disable right click

วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ไมเกรน(Migraine) รู้ทันป้องกันอาการกำเริบได้ไม่ยาก ตอนที่ 2




3. ลักษณะอาการของผู้ป่วยไมเกรน
           ส่วนใหญ่ไมเกรนจะเกิดขึ้นครั้งแรกกับเด็กวัยรุ่นไปจนถึงวัยหนุ่มสาว และมีอาการเป็นๆหายๆ ไปจนตลอดชีวิต จะมีอาการเจ็บปวดตุ้บๆ ตื้อ ๆ ที่ขมับและรอบเบ้าตา ซีกใดซีกหนึ่งเสมอ มีปวดสลับข้างกันบ้างเป็นบางคราวหรือในบางรายอาจจะปวดพร้อมกันทั้ง 2 ข้าง ที่ขมับมักจะมีเส้นเลือดโป่งพองเต้นตุ้บๆและปูดขึ้นมาจนเห็นได้ชัด ในบางรายอาจจะวิงเวียนศีรษะ เห็นแสงแล้วปวดหัว ตาพร่า ตาลายหรือดวงตาอาจจะมัวไปครึ่งซีก ซึ่งอาการเจ็บปวดแต่ละครั้งจะกินเวลานาน 4-72 ชั่วโมงเลยทีเดียว แต่สำหรับรายที่เป็นไมเกรนชนิดรุนแรง อาจจะเกิดอาการชาที่ใบหน้า ริมฝีปากและมือ มองเห็นภาพซ้อนภาพ วิงเวียนศีรษะและแขนขาอ่อนแรง คลื่นไส้อาเจียน ซึ่งพบได้น้อยและมักจะหายเองเมื่อให้ผู้ป่วยได้รับการพักผ่อน

4. การแยกโรคไมเกรนออกจากโรคปวดหัวชนิดอื่น ๆ สามารถสังเกตได้อย่างไรบ้าง
    4.1 ปวดหัวเนื่องจากความเครียด จะปวดตื้อๆมึนๆทั่วทั้งศีรษะ และท้ายทอย เป็นชั่วโมงหรือเป็นวัน หากเมื่อนอนหลับพักผ่อนแล้วอาการก็จะดีขึ้น ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการคิดมาก ซึมเศร้า วิตกกังวลและนอนไม่หลับ
    4.2 ปวดหัวเนื่องจากการมีสายตาที่ผิดปกติ จะปวดและล้าบริเวณกระบอกตาทั้งสองข้างเมื่อเพ่งมองอะไรเป็นระยะเวลานาน พบในผู้ที่มีสายตายาว สั้นและสายตาเอียง
   4.3 ปวดหัวเนื่องจากไซนัสอักเสบ จะมีอาการปวดตรงหัวคิ้วรอบกระบอกตาลามไปยังโหนกแก้ม อีกทั้งยังมีอาการหวัด คัดจมูกและน้ำมูกไหลเหนียวและข้น เมื่อใช้นิ้วเคาะบริเวณที่ปวดตื้อๆ จะพบว่ารู้สึกปวดมากกว่าเดิม
   4.4 ปวดหัวในผู้ป่วยที่มีความดันในเลือดสูงมักจะเกิดขึ้นเมื่อตื่นนอนใหม่ๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไปตอนสายๆ อาการจะทุเลาไปเอง พบได้ในผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไปแล้ว
   4.5 ปวดหัวเนื่องจากเกิดเนื้องอกในสมอง ซึ่งโรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนไม่ว่าจะเป็นวัยใด จะมีอาการปวดมึนตื้อไปทั้งศีรษะในเวลาเช้าใกล้ตื่นนอน แต่พอช่วงสายๆอาการจะค่อยๆหายไป ซึ่งจะเป็นเช่นนี้ทุกวันนานเป็นเดือน มีอาการเจ็บปวดแรงขึ้นและกินเวลานานขึ้นเรื่อยๆ มักจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะร่วมด้วย
   4.6 ปวดหัวเนื่องจากต้อหินชนิดเฉียบพลัน จะมีอาการตาพร่ามัวและเกิดการปวดตาอย่างรุนแรงในข้างใดข้างหนึ่ง เมื่อตรวจดูจะพบว่าตาแดง รูม่านตาขยายโตขึ้น อาการปวดจะไม่ทุเลาลงเลย หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีโดยแพทย์ มักจะพบในวัยผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีเท่านั้น
แม้ว่าอาการชาแขนขาและกล้ามเนื้ออ่อนแรงในผู้ป่วยที่เป็นไมเกรงชนิดรุนแรง แต่อาการสามารถบรรเทาได้ด้วยการพักผ่อนและรับประทานยาแก้ปวดเพื่อช่วยให้อาการปวดทุเลาลง เมื่อพักผ่อนดีแล้วอาการก็จะดีขึ้น ซึ่งแตกต่างจากโรคหลอดเลือดในสมองตีบอยู่มาก แม้อาการที่เป็นจะคล้ายคลึงกันแต่ไมเกรนจะหายในไม่กี่วัน แต่สำหรับผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองตีบนั้นจะมีอาการอัมพฤกษ์อัมพาตเรื้อรัง และพบในผู้สูงอายุ อีกทั้งพบในคนที่ป่วยเป็นเบาหวาน ความดันในเลือดสูง  โรคอ้วน คนที่สูบบุหรี่จัด และมักจะเกิดขึ้นในคนที่มีไขมันในเลือดสูง ส่วนไมเกรนมักจะเกิดขึ้นในบุคคลที่มีอายุน้อยและไม่พบโรคประจำตัวอื่นแทรกซ้อนอื่นใด

5. จะดูแลตนเองอย่างไรเมื่อทราบว่าป่วยเป็นไมเกรน
อาการปวดหัวที่สร้างความทรมานใจให้กับผู้ป่วยไมเกรนเป็นเรื่องที่รักษาได้ไม่ยากนัก แม้จะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ก็ตาม แต่ทว่าสามารถลดความเสี่ยงและบรรเทาอาการเจ็บปวดในรายที่เป็นไมเกรนชนิดรุนแรงได้
   5.1 หมั่นสังเกตตนเองอยู่เสมอว่ามีสิ่งเร้าชนิดใดบ้างที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการไมเกรนกำเริบขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นแสงแดด อากาศ อาหารบางชนิด เครื่องดื่มบางชนิด และการอดนอน เมื่อทราบแล้วก็ควรหลีกเลี่ยงจากตัวการเหล่านี้ อันจะทำให้ห่างหายจากอาการได้ไม่กลับมาเป็นบ่อย
   5.2 ยาแก้ปวด เป็นยาประจำตัวผู้ป่วยไมเกรนชนิดที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงพ้น  ผู้ป่วยควรพกติดตัวไว้เสมอ เมื่อเริ่มรู้สึกว่าจะมีอาการปวดหัวไมเกรนขึ้นมา เช่น เริ่มปวดหัวมึน ๆ ตื้อ ๆ ตาลายตาพร่ามัว ก็รีบรับประทานยาเข้าไปเดี๋ยวนั้นทันทีและรีบนอนหลับพักผ่อนในขณะที่รู้สึกว่าอาการเริ่มเกิดขึ้น หากว่าไม่สามารถนอนได้ ก็ควรจะนั่งพักในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อให้ร่างกายผ่อนคลาย ก็จะสามารถช่วยให้อาการไมเกรนทุเลาลงได้ภายในระยะเวลาไม่นาน
   5.3 สำหรับผู้ป่วยที่เป็นไมเกรนอยู่ตลอดเวลาจนเกิดอุปสรรคต่อการดำรงชีวิต เป็นๆ หายๆ อยู่เสมอ และบ่อยมากจนน่ารำคาญ แพทย์จะจัดยาให้ผู้ป่วย ซึ่งผู้ป่วยไมเกรนจะต้องรับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และห้ามหยุดรับประทานยาเองก่อนแพทย์สั่งเด็ดขาด

6. ลักษณะอาการอย่างไรที่เรียกว่ารุนแรง และควรไปพบแพทย์ทันทีอย่าปล่อยให้เสียเวลา
   6.1 เมื่อรับประทานยาแก้ปวดหรือยาใดก็ตามที่แพทย์สั่ง แล้วอาการนั้นยังไม่ทุเลาลงหลังจากเวลาผ่านไปแล้วกว่า 72 ชั่วโมง
   6.2 อาการปวดรุนแรงมากกว่าทุกๆ ครั้งที่เคยเป็นมา
   6.3 เกิดอาการเจ็บปวดศีรษะเป็นครั้งแรกในรายที่มีอายุมากกว่า 40 ปี
   6.4 แขนขาชาและอ่อนแรง ไม่มีแรงจะเดินหรือลุกไปไหนได้
   6.5 หน้ามืด ตาลาย เดินเซไม่ตรงทิศ และคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย
เนื่องจากอาการเหล่านี้อาจจะเกิดขึ้นจากภาวะแทรกซ้อนอย่างอื่นร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นเส้นเลือดในสมองตีบในผู้สูงอายุ หรืออาการอย่างอื่นที่รุนแรงมากกว่าไมเกรน ในรายที่ป่วยเป็นไมเกรนชนิดรุนแรงซึ่งมีอาการอ่อนแรงของร่างกายหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นแขน ขา หรือกล้ามเนื้อทางเดินหายใจอ่อนแรงจนทำให้หยุดหายใจ จะต้องรีบนำตัวผู้ป่วยส่งแพทย์ทันทีเพื่อรับการรักษา
สำหรับสุภาพสตรี ไม่เกรนอาจจะเกิดขึ้นเนื่องจากการทานยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนมากเกินไปจึงทำให้ปวดไมเกรนบ่อยขึ้น แพทย์จะแนะนำให้ฉีดยาคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนโพรเจสเตอโรนแทนในทุก 3 เดือน ก็มีส่วนบรรเทาอาการปวดไมเกรนได้เช่นกัน
ไมเกรนมักจะเกิดขึ้นได้กับคนทั่วไปนาน 4-72 ชั่วโมงและอาการจะทุเลาลง อาการจะเป็นๆหายๆอยู่อย่างนั้นเมื่อผู้ป่วยอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกกระตุ้น ฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงให้ได้ และผู้ป่วยอาจจะหายขาดจากอาการปวดไมเกรนได้เมื่ออายุย่างเข้าสู่วัย 55 ปีขึ้นไป มีบางรายที่ไมเกรนอาจจะกำเริบได้เรื่อยๆ จนตลอดชีวิต
แม้จะไม่สามารถรักษาให้หายขาดจากการทรมานจากไมเกรนได้ แต่เชื่อว่าการหลีกเลี่ยงจากสภาพแวดล้อมที่เป็นตัวการทำให้เกิดไมเกนนั้นสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.doctor.or.th/article/detail/1330

ไซนัส


สมัครแจ้งบทความใหม่ผ่านทาาง Line 
เพิ่มเพื่อน