไม่ประมาทใช้ชีวิตอยู่เสมอ การกลับมาหันมาดูแลชีวิตตัวเองยังไม่สาย เพื่อชีวิตที่ดีของตัวคุณเอง

ข้อเข่าเสื่อมพบได้กับวัยไหนบ้าง

         ข้อเข่าเสื่อม จากการวิจัยทางการแพทย์พบกับเพศหญิงมากกว่าเพศชาย และพบตั้งแต่อายุเกิน 45 ปีขึ้นไป ข้อเข่าเป็นอวัยวะที่รับน้ำหนักมากที่สุด  ผู้ป่วยที่เป็นมักมาจากน้ำหนักตัวที่มาก  โรคอ้วน  เสียส่วนใหญ่  รวมทั้งผู้ที่ต้องใช้ข้อเข่าตลอดเวลา บ่อยครั้ง เช่นทำกิจกรรมที่ต้องใช้เข่าตลอดเวลา ขึ้น ลง บันไดหลายชั้น ทุกวัน วันละหลายๆครั้ง  ออกกำลังกายด้วยการวิ่งนานและตั้งแต่อายุน้อยๆ  ทำกิจกรรมที่งอเข่าและยืน บ่อยครั้ง เป็นต้นว่าการยกของหนักที่ต้องยกจากที่ต่ำ ทำงานลักษณะนี้ตลอดเวลา หากเขายังมีกล้ามเนื้อข้อเข่าที่ยังแข้งแรงก็จะยังช่วยพยุงข้อเข่าให้ไม่ให้เกิดการอักเสบ ยังไม่แสดงอาการเจ็บปวด และยังไม่เสื่อมถอยเร็ว  แต่หากร่ายกายกล้ามเนื้อไม่แข้งแรง ปัญหาข้อเข่าตามมาโดยง่าย

          ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากยิ่งส่งผลร้ายหลายด้าน ไหนจะโรคที่เป็นกับตนเองเยอะ ทั้งโรคที่มากับความอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิต ไขมันในเลือด มากมายที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วน  อีกทั้งความคล่องตัวก็น้อยไปไหนก็ลำบาก ทำอะไรเชื่องช้า  ดูเหมือนร่างใหญ่แต่ไม่แข็งแรง  การดูแลตนเองไม่ให้อ้วน คือให้น้ำหนักตัวพอดีกับส่วนสูง  หรือเกินก็ไม่มากจนเกินไป ถ้าส่วนเกินนั้นเป็นกล้ามเนื้อ แทนที่จะเป็นไขมัน ถึงแม้จะมีกล้ามเนื้อมากก็ต้องดูแลหากไม่ใช้ ไม่ออกกำลังกล้ามเนื้อนั้นๆตลอดเวลา มันก็จะกลายสภาพเป็นไขมันในร่างกายเราได้เช่นกัน ผลดี หรือดี ดูสวยในตอนนี้แต่จะให้ยั่งยืนขึ้นอยู่กับเจ้สาของร่างนั้นแล้วว่าจะจัดการตนเองอย่างไร

       
  โรคข้อเข่าเสื่อมเมื่อทราบแล้วว่าปัจจัยมาจากสรีระ น้ำหนักตัวของเราเอง  เป็นสำคัญนอกจากวัยสูงอายุที่มีความเสื่อมไปตามกาลเวลา  เราจะต้องหมั่นดูแลตนเอง ไมให้อ้วนจนเกินไป แต่คนที่มีอาการอ้วนมากอยู่แล้ว คงต้องละในสิ่งต้องห้ามเอาไว้ ในเรื่องของกิจวัตร เพื่อให้ข้อเข่านอกจากจะรับน้ำหนักตัวคุณที่มากมายอยู่ตลอดเวลาแล้ว จะได้ไม่ต้องย้ำให้โทรมจนมีอาการหนักมากจนในที่สุดไม่สามารถเดินได้  การดูแลตนเองสำคัญที่สุด ก่อนที่จะให้คนอื่นดูแล เหมือนพังเพยที่ว่า ตนเป็นที่พึ่งของตน น่าจะเหมาะสมที่สุด  แต่คำนี้ไม่ได้หมายความรวมว่าเราต้องอยู่เพียงลำพัง นะ แต่หมายถึงเราพึ่งพาตนเองได้ ไม่ว่าจะอะไรก็ตามเราอยู่ด้วยความเข้าใจ เข้าใจโรค เข้าใจตนเอง และอยู่ใช้ชีวิตด้วยการไม่ประมาทชีวิตสุขได้เสมอ


ที่มา : http://www.orthochula.com/index.php/เกี่ยวกับข้อเข่า/ข้อเข่าปกติ-และข้อเข่าเสื่อม.html

วันเสาร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2561

ข้อเข่าเสื่อม ไม่อยากเป็นข้อเข่าเสื่อมฟังทางนี้


          โรคข้อเข่าเสื่อมมีใครอยากจะเป็นเสียที่ไหนฟังจากชื่ออย่างเดียวก็น่ากลัวแล้ว ทุกคนมีโอกาสที่จะเป็นได้แม้จะยังไม่แก่ก็ตาม แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะเกิดกับผู้สูงอายุมากกว่าวัยอื่น ๆ แต่บางคนก็ไม่เป็นมันขึ้นอยู่กับการดูแลสุขภาพร่างกายของแต่ละคนเดียวว่าจะทำได้ดีแค่ไหน กระดูกข้อเข่าเสื่อมมันเกิดได้อย่างไร เอาแบบสรุปง่าย ๆ ก็เหมือนกับมันเปราะความแข็งแรงเริ่มไม่มีแล้ว ตรงบริเวณเข่าของเรานั้นจะมีกระดูกที่เป็นตัวฉาบเชื่อมกระดูกเข่าเราไว้อยู่เรียกว่าเป็นกระดูกอ่อน จากนั้นมันพลิกล็อคสีกันมากขึ้นทำให้มันบางลง ๆ สุดท้ายก็เสื่อมนั่นเอง แต่ถ้าหากอย่างจะเลี่ยงโอกาสที่จะเป็นโรคนี้เราก็ทำได้นะ มาติดตามกันเลย


การลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม

1.      การเคลื่อนไหวของร่างกาย   การออกกำลังกายเป็นยาวิเศษก็จริงแต่ว่าหากเราขยับมากเกินไปหรือทำบ่อย ๆ ซ้ำ ก็ส่งผลเสียได้นั่นเอง โดยเฉพาะการทำอะไรที่ผิดท่า ไม่ว่าจะเป็นการ นั่ง เดิน ยืน นอน ที่ผิดท่าก็ล้วนแต่ส่งผลกระทบต่อข้อเข่าได้ทั้งนั้น โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวหรืออยู่ในอิริยาบถที่ต้องให้น้ำหนักลงขา

2.      การควบคุมน้ำหนัก   คนอ้วนจะทำให้เป็นข้อเข่าเสื่อมง่ายกว่าคนปกติเพราะน้ำหนักตัวเยอะเกินไป ข้อเข่า ต้นขาจะยิ่งเพิ่มแรงในการรับน้ำหนักเพิ่ม จะขยับร่างกายก้าวขาแต่ละทีนั้นเกิดการเสียดสีของกระดูกและข้ออย่างหนักมากรวมไปถึงสะโพก และหลังด้วยเช่นกัน ฉะนั้นต้องรู้จักควบคุมน้ำหนักให้พอดีกับร่างกายตัวเอง

3.      การสร้างกล้ามเนื้อ หันมาสร้างกล้ามเนื้อเพิ่มให้กับการร่างกายเพราะว่าหากบางคนที่ออกกำลังกายอย่างหนักมาก ๆ กระดูก ข้อเข่า และส่วนต่าง ๆ ของร่างกายทำงานหนักมากก็เป็นข้อเข่าเสื่อมได้ถ้าไม่อยากเป็นก็ต้องหาวิธีการป้องกันเพิ่มอีกทาง การเพิ่มกล้ามเนื้อก็ช่วยได้แต่ก็ควรเริ่มให้ถูกวิธีด้วยเช่นกัน หากไม่รู้วิธีที่ชัดเจนควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มเพราะไม่รู้ว่ากระดูกของเรานั้นต้องการกล้ามเนื้อมากแค่ไหน

4.      การทานอาหาร/ทานยา  อาหารบางตัวก็มีประโยชน์ต่อกระดูกแต่ว่ามันก็ไม่มีอะไรที่มาช่วยยืนยันได้ว่าการช่วยนั้นทำได้ดีมากแค่ไหนโดยเฉพาะอาหารพวกที่เป็นกลูโคซามีน และพวกคอนโดรอีทีน เป็น และหากเป็นข้อเสื่อมเกินระยะแรกมาแล้วมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย และมาในส่วนของยาบางตัวก็ควรเลี่ยงหากตัวไหนที่เป็นอันตรายต่อกระดูกโดยบเเฉพาะยาแบบสเตียรอยเพราะมันทำให้กระดูกข้อเสื่อมสภาพได้ง่าย ๆ การรักษาให้มันหายก็เป็นเรื่องยากอีกด้วย

           การหลีกเลี่ยงโรคกระดูกข้อเข่าเสื่อมก็มีประมานนี้ถ้าหากไม่อยากจะป่วยก็ต้องดูแลตัวเองดี ๆ การออกกำลังกายก็ควรจะอยู่ในระดับพอดี ๆ ไม่หักโหมมากเกินไป อาหารก็ต้องควบคุม สรุปแบบเข้าใจง่าย ๆ ก็คือ ต้องรู้จักดูแลตัวเองทำทุกอย่างในความพอดีเพื่อให้ร่างกายนี้อยู่กับเราไปนาน ๆ  

ที่มา https://www.bumrungrad.com/th/betterhealth/2554/pain-free/healthier-joints





วันศุกร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2561

ข้อเข่าเสื่อม เมื่อมีอาการข้อเข่าเสื่อมอย่างรุนแรงมีวิธีการรักษาอย่างไร


       
การเป็นโรคกระดูกข้อเข่าเสื่อมนั้นก็สร้างความเจ็บปวดให้กับร่างกายอย่างมากจนแทบไม่อยากจะทำอะไรเลย โดยเฉพาะคนที่อาการเกิดมากแล้วยิ่งจะทรมาน การรักษาแบบธรรมดาอาจจะช่วยไม่ได้แล้ว วันนี้ทางเรายกตัวอย่างการรักษาขั้นสูงสำหรับคนที่เป็นมากโดยเฉพาะมาให้ติดตามอ่านเพื่อเป็นความรู้กัน แน่นอนว่ามันมีระยะแรกที่เรายังพอทนได้แต่ก็มีระยะสุดท้ายที่รักษายากเหมือนกัน การรักษาจะเป็นอย่างไรเมื่อเริ่มปวดมาก ๆ

รู้จักโรคข้อเข่าเสื่อมเบื้องต้น

        โรคนี้เป็นเกี่ยวกับส่วนกระดูกข้อเข่าที่มีการใช้งานอย่างหนักจนเกิดการเสื่อมสภาพไปตามการใช้งานนั้นเอง เพราะว่ากระดูกมีการเสียดสีกันทุกวันบ่อย ๆ จากการใช้งานทำให้มันบางและเปราะสุดท้ายก็เสื่อมสภาพนั่นเอง แต่ส่วนใหญ่จะพบง่ายในผู้สูงอายุและคนที่น้ำหนักเกินตัวหรืออ้วน เข่ามันรับน้ำหนักเยอะ ๆ ก็เริ่มอ่อนแรงเปราะก็เสื่อมเลย ส่วนคนที่เสื่อมตอนอายุมากก็แปลว่าช่วงวัยกลางคน วัยรุ่นนั้น มีอิริยาบถที่ส่งผลกระทบต่อข้อเข่าเยอะเกินไปนั่นเอง 

การรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมมีมีอาการรุนแรง

       คนที่อาการหนักซึ้นเป็นข้อเข่าเสื่อมเลยระยะแรกมาแล้วรักษาในเบื้องต้นเห็นทีจะไม่มีประโยชน์ อีกทางหนึ่งที่แพทย์จะตัดสินใจรักษาคือการผ่าตัด แน่นอนค่าใช้จ่ายก็สูงแถมยังเป็นวิธีที่เสี่ยงแต่ก็โอกาสที่จะดีขึ้นก็มีสูงอยู่ การผ่าตัดก็มีหลายวิธีดังต่อไปนี้  

1.      ใช้กล้องส่องข้อเข่าในการผ่าตัด  สำหรับวิธีนี้แผลจะค่อนข้างเล็กมากเพราะว่ากล้องในการส่องเข้าไป กล้องจะมีขนาดเล็กสอดเข้าไปตรวจสอบสภาพของข้อว่าผิดปกติตรงไหนบ้าง วิธีนี้ได้รับความนิยมทีเดียว แน่นอนว่ามีความชัดเจนและแพทย์ทำงานสะดวกมากอีกด้วยเมื่อเทียบกับการผ่าตัดแบบเปิดข้อออกมาทั้งหมดแล้ว

2.      การผ่าแบบเชื่อมกระดูก  วิธีนี้เป็นเหมือนกับการรวมพลังกระดูกเพื่อเป็นหนึ่ง ข้อเข่าเสื่อมเกิดมาจากการเสียดสีกันของกระดูกการเชื่อมให้กระดูกกลายเป็นชิ้นเดียวกัน ก็ทำให้ไม่มีการเสียดสีเกิดขึ้นนั่นเอง แต่ก็ใช้ไม่ได้กับทุกข้อขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ด้วย

3.      การผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนกระดูกแนวใหม่ สำหรับวิธีการผ่าตัดแบบนี้ก็เพื่อไม่ให้ข้อเจ็บปวดมากขึ้น เป็นการเปลี่ยนแนวของกระดูกเพื่อกระจายแรงได้ดีขึ้น โดยให้อยู่ในแนวอื่นเพื่อที่จะลดความเจ็บปวดลงได้ ช่วยยืดระยะเวลาการผ่าตัดที่จะต้องเปลี่ยนเป็นกระดูกเทียมได้นานขึ้นอีกด้วย

4.      การผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนเป็นกระดูกเทียม  เป็นวิธีสุดท้ายที่แพทย์จะเลือกใช้แล้วสำหรับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเทียม หากข้อและกระดูกเปราะมากและโดนทำลายไปจำนวนเยอะ ชนิดที่ว่าการผ่าตัดรูปแบบอื่นเอาไม่อยู่แล้วถึงจะต้องเปลี่ยนเป็นกระดูกข้อเทียมให้กับผู้ป่วย

           อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดแบบไหนก็ย่อมอยู่ในความเสี่ยงด้วยกันทั้งนั้น และขึ้นอยู่กับฝีมือการฝ่าตัดของแพทย์ด้วย ยิ่งถ้าเรามีอาการมากเท่าไรค่ารักษาก็ยิ่งแพงมากขึ้นและ ขั้นตอนในการรักษาจะยิ่งมีความซับซ้อนและใช้เวลามากกว่าเดิมอีกด้วย   หากรู้ว่ามีอาการข้อเสื่อมควรรีบรักษาแต่เนิ่น ๆ จะดีมาก


ที่มา https://www.bumrungrad.com/th/betterhealth/2554/pain-free/healthier-joints


วันพฤหัสบดีที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2561

ปวดข้อเข่า ปวดข้อเข่าไม่ใช่เรื่องเล็ก Marine Collagen Peptide คอลลาเจนจากปลาทะเลน้ำลึก ช่วยได้


     

  เคยไหมไม่ว่าจะทำกิจกรรมอะไรแม้ไม่หนักมากรู้สึกถึงความเปราะบางของกระดูกอ่อน กระดูกข้อต่าง ๆ ของร่างกายตัวเอง บ้างก็มีเสียงกึก ๆ ดังให้เราได้ยิน นั่นเป็นสัญญานเตือนว่าร่างกายกำลังขาดแคลเซียมแล้ว แต่บางคนก็ไม่มีเสียงอะไรเป็นการจากไปของแคลเซียมเงียบ ๆ แบบที่ไม่ทันได้รู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำไป กว่าเราจะรู้ว่าร่างกายกำลังแย่มันอาจจะสายไปแล้วก็ได้ มาเติมคอลลาเจนให้กับกระดูกบ้างก็ดี เอาให้เห็นประโยชน์มาก ๆ ก็จะเป็น Marine Collagen Peptide คอลลาเจนจากปลาทะเลน้ำลึก จะช่วยอาการปวดข้อเข่าและป้องกันการปวดข้ออื่น ๆ ได้อย่างไรมาติดตามพร้อมกันได้เลย 

Marine Collagen Peptide คอลลาเจนจากปลาทะเลน้ำลึก คืออะไร

         เอาแบบเข้าใจง่ายสุดของคำว่า Marine Collagen Peptide คอลลาเจนจากปลาทะเลน้ำลึก เป็นคอลลาเจนที่ได้มีการผ่านระบบที่เรียกว่าย่อยเอนไซม์มาแล้ว โดยจะย่อยให้มีโมเลกุลที่เล็กลงมากนั่นเอง แน่นอนว่าเป็นข้อดีเพราะเวลาทานเข้าไปร่างกายของเราจะสามารถทำการดูดซึมได้เร็วพร้อมกับนำไปใช้ได้เร็วด้วย ซึ่งเมื่อเทียบกับคอลลาเจนทั่วไปแล้ว Marine Collagen Peptide จะทำงานได้ดีกว่านั่นเอง ซึ่งคุณประโยชน์คือ จะไปช่วยสร้างเซลเนื้อเยื่อต่าง ๆ ให้กับกระดูกข้อเข่า รวมถึงข้อต่ออื่น ๆ ในร่างกายได้เป็นอย่างดีเพราะคอลลาเจนเป็นโมเลกุลเล็กที่มีลักษณะเป็นตัวเกาะยึดโยงกันหลาย ๆ ตัว

ทำไมเราต้องทาน Marine Collagen Peptide เพิ่มให้ร่างกาย

          เราจะทราบกันดีว่าร่างกายของเราตั้งแต่เกิดมานั้นสามารถสร้างคอลลาเจนใช้ได้ด้วยตนเอง แต่ทว่ามันก็การจำกัดด้วยเพราะเมื่อถึงอายุตั้ง 25 ปี แล้วคอลลาเจนจะเริ่มเสื่อมสภาพลงทำให้ร่างกายและกระดูกสูญเสียคอลลาเจนที่จำเป็นไป เพราะแบบนี้ถึงอ่อนแอลงทำงานได้อย่างไม่เต็มที่  และยิ่งอายุเรามากขึ้นเท่าไรก็ยิ่งเสียมากไปเท่านั้น คนอายุ 40 ปี ขึ้นไปข้อเข่า กระดูกอื่น ๆ เสื่อมลงมากอย่างเห็นได้ชัด ประโยชข์ของคอลลาเจนปลาทะเลน้ำลึกต่อข้อเข่าคือ ฟื้นฟูกระดูกให้มีความแข็งแรงมากขึ้นแม้ร่างกายจะเสียคอลลาเจนไปเพราะอายุที่มากขึ้นแต่เราก็เติมเต็มส่วนที่ขาดได้ นอกจากนั้นยังมีประโยชน์ทำให้ร่างกายมีภูมิต้นทานสูง ระบบย่อยอาหารทำงานดี ไม่ท้องอืด ทำให้กระดูกเข่า ข้อเข่า ข้อแขน ข้อต่อ ในร่างกายลดการเสื่อมสภาพลง อีกทั้งยังเพิ่มความแข็งแรงให้กับเส้นผมและผิวด้วย Marine Collagen Peptide  ไม่ธรรมดาจริง ๆ

          ทำอย่างไรให้ร่างกายได้รับคอลลาเจนจากปลาทะเลน้ำลึก ง่ายมากก็เพียงเลือกทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของมารีนคอลลาเจนเท่านั้นเอง ราคาไม่แพงเกินไปด้วยสามารถซื้อทานได้ทุกคน อย่าปล่อยให้อายุเป็นตัวทำลายความแข็งแรงร่างกายไป จงต่อสู้กับมันพร้อมทั้งดูแลสุขภาพร่างกายให้ดี อย่าลืมออกกำลังกายแต่พอเหมาะอย่าหักโหมเกินไป ทานอาหารที่มีประโยชน์ข้อนี้เราคงไม่ต้องอธิบายเยอะเพราะอะไรที่มันมีประโยชน์กับร่างกายทุกคนก็คงจะทราบกันดีอยู่แล้ว ร่างกายของเราเองหากเราไม่ดูแลมันแล้วใครจะหันมาใส่ใจแทนเรา ขอให้สุขภาพแข็งแรงกันทุกคนนะ 


ที่มา  https://www.facebook.com/bereniceshopthailand/photos/pb.137617943251784.-2207520000.1462551248./170389409974637/?type=3&theater