disable right click

วันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

แนวทางการใช้ยาลดน้ำมูกในเด็ก




         อาการจาม น้ำมูกไหล และ คัดจมูก หรือที่เรียกว่า หวัด สามารถพบได้บ่อยในเด็กอันเกิดมาจาก 2 สาเหตุใหญ่ นั่นคือ กลุ่มโรคไข้หวัด และกลุ่มโรคภูมิแพ้ในโพรงจมูก

1. กลุ่มโรคไข้หวัด ส่วนใหญ่มีสาเหตุเกิดจากการติดเชื้อไวรัส  เด็กมักมีอาการตัวร้อน เป็นไข้ ปวดหัว ร่วมกับมีอาการหวัด ก็คือ น้ำมูกไหล จาม และ คัดจมูก  แพทย์จะทำการรักษาตามอาการพร้อมไปกับการรักษาร่างกายให้แข็งแรง ไม่ต้องใช้ยาปฏิชีวนะรักษา เพราะไม่ได้ผลต่อเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคหวัด

2. กลุ่มโรคภูมิแพ้ในโพรงจมูก  เกิดจากความผิดปกติ ของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่มีการตอบสนองสารก่อภูมิแพ้มากกว่าปกติ จึงทำให้มีอาการน้ำมูกไหล คัดจมูก คันจมูกรวมทั้งจาม ไม่มีอาการไข้ ตัวร้อน ปวดหัว ซึ่งเป็นอาการของการติดเชื้อ ในเด็กโต ถ้าหากมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล และจาม เพียงเล็ก น้อย  อาจทำให้เกิดความรำคาญเท่านั้น แต่สำหรับในเด็กเล็ก หากมีอาการน้ำมูกไหล คัดจมูก และจาม จะสาเหตุหลักที่ทำให้เด็กหายใจไม่สะดวก ร้องไห้ โยเย กวน นอนไม่หลับ และทำให้ดื่มนมได้ลดน้อยลง

           การรักษาอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล และจาม แพทย์จะมีแนวทางรักษา 2 แบบ คือ แบบที่ไม่ต้องใช้ยา และแบบที่ต้องใช้ยา ในที่นี้ขอกล่าวเฉพาะแบบที่ต้องใช้ยา ซึ่งยาที่ใช้ในการรักษาอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล และจาม มี 2 กลุ่มใหญ่ คือ 

1. ยาแก้แพ้ หรือ ยาต้านฮิสตามีน (antihistamines)

กลุ่มกลุ่มนี้เป็นยาที่มีการใช้กันมานานแล้ว  ทำให้น้ำมูกแห้งแก้คันจมูก คันตา  ลมพิษ รวมทั้งอาการแพ้ทางผิวหนัง ตัวยารุ่นเก่า อย่างเช่น คลอร์เฟนิรามีน (chlorpheniramine) เป็นยาที่รักษาอาการเหล่านี้ได้ผลดี แต่ทำให้ง่วงนอน ไม่เหมาะสำหรับการใช้ในเวลาทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ทำงานกับเครื่องจักรหรือขับขี่รถ เพราะอาจจะทำให้เกิดอันตรายได้ แต่เหมาะกับผู้ป่วยตอนก่อนนอน ที่ต้องการให้ง่วงนอน ยามีระยะเวลาการออกฤทธิ์ที่สั้นทำให้ต้องใช้วันละ 3-4 ครั้ง แต่ผลข้างเคียง คือ ทำให้ปากแห้ง คอแห้ง เสมหะเหนียวข้นมากขึ้นด้วย
ต่อมามีการพัฒนายาต้านฮิสตามีนรุ่นใหม่ที่ไม่ทำให้ง่วงนอน รวม ทั้งยังออกฤทธิ์ได้นานกว่า ทำให้ใช้ยาเพียงวันละ 1-2 ครั้งเท่านั้น ทำให้ผู้ป่วยมีความสะดวกสบาย ในการใช้ยา และไม่ส่งผลกระทบกับการทำงาน ซึ่งมีการใช้ยากลุ่มนี้กันอย่างแพร่หลายในกลุ่มโรคไข้หวัด และกลุ่มโรคภูมิแพ้ในโพรงจมูก เพื่อบรรเทาอาการน้ำมูกไหลในเด็ก แต่ก็ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าได้ผลดีในโรคไข้หวัดในเด็ก  แต่ก็ยังสามารถทำให้เกิดผลข้างเคียงได้อีก คือ  ง่วง ซึม และชักได้ เพราะฉะนั้นในเด็กอายุน้อยกว่า 1 ขวบ จึงไม่แนะนำให้ใช้ยากลุ่มนี้ และแนะนำให้ทำการดูแลด้วยการกำจัดน้ำมูกออกพร้อมกับใช้วิธีอื่นทำให้โล่งจมูก แทนจะปลอดภัยกว่า  

ขอบคุณข้อมูลจาก www.doctor.or.th/article/detail/3044


สมัครแจ้งบทความใหม่ผ่านทาาง Line 
เพิ่มเพื่อน