disable right click

วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2559

การตรวจเอ็นหุ้มข้อไหล่ฉีกขาด



เอ็นหุ้มข้อไหล่ฉีกขาด
         ข้อต่อในแต่ละส่วนของร่างกายเรานั้น มีความสำคัญอย่างมาก ข้อต่อมีหน้าที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวและการขยับเขยื้อนของร่างกาย ซึ่งข้อต่อในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายจะต้องมีความคงที่ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การที่ข้อต่อในบางส่วนของร่างกายเกิดการเคลื่อนไหวที่มากเกินไป มีผลทำให้การอยู่คงที่สามารถทำได้น้อยลง อย่างเช่น “ข้อหัวไหล่” จะสามารถพบการหลุดของข้อต่อได้มากที่สุด เนื่องจากข้อหัวไหล่มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลาทำให้เกิดความเสื่อมของกระดูก ส่งผลให้กล้ามเนื้อรอบ ๆ ข้อต่อ เกิดการฉีกขาดได้ง่ายกว่าปกติ ผู้ที่มีอาการของเอ็นข้อไหล่ฉีกขาดนั้น แพทย์จะทำการวินิจฉัยและรักษา เพื่อช่วยในการบรรเทาความเจ็บปวดและทำให้ผู้ที่มีอาการเอ็นข้อไหล่ฉีก สามารถให้งานหัวไหล่ได้อย่างปกติได้

การฉีกขาดของเส้นเอ็นหุ้มข้อไหล่ สามารถซ่อมได้หรือไม่
          อาการที่เกิดขึ้นกับข้อต่อที่อยู่ในร่างกาย และสามารถพบอาการได้บ่อยที่สุดกับกล้ามเนื้อส่วนนี้ก็คือ “การฉีกขาดของเส้นเอ็นหุ้มข้อไหล่” ซึ่งอาการเหล่านี้ ในอดีตยังไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่ แต่ในปัจจุบัน แพทย์ได้จัดว่าเป็นปัญหาที่ใหญ่หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง เนื่องจากอาการเหล่านี้จะมีความเจ็บปวดจนไม่สามารถขยับแขน และส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางพยาธิวิทยาของหัวไหล่ได้ อาการฉีกขาดของเส้นเอ็นหุ้มข้อไหล่ จะก่อให้เกิดความเจ็บปวดบริเวณส่วนล่างของกล้ามเนื้อด้านนอกข้อ (Deltoid Region) อาการเจ็บปวดเหล่านี้จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในเวลากลางคืน แต่ในช่วงแรก ๆ นั้นหัวไหล่สามารถทำงานได้อย่างปกติ หากมีการฉีกขาดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จะส่งผลให้การขยับแขนทำได้น้อยลง และหัวไหล่จะมีอาการอ่อนแรงได้

การฉีกขาดของ “Rotator Cuff” จะสามารถตรวจพบได้อย่างไร
         ทางแพทย์ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ จะทำการตรวจวินิจฉัยอาการของโรค โดยการทำ MRI ซึ่งเป็นวิธีที่ได้ประโยชน์อย่างมาก สามารถช่วยประเมินระดับการฉีกขาดและสามารถวางแผนในการรักษาได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ ในการรักษาแบบเดิมนั้น จะใช้ได้ผลก็ต่อเมื่อการฉีกขาดมีขนาดเล็ก และผู้ที่เกิดการฉีกขาดของเอ็นหุ้มไหล่แสดงอาการไม่มากนัก แต่แพทย์จำเป็นจะต้องติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง เพราะว่าการฉีกขาดของเส้นเอ็นหุ้มข้อไหล่ จะไม่สามารถที่จะสมานเองได้ กรณีที่มีรอยฉีกขาดมีขนาดใหญ่ จะทำให้มีอาการเจ็บปวดอย่างมาก และไม่สามารถขยับแขนได้ ทางแพทย์จะมีการพิจารณาการรักษาโดยการผ่าตัดส่องกล้อง หรือ Arthroscopic Repair ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ในปัจจุบันนี้
ในร่างกายของเรา บริเวณที่มีความเสี่ยงต่อการหลุดเนื่องจากมีการเคลื่อนไหวมากที่สุด ก็คือ บริเวณข้อไหล่ และข้อต่อส่วนต่างๆ ที่มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา ข้อต่อส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมีมากมายก็เพื่อทำให้ร่างกายของเราสามารถเคลื่อนไหวได้ และยังสามารถช่วยในการอยู่คงที่ได้เช่นกัน เพื่อต้านแรงส่งผ่านที่เข้ามายังข้อต่อนั้น ๆ หากมีการเคลื่อนไหวของข้อต่อมาก ๆ จะทำให้การอยู่คงที่ของข้อต่อลดน้อยลง ดังนั้น “ข้อไหล่” จึงมีปัญหาเกี่ยวกับการฉีกขาดของเอ็นหุ้มข้อต่อได้มากกว่าข้อต่อบริเวณอื่น ๆ ที่อยู่ในร่างกาย  
          หากมีอาการปวดไหล่ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจว่าเกิดจากเอ็นหัวไหล่ฉีกขาดหรือเปล่าเพื่อการรักษาที่ถูกวิธี และใช้หัวไหล่ได้นานๆ

อ้างอิงข้อมูลจาก : โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ https://www.bumrungrad.com/healthspot/november-2014/rotator-cuff-tear
ปวดไหล่

สมัครแจ้งบทความใหม่ผ่านทาาง Line 
เพิ่มเพื่อน

วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2559

โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทคอคืออะไร



โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทคอคืออะไร
              การปวดคอมีหลายอย่างและมักจะปวดเชื่อมกันกับส่วนอื่นในร่างกายด้วย และการปวดคอที่น่ากลัวก็คือการเกิดเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทคอ คงไม่มีใครอยากจะเป็นแน่ ๆ มันไม่ใช่ความสนุกเลยกับการเจ็บปวด วันนี้เรามาทำความรู้จักกับโรคนี้กันว่าจะมีอาการอย่างไรบ้าง สำหรับคนที่ไม่เคยเป็นได้เรียนรู้เอาไว้หากเกิดอะไรขึ้นจะได้หาวิธีรักษาได้ทัน

ลักษณะอาการเมื่อหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทคอ
  -  เริ่มจะมีอาการปวดคอและปวดแรงขึ้นไปเรื่อย ๆ การทายาบรรเทาอาการก็ไม่หาย
  -   ปวดคอแล้วลามมาถึงสะบัก ไหล่ ปวดร้าวไปเลย
  -   ปวดลามกันมาถึงแขนและมือ นิ้ว และมีอาการชาทั้งหมด
  -   หมดเรี่ยวแรงในการยกไหล่ ยกนิ้ว จะมีอาการชาไปทุกส่วน
  -   จะนั่ง จะนอน ทุกอิริยบถจะกระทบเข้าไปถึงกระดูกและเส้นประสาทคอ
  -    ถ้าอาการหนักมาก ๆ จะไม่ได้ปวดแค่ส่วนบนมันอาจจะลามลงมาถึงส่วนขาได้

  เป็นลักษณะอาการที่ค่อนข้างจะทรมานเหมือนกัน ที่จริงถ้าหากใคร เริ่มมีอาการเหล่านี้ต้องรีบหาวิธีการบำบัดรักษา ก่อนที่จะเจ็บปวดบานปราย แต่การที่จะเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทมันมีสาเหตุอยู่  มาดูกันว่าเพราะอะไรบ้าง

สาเหตุที่ทำให้เกิดหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทคอ

   -  เป็นคนที่ชอบการนั่งนาน ๆ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งที่ไหนก็ตามคอมันได้ใช้งานอยู่ตลอด ไปทำอย่างอื่นบ้างเพื่อเป็นการเปลีย่นอิริยบถ
    -  เป็นคนที่ชอบหันคอด้วยความเร็ว ทำให้เกิดพลิกล็อคและทำให้เกิดอาการปวดคอได้ และกระดูกจะเคลื่อนที่ผิดทำให้เกิดการเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทคอได้ เส้นประสาทคือ ส่วนสำคัญที่ให้เรารู้สึกต่าง ๆ หากเส้นประสาทโดนทับก็ทำให้ปวดมากจนทำอะไรไม่ได้เลย
    - อุบัติเหตุ แม้ข้อนี้เราจะไม่อยากให้มันเกิดแต่บางครั้งมันก็เลี่ยงไม่ได้ ยิ่งถ้าหากมันปวดคอและไม่มีแรงเลยนั้นก็ต้องรักษาบำบัดอย่างด่วน


       การดูแลตัวเองเป็นเรื่องที่สำคัญ การหักโหมทำอะไรจนเกินไปมักจะส่งผลเสียให้กับร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนก็ตามเราต้องดูแลให้ดี สำหรับคนที่ไม่อยากจะเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทคอ ก็ต้องใช้งานร่างกาย ต้น คอ และส่วนอื่น ๆ ให้ถูกวิธี พยายามอย่า ก้ม เงย เร็วเกินไปและอย่าก้มเป็นเวลานาน เมื่อทำงานเป็นเวลานานแล้วให้เปลี่ยนไปทำอย่างอื่นเพื่อจะได้เป็นการยืดเส้นยืดสาย หรือเลือกหาเวลาในการออกกำลังกายด้วยก็จะยิ่งดี เราเป็นกำลังใจให้และอยากจะให้ทุกคนมีสุขภาพดีไม่เจ็บไม่ป่วย วันนี้มาดูแลตัวเองกันเถอะ 

วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2559

อาการปวดคอสามารถเกิดขึ้นกับใครได้บ้าง




อาการปวดคอสามารถเกิดขึ้นกับใครได้บ้าง
          ปวดคอปกติแล้วมันก็เป็นกันได้ทุกคนถ้าหากว่ามีการใช้งานคอและกระดูกส่วนคอหนักเกินไป ไม่ใช่จะเกิดขึ้นกับเฉพาะบางช่วงวัยเท่านั้น เพราะว่าทุกคนก็มีทุกส่วนที่เหมือนกัน แต่ทว่าปัจจุบันนี้โลกพัฒนาไปเร็วพฤติกรรมมนุษย์ก็เปลี่ยนไปตามโดยเฉพาะในเรื่องของการใช้เทคโนโลยีและการดูแลตัวเอง มาดูกันว่าผลกระทบของการพัฒนาแบบนี้ส่งผลทำให้ปวดคอได้อย่างไร

สาเหตุที่ทำให้ปวดคอที่เราคาดไม่ถึง
·    -  เล่นสมาร์ทโฟน แชท ๆ อยู่เป็นวัน ๆ เล่นอินเตอร์เน็ตผ่านมือถือตลอดเวลา ก้มหน้ามองจอจนลืมโลกภายนอก จนบางครั้งคอมันก็ลืมแล้วว่ากระดูกมันยืดตรงได้ พอก้มนาน ๆ แบบนั้นก็ทำให้เมื่อยคอ เมื่อจะเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องค่อย ๆ ทำเร็วไปมีหวังหันกลับไม่ได้นับว่าอันตรายทีเดียว

·      - นั่งทำงาน เป็นการนั่งทำงานบนโต๊ะคอมพิวเตอร์หรือการนั่งเขียน นั่งวาดอะไรก็ตามที่จะต้องก้มคอ และหลัง ถ้าเป็นไปได้ก็ควรมีเวลาในการพัก ทำให้กระดูกได้เคลื่อนไปทางอื่นบ้าง พักผ่อนสายตา พักต้นคอ พักนิ้ว ทุกอย่างจะได้พักพร้อมกัน 

·     - นอนคอตกหมอน การนอนก็ทำให้ปวดคอได้โดยเฉพาะการนอนคอตกหมอนแล้วไม่พลิกกลับมา คอตกหมอนนาน ๆ จะเกิดอาการเกร็งและชาไปทั้งต้นคอ ตื่นขึ้นมาก็ต้องอวดโอยถามหายานวดไปตาม ๆ กัน เวลานอนหากเป็นไปได้ควรนอนให้ถูกท่า เลือกหมอนที่นอนแล้วนุ่มพอดีกับคอรองรับศีรษะได้เหมาะ และพลิกเปลี่ยนท่านอนบ้าง

·    -  หันคอเร็วและแรง การหมุนคอเร็ว ๆ ไม่ว่าจะเกิดจากการตั้งใจหรือไม่ก็ตามทำให้กระดูกคอนั้นเสี่ยงพลิกได้และกล้ามเนื้อนั้นทำงานตามคำสั่งไม่ทันทำให้เกิดอาหารปวดคอ ขึ้นมา  พยายามทำให้เป็นนิสัยสำหรับการหมุนคอแบบปกติอย่าหมุนเร็วอย่าแรงถนอมคอเอาไว้เพราะจะหมุนช้าไปก็หมุนได้เหมือนกัน


 เมื่อทราบถึงสาเหตุกันแล้วว่าอาการปวดคอนั้นเกิดจากอะไรได้บ้าง แต่มันยังมีหลายอย่างที่เป็นสาเหตุได้แต่สิ่งที่เรากล่าวถึงข้างต้นนั้นเป็นสิ่งที่เราทำกันได้บ่อย ๆ ทุกวันซึ่งเป็นสาเหตุที่ง่ายกว่าที่จะปวดคอ ใครรู้ตัวว่ากำลังโหมงานหนัก ติดการเล่นมือถือ ชอบนอนคอตกหมอน ชอบหมุนคอเร็ว ๆ ก็ต้องเตือนตัวเองให้มีสติกมากขึ้น จะได้รู้เป็นการป้องกันเอาไว้เพื่อไม่ให้ปวดคอ แต่ถ้าปวดแล้วก็ต้องหาทางรักษากันต่อไปโดยแนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อเช็คดูว่าปวดแบบที่เป็นอยู่นั้นเป็นเพราะอะไรจะต้องบำบัดรักษาแบบไหนถึงจะหายดี 

ปวดคอ
สมัครแจ้งบทความใหม่ผ่านทาาง Line เพิ่มเพื่อน

วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2559

เช็คร่างกายเราเป็นรูมาตอยด์หรือเปล่านะ





 เช็คร่างกายเราเป็นรูมาตอยด์หรือเปล่านะ 

               ตอนนี้ความรู้สึกของสภาพร่างกายมันปกติดีหรือเปล่า มีอาการอะไรแปลก ๆ มาชวนให้คิดว่าตัวเราเองป่วย รู้สึกปวดเมื่อยร่างกาย ปวดตามข้อพับในร่างกาย ข้อนิ้วมือของเราก็รู้สึกว่ามีอาการบวมแดง 
เมื่อมีอาการเจ็บปวด จะให้บอกว่าร่างกายยังปกติดีอยู่ก็เป็นเรื่องโกหกกันที่ไม่เนียนเอาเสียเลย อาการผิดปกติที่เกิดขึ้นอาจจะมาจากหลายสาเหตุ แต่อาจจะหนีไม่พ้นโรครูมาตอยด์ในขั้นที่ 1 เป็นเหมือนกับสัญญาณเตือนอาการแรกเริ่มมันกำลังจะมาแล้ว 

ลักษณะอาการของโรค รูมาตอยด์ หรือเรียกข้อต่อกระดูกอักเสบ  
1. อาการปวดตามข้อ พบว่าข้อต่อมีการอักเสบ คือ ปวด บวม แดง ร้อน พบมากบริเวณ ข้อมือ ข้อนิ้วมือ ข้อศอก ข้อเท้า ข้อนิ้วเท้า 
2. อ่อนเพลียและมีไข้แต่ไม่สูงเนื่องมาจากการอักเสบของข้อต่อ
3. รู้สึกฝืดข้อต่อของร่างกาย ขยับไม่สะดวกในช่วงเช้าตื่นนอน
4. มีปุ่มที่พบตามบริเวณที่มีการกดทับ มีขนาด 0.5 CM. ถึง 4 CM.ปุ่ม มีลักษณะทั้งนุ่มและแช็ง

สาเหตุ เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเราเอง โดยภูมิคุ้มกันจะกระตุ้นให้เกิดการทำลายเนื้อเยื่อของร่างกายเอง จึงเกิดอาการอักเสบของเนื้อเยื่อ ซึ่งในปัจจุบัน ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงว่าอะไรทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดพลาด แต่เชื่อว่าอาจจะมีผลจาก สารพันธุกรรม ฮอร์โมน การติดเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย และ สภาพแวดล้อม

การรักษา ควรทานยาตามแพทย์สั่ง  ควบคู่กับการทำกายภาพบำบัด

การทำกายภาพบำบัดเป็นวิธีที่มีความสำคัญในการช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกาย ส่งเสริมให้ข้อต่อสามารถทำงานได้เต็มที่  เป้าหมายในการทำกายภาพบำบัดก็เพื่อลดอาการปวด  ทำให้ข้อต่อเคลื่อนที่ได้เต็มช่วงการเคลื่อนไหว  ฟื้นกำลังกล้ามเนื้อ  ช่วยในให้ร่างกายเดินได้ดีขึ้น  ป้องกันข้อต่อไม่ให้ผิดรูป เช่น

1. ใช้แผ่นประคบร้อนหรือเย็น  แล้วแต่อาการ เลือกใช้ประคบเย็นเมื่อมีการอักเสบลดอาการบวม 
2. ออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อเฉพาะมัด มีวิธีการฝึกหลายแบบ ขึ้นอยู่กับภาวะของโรค 
3. การฝึกต่างๆ เช่น การฝึกทรงท่า การฝึกเคลื่อนย้ายตัว การฝึกเดิน

              โรคนี้มักจะมาจากร่างกายของเราไม่แข็งแรงภูมิคุ้มกันบางอย่างในร่างกายอ่อนแอลงและมันก็จะเป็นตัวการที่กระตุ้นให้มีการทำลายระบบและเนื้อเยื่อต่าง ๆ ที่อยู่ในร่างกายของเราเสียเอง กล้ามเนื้อเริ่มไม่แข็งแรงข้อปวดมากขึ้น  แต่อย่างไรก็ตาม ทางที่ดีควรหาแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์เข้ามาในร่างกายให้ได้มาก ๆ ใครที่ต้องการมีสุขภาพดีเรื่องอาหารการกินต้องเลือกให้ดี ออกกำลังกายบ้าง แม้จะไม่รู้วิธีการป้องกันเพราะไม่รู้สาเหตุแต่เราก็ดูแลตัวเองให้ดีที่สุดในวันนี้ก็พอแล้ว ร่างกายแข็งแรงอะไรก็เข้ามาได้ยาก 

ที่มา http://www.pt.mahidol.ac.th/knowledge/?cat=1 

ข้อเท้า

สมัครแจ้งบทความใหม่ผ่านทาาง Line 
เพิ่มเพื่อน

วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2559


ความจำเป็นในการใส่เข็มขัดรัดหลัง

             สำหรับคนที่ต้องทำงานในลักษณะยกของหนักๆ  มักใช้เข็มขัดช่วยในการพยุงหลังเพื่อป้องกันในการเกิดปัญหาปวดหลัง หรืออาการบาดเจ็บ  แต่ถ้ารัดแน่นเกินไปและใส่เป็นระยะเวลานานก็อาจส่งผลกระทบในทางเสียมากกว่า  ในหลายประเทศได้มีทำศึกษา พบว่าคนที่ใส่เข็มขัดรัดหลังไม่ได้มีปัญหาปวดหลังน้อยกว่าคนที่ไม่ได้ใส่ แต่ยังอาจทำให้มีปัญหามากกว่ากลุ่มที่ไม่ได้ใส่ ผู้ที่ใช้เข็มขัดรัดหลังเป็นประจำอ้างว่าการใส่เข็มขัดรัดหลังจะช่วยให้มีแรง ดันในช่องท้องเพิ่มขึ้น มีผลทำให้กระดูกสันหลังมีความมั่นคงมากขึ้น และทำให้กล้ามเนื้อลำตัวทำงานลดลง แต่จากการวิเคราะห์ทางชีวกลศาสตร์พบว่าการใส่เข็มขัดที่รัดแน่นเป็นเวลานาน ทำให้แรงดันในช่องท้องมากขึ้นเกิดแรงกดที่กระดูกสันหลังมากขึ้นและนำไปสู่อาการปวดหลังได้

            การใส่เข็มขัดรัดหลังมีผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด จากผลการทดลองการรัดหลังในขณะยกของ  นั่ง และ ทางานตามปกติเบาๆ ผลทำให้ความดันเลือดมีมากขึ้น  จากความดันที่ช่องท้องมากขึ้นทำให้เลือดไหลกลับเข้าหัวใจเร็วขึ้น ดังนี้สำหรับคนที่ทำงานหนักก็จะยิ่งทำให้ความดันเลือดมีมากขึ้นอีก แต่มันก็ยังไม่มีงานวิจัยไหนมาเป็นตัวยืนยันได้ชัดเจน แต่ว่าการใส่เอาไว้นาน ๆ มีผลต่อช่องท้องแน่ ๆ เพราะว่ามันรัดแน่นมากเสี่ยงต่อการเป็นไส้เลื่อนได้ง่าย ๆ หรือไม่ก็เป็นริดสีดวงทวาร หลอดเลือดขอด เป็นต้น ถ้าเราก็ยังใช้เข็มขัดโดยที่ไม่ได้มีอาการปวดหลัง

ประโยชน์ของการใส่เข็มขัดรัดหลัง

           ส่วนมากแล้วคนที่ได้รับการบาดเจ็บในช่วงหลังเหมาะที่จะสวมใส่มากกว่าคนธรรมดา เพราะว่ามันช่วยได้มากอาการบาดเจ็บลดลงและสามารถกลับเข้ามาทำงานได้อย่างปกติ แต่ว่าคนที่ไม่ได้เป็นอะไรเลยนั้นไม่ควรที่จะใส่เพราะมันอาจจะทำให้ความระมัดระวังในการทำงานนั้นลดลงเนื่องจากเชื่อว่ามีเข็มขัดรัดหลังนั้นช่วยเอาไว้อยู่ก็แต่ แต่คนที่ใช้เข็มขัดตัวนี้ก็ไม่ควรที่จะสวมอยู่ตลอดเวลา ควรที่จะถอดพักบ้างเพื่อลดผลกระทบในส่วนอื่น ๆ ของร่างกายก็เป็นได้เพราะความแน่นเวลาที่รัดนั้นมันอาจจะไม่รู้สึกอะไรมากมายแต่ผลกระทบในระยะยาวนั้นมันก็เสี่ยงที่จะเป็นได้ เหมือนกัน

          แม้ว่าเข็มขัดมันจะช่วยให้เราสามารถทำงานได้แบบไม่ปวดหลังก็ตามแต่การสวมใส่ไว้ตลอดก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย และยิ่งใครที่ไม่ได้มีอาการปวดเลยแต่ใส่นั้นไม่เหมาะอย่างยิ่ง เพราะว่าจะทำให้ระวังตัวเองน้อยลง แบบนี้อุบัติเหตุจะเกิดง่ายกว่ากันเอง ถ้าไม่ปวดก็ดีแล้วไม่ต้องเอาอะไรมาใส่มัน เพราะว่าเข็มขัดรัดหลังมันมีไว้สำหรับคนที่มีอาการปวดหลังให้บรรเทาลงเท่านั้น แต่มันไม่ได้แปลว่าจะเป็นตัวรักษาให้อาการหายขาด

         ถ้าหากคนที่ทำงานแล้วรู้สึกปวดหลังแบบนี้จึงควรที่จะหาซื้อมาใส่ อย่างน้อยก็ทำให้เราไม่ต้องทรมานกับอาการปวดหลังอีกต่อไป แต่ถ้ารู้สึกว่าปวดมาก ๆ อย่าทนฝืนใส่เข็มขัดรัดอีกเลยควรที่จะไปพบแพทย์จะดีกว่า เกิดอะไรขึ้นจะได้หาทางรักษาได้ทันการ

ที่มา http://www.pt.mahidol.ac.th/knowledge/?p=242

ปวดหลัง

สมัครแจ้งบทความใหม่ผ่านทาาง Line 
เพิ่มเพื่อน




วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2559

ออกกำลังกายมากเกินไปอันตรายต่อเข่าจริงหรือ



          การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดีทุกคนที่ออกกำลังก็หวังเพื่อจะได้ทำให้มีร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บ ไม่ป่วย แต่ในเรื่องที่ดีแบบนี้มันก็ย่อมจะมีข้อแม้แฝงอยู่บ้าง การออกกำลังกายสามารถทำได้ทุกคนแต่มันก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถออกกำลังกายได้ โดยเฉพาะกับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกและข้อต่อต่าง ๆ ในร่างกายเช่น หัวเข่า ข้อแขน ข้อมือ เป็นต้น แต่แม้จะมีข้อจำกัดในเรื่องการออกกำลังกายบางอย่างแต่มันก็มีวิธีการออกกำลังกายเพื่อคนที่มีปัญหาด้านนี้โดยเฉพาะด้วย
ออกกำลังกายเป็นอันตรายต่อหัวเข่าอย่างไร
           เป็นเพียงความเสี่ยงเท่านั้นในวันนี้คุณอาจจะยังมีสุขภาพร่างกายทุกส่วนสมบูรณ์แข็งแรงอยู่ แต่การออกกำลังกายที่เกินกำลังของตัวเองแบบนั้นถึงจะเป็นอันตราย เช่น หากเรารู้ตัวว่ายกน้ำหนักอะไรได้มากแค่ไหนถ้าจะยกน้ำหนักยกดัมเบล ก็จะต้องเริ่มที่น้ำหนักเบาที่สุดก่อนหากมาเริ่มที่น้ำหนักมาก ๆ เสี่ยงที่จะทำให้กระดึกเข่า ข้อเข่า ข้อแขนต่าง ๆ รับน้ำหนักไม่ไหวอาจจะยกขึ้นแต่ฝืนกำลังตัวเองมาก แทนที่จะออกกำลังกายแล้วได้สุขภาพที่แข็งแรงแต่กลับทำให้ได้ความเจ็บป่วยมาเพิ่มด้วย 
          หากรู้สภาวะของตัวเองว่าออกกำลังกายได้มากน้อยแค่ไหนก็ควรจะอยู่ในระดับนั้น ๆ ก่อนเมื่อถึงเวลาแล้วเราจะสามารถเพิ่มขั้นการออกกำลังกายได้เอง ไปทีละขึ้นตอนจะดีกว่าเพื่อสุขภาพที่ยืนยาวต่อไป แต่ถ้าหากวันนี้คุณเป็นคนที่มีสุขภาพร่างกายส่วนของหัวเข่า ข้อแขน ข้อเข่า ไม่ค่อยแข็งแรงการออกกำลังกายก็ควรจะเบาลงกว่าที่เคยทำมาในช่วงที่ร่างกายปกติดี
กีฬาที่เหมาะกับการออกกำลังกายสำหรับคนที่ปวดเข่า
·         เดินเล่น
·         เดินเร็ว ระยะสั้น
·         ปั่นจักรยานช้า ๆ และระยะสั้น
·         โยคะ (บางท่า)
·         ว่ายน้ำเล่น (กรณีที่ไม่ปวดเข่ามากและยังสามารถประคองตัวเองให้ว่ายน้ำได้)
·         ตีปิงปอง

         การออกกำลังกายแค่บางชนิดเท่านั้นที่จะทำได้สำหรับคนที่ปวดเข่า บางอย่างมันจะยิ่งทำให้ปวดเข่ามากขึ้นกว่าเดิมอีก อะไร ๆ มันก็มีสองด้านด้วยกันทั้งนั้นหากต้องการจะออกกำลังกายและไม่มั่นใจว่าตัวเองสามารถออกกำลังกายแบบไหนได้บ้างให้มีการปรึกษาแพทย์ก่อนหรือไม่ก็ชั่งใจและร่างกายดูว่าจะไหวหรือไม่ไหวต้องไม่โกหกร่างกายของตัวเองด้วย อย่าเอาแต่ความอยากอย่างเดียวต้องมองให้ถึงวินาทีในอนาคตว่าเราออกกำลังกายไปแล้วจะแข็งแรงหรือจะยิ่งทำให้ร่างกายแย่ลงหากเป็นอย่างสองควรรหยุดและเลี่ยงไปทำอย่างอื่นก่อนจะดีกว่า

ปวดเข่า

เพิ่มเพื่อน