disable right click

วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

มารู้วิธีการใช้ยาสามัญประจำบ้านให้ถูกต้อง




มารู้วิธีการใช้ยาสามัญประจำบ้านให้ถูกต้อง

การใช้ยาสามัญประจำบ้านให้ถูกต้องนั้น ผู้ที่จะใช้ยาควรมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการใช้เพื่อให้ได้ผลในการรักษาเต็มที่และเกิดข้อเสียจากการใช้ยาให้น้อยที่สุด โดยมีหลักว่า จะต้องใช้ยาให้ถูกกับโรค ถูกกับบุคคล เช่นวัยเด็ก วัยผู้ใหญ่ หญิงตั้งครรภ์  และใช้ยาให้ถูกเวลา ถูกวิธี ถูกขนาด ดังนี้

1.       ใช้ยาให้ถูกโรค ถูกขนาน  ก่อนใช้ยาบำบัด หรือเพื่อบรรเทาอาการที่เป็น ควรศึกษาก่อนว่า อาการนั้นเกิดจากสาเหตุใด และควรใช้ยาขนานใดให้ตรงกับการแก้ปัญหาหรือสาเหตุนั้น เช่น ปวดท้อง  ให้สังเกตว่าเป็นท้องผูก หรือท้องเสีย หรืออาหารไม่ย่อย การใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการปวดท้องจากสาเหตุต่างๆ จะมีตัวยาไม่เหมือนกัน

2.       ใช้ยาให้ถูกกับบุคคล ร่างกายจะตอบสนองต่อยาในแต่ละบุคคลจะต่างกัน โดยเฉพาะต่างเพศหรือต่างวัย เด็กและคนชราจะตอบสนองต่อยาไวกว่าวัยกลางคน  บางชนิดใช้กับสตรี บางชนิดสตรีตั้งครรภ์และเด็กห้ามใช้ เช่น เตตราชัยคลีน เป็นต้น ดังนั้นไม่ควรนำยาของบุคคลหนึ่งมาใช้กับอีกบุคคลหนึ่งที่ต่างเพศต่างวัยกัน ควรรับประทานตามแพทย์แนะนำ

3.       ใช้ให้ถูกขนาด ให้ตรงกับขนาดที่ระบุเท่านั้น สำหรับการใช้ยาต้านจุลชีพ ไม่ว่าจะเป็นยาภายในหรือยาภายนอก จะต้องใช้อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอจนกว่ายานั้นจะหมด ถ้าลืมรับประทานยา เมื่อนึกได้ให้รีบทานยาทันทีโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยา สำหรับยาน้ำ ควรใช้ช้อนตวงที่ให้มากับยาเท่านั้น

4.       ใช้ยาให้ถูกเวลา  ช่วงห่างของเวลา ควรมีระยะเท่าๆกัน ในแต่ละครั้ง อย่างเช่น ใช้ยาทุก 4 ชั่วโมง เพื่อให้ระดับยาในเลือดไม่ต่ำเกินไปคงที่ และ มีการกำหนดว่าเป็นยาก่อน หรือหลังอาหารด้วย

-  ยาก่อนอาหารต้องรับประทานยานั้นก่อนอาหาร 30 นาที  1 ชั่วโมง เพราะตอนท้องว่างจะช่วยในการดูดซึมยาผ่านผนังกระเพาะอาหารเข้าสู่เส้นเลือดได้ดี นอกจากนี้ยางบางประเภท เช่นยาปฏิชีวนะจะถูกทำลายได้ง่ายโดยน้ำย่อยอาหารที่หลั่งออกมาโดยอัตโนมัติ เมื่อเริ่มรับประทานอาหารเป็นต้น
-  ยาหลังอาหาร จะรับประทานยานั้นภายหลังการรับประทานอาหารไปแล้วทันที หรือ ผ่านไป 15 นาทีก็ได้  แต่ถ้ามีการระบุว่ารับประทานทันที ก็ต้องรับประทานทันที เพราะยานั้นมีฤทธิ์กันกร่อนหนังกระเพาะ ซึ่งจำเป็นต้องใช้อาหารเป็นเกราะกำบังไว้มิให้ยาสัมผัสผนังโดยตรง
-   ยาหลังอาหาร 1-2 ชั่วโมง  เช่นยาเคลือบผนังกระเพาะอาหารหรือยาลดกรด เพื่อรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ควรรับประทานหลังอาหารไปแล้วประมาณ 1-2 ชั่วโมง หรือก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง เพื่อให้ยาทำตามหน้าที่ได้อย่างเต็มที่โดยไม่ให้มีอาหารเป็นเครื่องกีดขวาง
-   ยาระบายแก้ท้องผูก ยานั้นจะต้องออกฤทธิ์หลังจากรับประทานเข้าไปแล้วประมาณ 6-8 ชั่วโมง ดังนั้นหากต้องการให้เกิดการถ่ายในตอนเช้า จะต้องรับประทานยาก่อนนอน
-   การรับประทานยาแก้อาเจียน แก้ปวดท้อง ให้รับประทานก่อนอาหารประมาณ 20-30 นาที เพื่อมิให้เกิดอาการ เมื่อเริ่มทานอาหารเข้าไป

-   ยาขับปัสสาวะ มักใช้กับผู้ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง เพื่อลดปริมาณน้ำในร่างกาย จะมีผลให้ความดันโลหิตลดลง นิยมทานยาในมื้อเช้าหรือกลางวันเท่านั้น เนื่องจากทานในมื้อเย็นจะทำให้คนไข้ต้องลุกมากลางดึกเพื่อปัสสาวะ
จากหนังสือ คู่มือการตรวจโรคด้วยตนเองเบื้องต้น 



บทความ
สมัครแจ้งบทความใหม่ผ่านทาาง Line 
เพิ่มเพื่อน