เอ็นข้อไหล่ฉีกขาดเป็นอย่างไร ตอนที่ 2
การวินิจฉัยเอ็นข้อไหล่ฉีกของแพทย์
• ทำการซักประวัติและตรวจหัวไหล่ผู้ป่วย แพทย์จะทำการซักถามเกี่ยวกับประวัติความเจ็บป่วย ความเจ็บปวด และอุบัติเหตุ หลังจากนั้นจะตรวจหัวไหล่ ช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยได้มากขึ้น หากเอ็นข้อไหล่ฉีกทั้งหมดจะสังเกตได้ง่าย โดยแพทย์จะจับแขนผู้ป่วยให้ทำท่าหนึ่ง จากนั้นให้ผู้ป่วยลองทำท่านั้นด้วยตนเอง หากผู้ป่วยไม่สามารถทำได้ ได้ว่าผู้ป่วยเอ็นข้อไหล่ฉีก
• ทำการเอกซเรย์ การเอกซเรย์แม้ไม่แสดงให้เห็นถึงการมีเอ็นข้อไหล่ฉีก แพทย์จะทำเอกซเรย์ที่หัวไหล่เพื่อที่จะดูว่ามีกระดูกยื่นออกมาหรือไม่ มีส่วนใดของหัวไหล่หายไป หรืออาจมีปุ่มกระดูกหัวไหล่ที่ไม่ปกติหรือไม่ เพราะอาการนี้ล้วนมีความสัมพันธ์กับเอ็นข้อไหล่ฉีก ภาพเอกซเรย์ให้เห็นว่ามีหินปูนเกาะบริเวณเส้นเอ็นหรือไม่ ที่จะเป็นสาเหตุให้เกิดอาการต่างๆ ได้จะเรียกการที่หินปูนเกาะนี้ว่า calcific tendonitis
• Ultrasound จะมองเห็นส่วนเนื้อเยื่ออ่อนอย่าง เส้นเอ็นส่วน Rotator cuff ที่ให้เห็นถึงตำแหน่งที่เส้นเอ็นฉีกขาดและขนาดการฉีกขาดด้วย และบ่งบอกการฉีกขาดของเส้นเอ็นนั้นเก่าหรือใหม่อีกด้วย เพราะสามารถแสดงให้เห็นคุณภาพของกล้ามเนื้อส่วน Rotator cuff อีกด้วย
• ตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือ magnetic resonance imaging: MRI เป็นการตรวจทางรังสีวิทยาโดยใช้คลื่นแม่เหล็กในการสร้างเป็นภาพของหัวไหล่ลงบนฟิล์ม ช่วยให้เห็นภาพเส้นเอ็นได้ชัดเจนมาก เช่นเดียวกับการเห็นกระดูก วิธีนี้ไม่มีความเจ็บปวดแต่อย่างใด ไม่ต้องใช้เข็มหรือว่าการฉีดยา
ทางเลือกในการรักษาเอ็นข้อไหล่ฉีก
เกือบ 50%ของคนไข้ที่รักษาโดยไม่ผ่าตัดมีอาการปวดลดลงและกลับไปใช้งานได้ แต่ความแข็งแรงของไหล่จะไม่กลับมา
การรักษาแบบไม่ผ่าตัดมีดังนี้
o พักผ่อนและเลี่ยงการยกแขนสูง โดยหยุดการใช้งานไหล่ และปรับกิจกรรมที่ทำให้ปวดไหล่ อาจใส่มีการใส่ Sling เพื่อป้องกันไหล่ให้อยู่นิ่ง
o ใช้ยาแก้อักเสบ อย่างเช่น ยา aspirin หรือ ยา ibuprofen ช่วยควบคุมความเจ็บปวดและการอักเสบของผู้ป่วย แพทย์อาจฉีดยา cortisone หากผู้ป่วยควบคุมความเจ็บปวดไม่ได้
o ทำกายภาพบำบัด นักกายภาพบำบัดจะช่วยกำหนดโปรแกรมการฟื้นฟูให้กับผู้ป่วย ขั้นแรกเป็นการลดความเจ็บปวดและอาการอักเสบด้วยกับการประคบร้อนหรือเย็น จากนั้นรักษาด้วยการออกกำลังกายในรูปแบบต่างๆกัน เพื่อที่จะให้หัวไหล่ขยับได้มากขึ้น
ในขั้นต่อไป ผู้ป่วยเริ่มออกกำลังเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและเพื่อให้สามารถควบคุมกล้ามเนื้อบริเวณหัวไหล่และเอ็นข้อไหล่ได้ดีมากขึ้น นักกายภาพบำบัดจะถนอมกล้ามเนื้อนี้ให้ผู้ป่วยเพื่อให้กระดูกของ humerus อยู่ในเบ้า ทำให้ผู้ป่วยเคลื่อนไหวไหล่ได้ตามปกติ ต้องทำกายภาพบำบัดเป็นเวลาประมาณ 6–8 สัปดาห์ ส่วนมากผู้ป่วยจะสามารถทำกิจวัตรได้ตามปกติและใช้แขนได้อย่างเต็มที่เหมือนเดิม
ข้อดีของการรักษาแบบไม่ผ่าตัด คือ
• ไม่มีการติดเชื้อ
• ไหล่ยึดอย่างถาวร
• ไม่มีอาการแทรกซ้อนจากการดมยา
• มีการฟื้นตัวที่บ้าน
ข้อเสียจากการรักษาแบบไม่ผ่าตัดคือ
• ความแข็งแรงไม่กลับมา
• ขนาดการฉีกขาดเพิ่มมากขึ้น
• ทำกิจกรรมได้ลดลง
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.jointdee.info/246-2/เส้นเอ็นข้อไหล่ฉีก/
https://www.bumrungrad.com/th/orthopedic-surgery-care-center-bangkok-thailand/conditions/shoulder-rotator-cuff-surgery
