disable right click

วันพุธที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2558

รู้ไหมว่าใบหน้าเราก็เป็นอัมพาตได้




รู้ไหมว่าใบหน้าเราก็เป็นอัมพาตได้
           ใบหน้าของเราแม้ว่าจะไม่ใช่ส่วนที่ขยับไปมาได้เหมือนแขนขาหรือส่วนอื่น ๆ ของเรากายแต่มันก็เป็นอัมพาตได้เหมือนกันนะ  และมันสามารถเป็นได้กับทุกคนไม่เลือกเพศ ไม่เลือกวัย วันนี้เรามาดูกันว่าทำไมหน้าของเราถึงเป็นอัมพาตได้แล้วจะมีอาการเป็นอย่างไร พร้อมทั้งวิธีการป้องกันและรักษา

สาเหตุที่ทำให้ใบหน้าเป็นอัมพาต
 หากจะถามหาสาเหตุที่แน่นอนก็คงยังไม่ทราบแน่ชัดแต่ว่ากันว่าอาการอัมพาตใบหน้านั้นมักจะเกิดมากจากการที่เรามีการติดเชื้อไวรัสบางชนิด หรือกับคนที่เป็นโรคเริม ตรงเส้นประสาทใบหน้าทำให้ใบหน้านั้นไม่สามารถที่จะควบคุมกล้ามเนื้อบางส่วนของใบหน้าได้ แต่ก็เป็นชั่วคราวเท่านั้น บางครั้งอาจจะเป็นอัมพาตตรงใบหน้าแค่ครึ่งเดียว ปากเบี้ยว หลับตาได้ไม่สนิท และอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นกับใบหน้าแต่ว่ามันก็ไม่ใช่โรคอัมพาตครึ่งซีกมันคนละอาการกัน สำหรับโรคนี้จะเป็นแค่ใบหน้าเท่านั้น

อาการของผู้ที่เป็นอัมพาตใบหน้า 
      สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นอัมพาตทางใบหน้านั้นมักจะมีอาการแปลก ๆ เกิดขึ้นและมักจะเกิดในตอนเช้าด้วย เส้นประสาทเส้นที่ 7 ของใบหน้านั้นควบคุมไม่ได้ และอาการที่เรามักพบกับผู้ป่วยโรคนี้ก็คือ
ปากบิดเบี๊ยวเวลาที่ตื่นขึ้นมาตอนเช้า
กลืนน้ำลายแล้วน้ำลายหกลงจากปากด้านที่เป็นอัมพาต
ลิ้นชาไม่สามารถรับความรู้สึกได้
หลับตาได้ไม่สนิทหรือหลับสนิทได้แค่ข้างเดียว
หูอื้อ
น้ำตาไหลเอง
ฯลฯ
          บางคนก็อาจจะมีอาการอย่างอื่นมากกว่านี้ สำหรับผู้ที่เป็นอัมพาตใบหน้า อาจจะเป็นทั้งหน้าหรือเป็นแค่ครึ่งเดียว  ต่อไปมาหาวิธีการรักษากันดีกว่า

วิธีการรักษาอาการอัมพาตใบหน้า
รักษาโดยการใช้ยา  สำหรับคนที่พึ่งรู้ตัวว่าเป็นอัมพาตครึ่งหน้าหรือทั้งหน้าใหม่ ๆ ควรไปพบแพทย์และหายามารับประทานเพื่อทำการรักษา อาจจะหายได้หากพึ่งเป็น แต่ถ้าปล่อยเอาไว้นานมากกว่า 1 สัปดาห์ยาอาจจะเอาไม่อยู่แล้วคงต้องหาวิธีอื่นรักษาเพิ่มเติมอีก

ทำกายภาพบำบัด  วิธีนี้ก็จะต้องได้รับการแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเหมือนกัน เพราะการเป็นอัมพาตใบหน้าวิธีการรักษาจะไม่เหมือนกับการทำกายภาพในส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย บางครั้งก็อาจจะต้องใช้พลังไฟฟ้าเข้ามาช่วยกระตุ้นเพื่อปลุกใบหน้ากลับคืนมา

รักษาโดยการผ่าตัด  เป็นวิธีการสุดท้ายแล้วสำหรับผู้ที่เป็นอัมพาตใบหน้าแบบหนักมาก และไม่สามารถรักษาในแบบอื่นได้แล้วแพทย์จะทำการวินิจฉัยเองว่าจะต้องผ่าตัดหรือไม่
สำหรับใครที่กำลังเป็นอยู่มันไม่ใช่เรื่องหน้าอายเลย ถ้าหากต้องการจะหายดีกลับมาเป็นปกติได้โดยเร็วจะต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อจะได้หาทางรักษาต่อไป หากปล่อยเอาไว้นาน ๆ การรักษาก็จะยิ่งยากขึ้น และทำให้หายช้าลงอีกด้วย

ที่มา http://www.pt.mahidol.ac.th/knowledge/?p=131

อัมพาต

สมัครแจ้งบทความใหม่ผ่านทาาง Line 
เพิ่มเพื่อน