disable right click

วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2559

เครียดไม่รู้ตัว ทำกล้ามเนื้อเกร็งและเมื่อยล้า




เครียดไม่รู้ตัว ทำกล้ามเนื้อเกร็งและเมื่อยล้า

         
เพ็ญพิชชากร แสนคำ นักกายภาพบำบัด ผู้เชี่ยวชาญด้านเกี่ยวการปรับโครงสร้างร่างกาย ระบุว่า ความเครียดแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด 

          1. Acute stress 
คือความเครียดที่เกิดขึ้นในทันทีทันใดและร่างกายจะตอบสนองโดยที่มีการแสดงออกมาทันที ความเครียดนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ มีผลกระทบต่อสภาพร่างกายและจิตใจไม่นานนัก แต่ถ้าหากเป็นบ่อยก็ทำให้เกิดความเครียดแบบเรื้อรังได้ 

          2. Chronic stress 
คือความเครียดที่เกิดขึ้นแบบซ้ำๆ กับภาวะร่างกายและจิตใจทุกๆวันแบบเลี่ยงไม่ได้ อย่างเช่น ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ เป็นต้น ความเครียดอันเนิ่องมาจากปัญหาการทำงาน เช่น ความหน้าเบื่อจากการทำงาน ปัญหาเพื่อนร่วมงาน เจ้านาย ซึ่งไม่มีทางเลือกและไม่สามารถแสดงออกมาได้ เป็นต้น

         
ความเครียดจะบั่นทอนสุขภาพร่างกายและจิตใจอย่างช้าๆ โดยที่ไม่รู้สึกตัว ไปฝังลึกลงในจิตใต้สำนึก ทุกครั้งที่เกิดภาวะเครียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเครียดเรื้อรัง จะมีผลโดยตรงต่อการทำงานของร่างกาย ซึ่งทุกระบบจะทำงานหนักมากขึ้น
เมื่อเครียดเกิดอะไรขึ้นบ้าง

         
หากภายใต้จิตสำนึกของคุณเครียด ร่างกายก็จะหลั่งฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่เรียกว่า อะดรีนาลิน ฮอร์โมนนี้กระทบและมีผลเสียต่อร่างกายอย่างมาก ทำให้หลอดเลือดภายในร่างกายบีบตัว การไหลเวียนของเลือด น้อยลง หัวใจทำงานหนักและบีบตัวสูงขึ้น มีความดันเพิ่มขึ้น  หากมีภาวะไขมันในหลอดเลือดก็อาจจะเสี่ยงต่อการเป็นเลือดอุดตัน ภาวะขาดเลือดในอวัยวะสำคัญ เช่น หัวใจ สมอง เป็นต้น การทำงานของอวัยวะต่างๆ มีประสิทธิภาพลดลง อย่างเช่น เหนื่อยง่าย หายใจไม่อิ่ม กระเพาะอาหารหลั่งกรดออกมาก มีอาการท้องอืด ท้องผูก อาหารไม่ย่อย ร่างกายขับพิษออกไม่ได้ ตับและไตทำงานหนักขึ้น สมรรถภาพทางเพศลดลง หงุด หงิด  ปวดเมื่อยตามร่างกาย ไม่มีสมาธิ ภายในระบบภายในร่างกายต้องทำงานสูงอันเนื่องมาจากการดึงอินซูลินในระบบเลือดมาใช้ กระตุ้นให้กินมากทำให้เกิดโรคอ้วนได้ ฯลฯ  

ความเครียดกับระบบกระดูกกล้ามเนื้อ

      
หากเครียดฮอร์โมนที่อะดรีนาลิน จะทำให้กล้ามเนื้อเกิดเกร็งตัวมากกว่าปกติ จนร่างกายรู้สึกเมื่อยล้าอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกไม่กระปรี้กระเปร่า ง่วงนอน และหาวบ่อยๆ 

       
กล้ามเนื้อที่มีปัญหามากที่สุด  คือ กล้ามเนื้อส่วนบริเวณบ่าและคอ กล้ามเนื้อจะเป็นมัดเล็กเป็นริ้วเกาะตามขอบท้าย ทอย ที่เป็นทางผ่านของหลอดเลือดที่เลี้ยงสมอง และเลี้ยงอวัยวะต่างๆส่วนบนศีรษะ บริเวณนี้จะเป็นตัวเตือนคุณได้มากที่สุด คุณจะรู้สึกปวดคอ ปวดบ่า  ในบางรายร้าวไปที่หลัง รอบสะบัก หายใจแล้วก็เสียวในช่องอก มากขึ้นเรื่อยขนาดปวดร้าวขึ้นศีรษะ เหมือนกับเป็นไมเกรน  อันเนื่องจากกล้ามเนื้อหดตัวมากจนเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ ตา ปากอาจจะมีอาการกระตุกด้วย  

การดูแลตนเอง

          ในการดูแลให้ถูกวิธี คือ เราต้องทำกล้ามเนื้อมีความยืดหยุ่นดี กระดูกควรอยู่ในแนวที่ปกติ ส่วนของเส้นเลือด เส้นประสาท ระบบขับสารเสีย ระบบน้ำเหลืองไหลเวียนทำงานได้ดี ไม่ใช่แค่ไปคลายที่คออย่างเดียว เพราะว่ามีกล้ามเนื้อเกี่ยวพันกันอยู่ทุกส่วน ควรที่จะปรับสมดุลให้โครงสร้างร่างกาย เพราะถ้าหากปรับสภาวะให้โครงสร้างสมดุลแล้ว ระบบเลือด น้ำเหลือง เส้นประสาทก็จะไหลเวียนได้เต็มที่ ทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนชนิดดีที่ทำงานตรงกันข้ามกับอะดรีนาลิน นั่นก็คือเอ็นดอรŒฟิน ที่เป็นสารสุขให้กับร่างกา

         
หากว่าต้องการดูแลด้วยตนเองก่อน ควรที่จะผ่อนคลายด้วยการนวดเบาๆ  ทำอบหรือประคบร้อน ไม่ควรทำแรงเกินไปบริเวณคอ เพราะว่ามีเส้นเลือดและกล้ามเนื้อที่สำคัญอยู่มาก หากว่าต้องการรักษาก็ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของระบบกระดูกกล้ามเนื้อจะดีกว่า และควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาเพราะจะส่งผลเสียมากขึ้น 

ขอบคุณข้อมูลจาก http://icare.kapook.com/suicide.php?ac=detail&s_id=12&id=1362