ปวดหลังแบบปวดร้าวลงถึงขา
การปวดหลังเกิดขึ้นได้กับทุกคนแต่จะปวดมากปวดน้อยก็ต่างกันไป บางครั้งปวดแบบเป็นๆ หายๆ มาเป็นเวลานาน จนบางครั้งก็มีอาการปวดร้าวยาวลงมาถึงขาด้วย และเมื่อมาพบแพทย์
แพทย์อาจวินิจฉัยว่าเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท หากมีอาการปวดมาก
อาจจะต้องแนะนำให้ผ่าตัดบริเวณกระเบนเหน็บ ทำให้ผู้ป่วยมีความเครียด
เกิดความสงสัยว่าอาการปวดที่ขา เกี่ยวอะไรกับกระดูกสันหลังด้วย ดังนั้นเรามาทำความเข้าใจลักษณะทางกายภาพของหมอนรองกระดูกสันหลังกัน
เพราะอะไรทำไมถึงปวดหลังลามไปถึงขาได้
บริเวณกระเบนเหน็บเหนือกระดูกก้นกบ
จะมีกระดูกสันหลังหลายปล้อง ซึ่งเป็นกระดูกสันหลัง โดยแต่ละปล้องนั้นก็เชื่อมติดต่อกันด้วย
หมอนรองกระดูกสันหลัง ประกอบด้วยเปลือกนอก เรียกว่า Annulus
fibrosus และ
ส่วนเนื้อด้านใน เรียกว่า Nucleus puiposus
โดยทำหน้าที่ในการรองรับน้ำหนักตัว และ น้ำหนักที่เราอุ้ม ยก หิ้ว
แบกสิ่งของต่างๆ เมื่อเรามี การเดิน วิ่ง กระโดด และการทำกิจกรรมทุกๆอย่าง แรงกระแทกจะลงมาที่กระดูกสันหลังส่วนเอว
กระดูกสันหลังส่วนนี้ทำหน้าที่รับแรงกระแทกทุกอย่างจึงทำให้เกิดการบิดตัวที่แรงมากได้ในบางครั้งจำให้หมอนรองกระดูกนั้นเคลื่อนหรือเปลือกของหมอนรองกระดูกหลุดออกไปทับเส้นประสาท
จึงทำให้ปวดหลังและยาวไปถึงขาได้เลย ถ้ากระดูกส่วนนี้รับแรงกระแทกหนัก ๆ
บ่อยครั้งจะทำให้ฉีกขาดได้
วิธีการรักษาอาการปวดหลังจากการเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทเอว
การเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทเอวนั้นมันมีวิธีการรักษาที่หลากหลายขึ้นอยู่กับแต่ละอาการของแต่ละคน
ถ้าหากเป็นการปวดหลังไม่มากนักก็แค่ทานยาเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดจากนั้นก็ทำกายภาพบำบัดอย่างสม่ำเสมอ เพียงไม่นาน อาการหมอนรองกระดูกทับเส้นเอวก็จะหายดี
หากเป็นหนักมากถึงขั้นไม่สามารถที่จะขยับตัวได้เลยหรือปวดหลังมากเป็นอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทเอวที่รุนแรงมาก
ขั้นนี้ยาและกายภาพบำบัดไม่อาจจะเอาอยู่
ส่วนใหญ่จะต้องผ่าตัดเพื่อเอาหมอนรองกระดูกนั้นออกไปหรือตัดส่วนที่ไปทับเส้นประสาทนั้นออกแล้วจากนั้นค่อยพักฟื้นและทำกายภาพบำบัดเป็นขั้นตอนต่อไป
การผ่าตัดอาจจะไม่ใช่ทางออกที่ดีนักแต่บางทีมันก็เป็นทางออกสุดท้ายที่คนเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทจะเลือกสำหรับการรักษา
ถ้าวันนี้สภาพหลังของคุณยังคงเป็นปกติอยู่ก็ควรจะใช้งานร่างกายให้พอดีอย่ายกของหนักเกินไป
พยายามอย่านั่งยืน หลังค่อม เพราะจะทำให้ปวดหลังได้เหมือนกัน
การดูแลตัวเองเป็นเรื่องสำคัญเพราะว่าคงไม่มีใครรักตัวเรามากเท่าที่ตัวเรารักตัวเองแล้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=751