อาการ “โรคข้อและข้อสันหลังอักเสบ” มีสาเหตุมาจากอะไร
ในปัจจุบันนี้
ทางการแพทย์จะยังไม่ทราบสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการของโรคข้อและข้อสันหลังอักเสบได้อย่างแน่ชัด
แต่จากการศึกษาสามารถทราบได้คร่าว ๆ
ว่าโรคกลุ่มนี้จะเกิดมาจากปัจจัยประการหนึ่งที่สำคัญก็คือ ผู้ที่มีอาการของโรคข้อและข้อสันหลังอักเสบนี้
จะเกิดมาจากการถ่ายทอดพันธุกรรมจึงทำให้เกิดอาการของโรคกลุ่มนี้ได้ อย่างเช่น
มีพันธุกรรมชนิดที่เรียกว่า “HLA-B27” เป็นการถ่ายทอดมาแต่พ่อ แม่ หรือปู่ ย่า ตา
และยายของผู้ป่วย ซึ่งอาจไม่จำเป็นต้องป่วยเป็นโรคนี้เสมอ แต่ต้องมีปัจจัยภายนอกอื่น
ๆ มาเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการของโรคนี้
ปัจจัยที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการของโรคกลุ่มนี้ยังไม่ทราบได้อย่างแน่ชัด
แต่อาจจะมาจากการติดเชื้อโรคบางชนิด อย่างเช่น การติดเชื้อลำไส้อักเสบจากเชื้อแบคทีเรียบางชนิด
ทำให้เกิดอาการท้องเดินท้องเสีย และมีการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
รวมถึงการติดเชื้อหลอดลมอักเสบ แต่การติดเชื้อเหล่านี้ไม่ใช้แบบเป็นเรื้อรัง
เมื่อได้รับการรักษาก็จะสามารถหายได้
หากแต่การติดเชื้อนั้นจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันมีการเปลี่ยนแปลง คล้ายกับจะมองว่า
ข้อหรือเส้นเอ็นเป็นสิ่งแปลกปลอม
ทำให้เกิดอาการอักเสบเรื้อรังบริเวณข้อและเส้นเอ็นจนเกิดเป็นโรคกลุ่มนี้ขึ้นมา
อาการของกลุ่มโรคนี้มักจะแสดงออกในช่วงวัยรุ่น หรือวัยทำงานนั้น ก็เพราะว่าในช่วงนี้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมีความแข็งแรงที่สุด
ดังนั้นอาการอักเสบจากระบบภูมิคุ้มกันก็จะมีความรุนแรงที่สุดเช่นเดียวกัน
การรักษาอาการของโรคข้อและข้อสันหลังอักเสบ ทำได้อย่างไร
เนื่องจากผู้ที่มีอาการของโรคนี้
จะมีลักษณะอาการปวดบวมบริเวณข้อและเส้นเอ็นต่าง ๆ อาการปวดนี้ในบางรายจะไม่รุนแรง
แต่ในบางรายจะมีความรุนแรงมาก
และมีอาการปวดอย่างเรื้อรังทำให้ได้รับความทุกข์ทรมานอย่างมาก
ดังนั้นการรักษาที่สำคัญประการแรกก็คือ จะต้องได้รับยาต้านการอักเสบ
ซึ่งส่วนมากคือยาในกลุ่มยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ที่มีประสิทธิภาพสูง
อย่างเช่น ยา Indomethacin
และควรที่จะได้รับยาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ๆ
เนื่องจากผู้ที่มีอาการของโรคกลุ่มนี้จะมีอายุน้อย
ดังนั้นผลข้างเคียงของยาในกลุ่มนี้ก็จะไม่มากนัก แต่ควรจะใช้อย่างระมัดระวัง
โรคกลุ่มนี้เกิดมาจากการเปลี่ยนแปลงของภูมิคุ้มกัน
ดังนั้นจึงต้องมีการปรับเปลี่ยนภูมิคุ้มกัน หรือมีการปรับเปลี่ยนตัวโรค อย่างเช่น
ยาซัลฟาซาลาซีน (Sulfasalazine) หรือยาเมโธรเทรกเซต (Methotrexate) ควรที่จะใช้อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ๆ ในปัจจุบันเนื่องจากผู้ที่มีอาการบางรายมีการตอบสนองต่อยาปรับเปลี่ยนตัวโรคที่ไม่ดีนัก
โดยเฉพาะกับผู้ที่มีอาการของโรคข้อกระดูกสันหลังอักเสบ
จึงต้องนำยาในกลุ่มของชีวภาพ (Biologic Agent)
มาใช้ในการรักษาอาการของโรคข้อกระดูกสันหลังอักเสบ (Ankylosing
Spondylitis) และโรคข้ออักเสบสะเก็ดเงิน อย่างเช่น ยากลุ่มต้านสาร Tumor Necrotic
Factor-TNF (Anti-TNF)
สามารถออกฤทธิ์ต่อต้านสารจากระบบภูมิคุ้มกันที่ทำให้เกิดอาการอักเสบโดยตรงได้
ในยากลุ่มนี้แม้จะมีประสิทธิภาพสูงมาก และออกฤทธิ์เร็วก็ตาม
แต่เนื่องจากมีราคาแพงมาก ทำให้มีการนำมาใช้ในบ้านเราน้อย
และไม่มีอย่างแพร่หลายนัก
วิธีการรักษาอาการของโรคข้อและข้อสันหลังอักเสบนี้
อีกประการหนึ่งที่สำคัญอย่างมาก ก็คือ การทำกายภาพบำบัด โดยการออกกำลังกาย
อย่างเช่น การว่ายน้ำ
และการบริหารกล้ามเนื้อเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อหลัง
และข้อกระดูกสันหลัง เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดอาการของข้อติดยึด และเกิดพิการ
การทำกายภาพบำบัดนี้ ควรทำอย่างสม่ำเสมอ
และทำควบคู่กับการรักษาด้วยยาไปตลอดการรักษา
จะสามารถช่วยให้อาการของโรคดังกล่าวดีขึ้น
และอาจใช้ยาน้อยลงหรือสามารถหยุดการใช้ยาได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้
ผู้ที่มีอาการของโรคกลุ่มนี้ เกิดมีความพิการเกิดขึ้น
อาจจะมีความจำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัด อย่างเช่น การผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพก
หรือการผ่าตัดแก้ไขความพิการของกระดูกสันหลังที่จำเป็น
ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.bangkokhospital.com/index.php/th/diseases-treatment/geriatric_rehab_06
ปวดหลัง
สมัครแจ้งบทความใหม่ผ่านทาาง Line
