disable right click

วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2558


ภาวะเท้าตกเกิดได้จาก สาเหตุอะไร
สาเหตุที่เราสามารถพบได้บ่อย ที่มีทำให้เกิดอาการเท้าตก มีหลายสาหตุ หลักๆก็คือ
1. การกดทับเส้นประสาทพีโรเนียล ที่ได้มาจากการได้รับอุบัติเหตุ ทำให้กระดูกบริเวณข้อเข่า การที่ได้รับอุบัติเหตุบริเวณของกระดูกขาด้านนอกท่เรียกว่า “ฟิบูลา (Fibula)” การนอนตะแคงที่ไปกดทับเส้นประสาทตัวนี้  อย่างเช่น การนอนไม่พลิกตัวเลย ทำให้ผู้ที่มีอาการหมดสติ หรือผู้ที่เป็นอัมพาตที่ไม่ได้มีการพลิกตัวเลย
2. การกดทับเส้นประสาทพีโรเนียล จากการที่นั่งไขว่ห้าง การนั่งขัดสมาธีเป็นเวลานานๆ หลายชั่วโมง การนั่งกับพื้นเป็นเวลานานๆ อย่างเช่น เวลานั่งนานเกิน 2 ชั่วโมง โดยไม่มีการขยับตัวเลย หรือมีการเปลี่ยนท่านั่งเลยก็ทำให้เกิดการกดทับเส้นประสาทได้
3. การใส่เฝือกในผู้ที่อาการขาหักที่เกิดจากอุบัติเหตุ แล้วขอบเฝือกบริเวณข้อเข่าไปกดทับเส้นประสาทพีโรเนียล
4. อาการของโรคในสมอง หรือมีอาการบริเวณไขสันหลัง ในเฉพาะตำแหน่งที่ทำให้เกิดกล้ามเนื้อที่ใช้กระดูกข้อเท้าขึ้นอ่อนแรง อย่างเช่น โรคปลอกประสาทเสื่อมและแข็ง (Multiple Sclerosis) และ โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเอแอลเอส (Amyotrophic Lateral Sclerosis)
5. โรคของกล้ามเนื้อที่อ่อนแรงมีชื่อเรียกว่า Muscular Dystrophy ที่บางชนิดจะมีอาการอ่อนแรงของบริเวณกล้ามเนื้อเท้าได้
6. โรคเบาหวาน ที่มีอาการอักเสบของบริเวณเส้นประสาท เฉพาะส่วนที่มีการส่งกระแสประสาทมาที่บริเวณเท้าได้
7. ความผิดปกติของทางพันธุ์กรรมที่บริเวณเส้นประสาทพีโรเนียลได้ถูกการกดทับอย่างง่ายดาย

ภาวะของอาการเท้าตกเพียงข้างเดียว

ภาวะของอาการเท้าตกเพียงข้างเดียง ที่อาจพบร่วมกับอาการของเท้าผิดปกติอื่นๆ อีกด้วย
1.  ในกรณีที่พบว่าเป็นอาการของเท้าตกเพียงข้างเดียวนั้ เกิดจากการกดทบเส้นประสาทพีโรเนียลอย่างเดียว อย่างเช่น ในผู้ที่มีอาการนอนกดทับเส้นประสาทจากการเป็นอัมพาต หรือถูกขอบของเฝือกกดทับเส้นประสาทจากการที่กระดูกหักที่เกิดจากอุบัติเหตุ

2.  ในกรณีที่ภาวะของอาการเท้าตกเกิดร่วมกับอาการอื่นๆ ที่มีความผิดปกติของเท้าร่วมด้วย จะเป็นอาการที่แตกต่างกับไป ด้วยการขึ้นอยู่กับแต่ละสาเหตุ อย่างเช่น โรคเส้นประสาทที่เกิดการอักเสบ (อาการเท้าชา ขาชา และปวดบริเวณกล้ามเนื้ออ่อนแรง) และโรคกล้ามเนื้อเอแอลเอส (โรคที่พูดไม่ชัด แขนและขาเกิดการอ่อนแรง กลืนลำบาก กล้ามเนื้อลีบ กล้ามเนื้อเกิดการกระตุก) 

ขอบคุณข้อมูลจาก  : บทความจาก หาหมอ.com

อัมพฤกษ

วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2558


รู้จักไมเกรน รู้จักความเครียด 
          โรคไมเกรนคืออะไรสำหรับคนที่ไม่เคยเป็นอาจจะไม่รู้ มันเป็นอาการปวดหัวชนิดหนึ่งที่เวลาปวดมาก ๆ จะทรมานศีรษะมาก โดยการปวดในครั้งแรกนั้นจะปวดไม่มาก เป็นการปวดหัวแค่ข้างเดียว บางคนก็ปวดแค่นิดเดียวแล้วก็หายไป บางคนก็เริ่มปวดแบบเบา ๆ สักพักก็ปวดไปทั่วหัวเลย ระดับความแรงของไมเกรนแต่ละคนมันต่างกันแต่ถ้าเป็นไปได้ก็พยายามอย่าเป็นเลยดีกว่า แต่มันก็ห้ามไม่ได้เพราะเวลาจะปวดไมเกรนขึ้นมามันก็ไม่เลือกเวลาปวดคิดจะปวดตอนไหนก็ปวดแปร๊บขึ้นมาทันทีเลย
ไมเกรนส่วนใหญ่เกิดกับคนวัยไหน
        ปกติแล้วไมเกรนไม่ค่อยเลือกนักว่าจะเกิดกับใคร เพราะมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้กันทุกวัน แต่ส่วนมากผู้หญิงจะเป็นไมเกรนมากกว่าผู้ชาย และเกิดบ่อย ๆ กับผู้สูงอายุ รวมไปถึงคนทั่ว ๆ ไปที่ความเครียดสูง ระดับสภาวะทางอารมณ์สูงมาก เครียดจัด เครียดมาก ไมเกรนก็ถามหาโดยจะไม่จำกัดว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ผู้สูงอายุหรือเป็นเด็ก ส่วนสาเหตุนั้นก็ยังบ่งชี้ชัดเจนไม่ได้ว่าเพราะอะไรแต่อาจจะเกิดจากระดับของสารเคมีที่อยู่ในสมองที่ทำงานร่วมกันกับหลอดเลือดนั้นผิดปกติไปจึงทำให้เกิดเป็นไมเกรนขึ้นมา
ผลกระทบจากการเป็นไมเกรน
รู้สึกหงุดหงิดทรมานร่างกายเพราะปวดหัวอยู่ตลอดเวลา
ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย ไม่มีสมาธิในการเรียนหรือการทำงาน
เสี่ยงต่อการทำให้เสียสุขภาพจิต
กลายเป็นโรคประจำตัว
         ผลกระทบของการเป็นโรคไมเกรนดูแล้วอาจจะไม่รุนแรงมากนัก แต่มันก็ไม่น่าเป็นเพราะการปวดหัวจะส่งผลกระทบต่อระบบประสาทและสมองทำให้การทำงานของระบบอื่น ๆ ในร่างกายนั้นทำงานได้อย่างไม่เต็มประสิทธิ์ภาพ
เป็นไมเกรนต้องดูแลตัวเองอย่างไร
ออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้กล้ามเนื้อได้เคลื่อนไหว สมองได้สูบฉีด
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 5 – 8 ชั่วโมงต่อวัน
กินยาแก้ปวดไมเกรน
ปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีการรักษาที่ถูกต้อง
              ไมเกรนเมื่อเป็นได้ก็ต้องหายได้เหมือนกัน ถ้าหากรู้จักวิธีการดูแลตัวเองให้ดี เพราะไม่ใช่โรคร้ายแรงแต่เป็นโรคที่น่ารำคาญ เวลาปวดไมเกรนขึ้นมาแทบจะไม่มีสมาธิในการทำกิจกรรมอะไรอย่างอื่นเลย นอกจากกุมขมับอยู่

ไซนัส

สมัครแจ้งบทความใหม่ผ่านทาาง Line 
เพิ่มเพื่อน

วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2558



✿ ภาวะนิ้วล็อคกับการบำบัดนิ้ว 
       โรคนิ้วล็อค รู้ทันพฤติกรรมสุขภาพกระดูก มือ นิ้ว เมื่อมีภาวะปลอกหุ้มเส้นเอ็นผิดปกติไม่สามารถยืดมือ หรือนิ้วได้ปกติ เรียกภาวะนี้ว่า ปลอกหุ้มเอ็นอักเสบ (Trigger finger & Trigger thumb) หรือโรคนิ้วล็อค เมื่อมีอาการหนาตัวของปลอกหุ้มเส้นเอ็น ทำให้เส้นเอ็นไม่สามารถเคลื่อนผ่านปลอกหุ้มที่หนานี้ได้ อาการเสียดสี จึงมีอาการเยียดนิวได้ไม่ตึงจึงทำให้นิ้วติดล็อคได้ มีอาการเสียงดังกึบและปวดนิ้ว นิ้วบวม

✿ วีธีการรักษานิ้วล็อค 
      1. ยาสเตียรอยด์ รักษาด้วยการฉีด ช่วยลดอาการปวดบวมและการอักเสบ จะทำให้หายเจ็บได้อย่างรวดเร็วและอาการนิ้วสะดุดจะดีขึ้นตามลำดับ วิธีนี้ได้ผลเร็วและเห็นผลชัดเจน แต่ต่างจากวิธีอื่นตรงที่ การฉีดยาสเตียรอยด์มีข้อจำกัด เป็นการรักษาชั่วคราว เริ่มตั้งแต่ระยะแรกของโรคจนถึงระยะสุดท้ายหมอจะ ฉีดยาแค่ 3 ครั้ง ต่อ 1 นิ้วที่เป็นโรค
      2. ยาแก้อักเสบหรือยาลดอาการปวด ใช้รับประทานเพื่อลดอาการอักเสบหรืออาการบวมได้ชั่วคราว และควรงดใช้มือให้ระหว่างการรักษา
      3. กายภาพบำบัด ด้วยการออกกำลังกายบริหาร ออกกำลังเหนียดนิ้ว กำมือ-แบมือ หรือใช้ความร้อนประคบ ด้วยการนวดเบาๆ สามารถเลือกใช้ผสมผสานกันเพื่อให้การรักษาโรคหายเร็วขึ้น
      4. การผ่าตัด จะทำให้ไม่กลับมาเป็นโรคอีก การผ่าตัดมี 2 วิธี แต่ละวิธีมีข้อดีข้อเสียในตัวเอง
          · การผ่าตัดแบบเปิด ใช้วิธีการฉีดยาชาและผ่าปลอกหุ้มเส้นเอ็นที่หนาอยู่ให้เปิดกว้าง ทำให้เส้นเอ็นเคลื่อนที่ผ่านได้สะดวกขึ้น แต่ใช้เวลาการรักษาอย่างน้อย 2 อาทิตย์ ห้ามใช้งานหนัก หลีกเลี่ยงการสัมผัสนิ้วทั้งทางตรงและทางอ้อม
          · การผ่าตัดแบบปิด ข้อดี คือ มีร้อยแผลเล็กน้อยมาก แต่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บและมีผลกระทบของเส้นประสาทนิ้วหัวแม่มือ และนิ้วชี้ โดยวิธีการใช้เข็มสะกิดหรือเขี่ยปลอกหุ้มเส้นเอ็นออก แต่ผลกระทบต่อเส้นประสาทอื่นมีโอกาสเสี่ยงสูง

การบำบัดมือ บำบัดนิ้วมือ พฤติกรรมการทำร้ายกระดูก จากการทำงานหนัก การใช้งานนิ้วอย่างต่อเนื่อง การออกกำลังกายที่ส่งผลกระทบต่อข้อ นิ้วมือ นิ้วเท้า โดยเฉพาะอิริยาบถ จากการเล่น แล็ปท๊อป สมาร์ทโฟน หรือการเล่นเกมส์ ติดโซเชียลที่ต้องทำให้อยู่หน้าจอคอมเป็นระยะเวลานาน อีกอาชีพที่ต้องระวัง คือ แคชเชียร์ ที่ต้องใช้นิ้วจิ้ม หน้าจอคอมในทุกๆ วินาที
ด้วยกิจกรรมที่ต่อเนื่องจากอาชีการงาน หรือกิจกรรมการใช้เทคโนโลยี โซเชี่ยลอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ล้วนเป็นพฤติกรรมการทำร้ายสุขภาพนิ้ว โดยไม่ตั้งใจ แต่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อข้อมือ ข้อนิว้ กายภาพบำบัดจึงเป็นทางเลือกที่ช่วยชะลอและยืดอายุของนิ้วให้ห่างไกลจากการรักษาโรค การออกกำลังกายต่อเนื่องช่วยยืดกล้ามเนื้อมือ นิ้ว ให้แข็งแรง  การจะมีสุขภาพให้แข็งแรงตลอดทุกช่วงวัย ขึ้นอยู่กับการใส่ใจและดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ


อ้างอิงข้อมูลจาก: บทความจาก อ.นพ.กวี ภัทราดูลย์

เพิ่มเพื่อน

วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2558





ปฏิบัติตัวอย่างไร เมื่อมีอาการคันเรื้อรัง
คนที่เริ่มมีอาการคันเรื้อรัง ควรที่จะหันมาเอาใจใส่ดูแลตัวเองในเรื่อง สุขภาพของผิวหนัง โดยเฉพาะในบริเวณที่มีอาการคันบ่อยๆ หรือว่าอาจจะเห็นผดผื่นคันขึ้น บริเวณผิวหนังเป็นจำนวนมาก ไม่ควรที่จะแกะ หรือเกาบริเวณผิวหนังที่มีอาการ อาจจะทำให้เกิดการกำเริบของอาการคันทางผิวหนังลามไปทั่วทั้งตัวได้ ยิ่งคนที่เป็นโรคเกี่ยวกับผิวหนัง โรคไต และโรคเบาหวานอยู่แล้วควรระวังให้มากๆ อาจจะเป็นการกระตุ้นให้มีอาการคันมากขึ้น ได้จนอาจจะลุกลามเป็นอาการคันแบบเรื้อรังที่หาทางรักษายากกว่าเดิมได้
ผู้ที่มีอาการคันควรปฏิบัติตัว ดังนี้
1.       ◉ ควรที่จะดูแลเรื่องของเล็บมือ เพราะว่าเมื่อเวลาที่เราเกิดมีอาการคันขึ้นมา คนที่มีเล็บมือยาว ก็อาจเป็นการทำให้ผิวหนังบริเวณที่เกาเกิดอาการอักเสบได้
2.       ◉ ควรหลีกเลี่ยงการแกะเกาบริเวณตรงส่วนของผิวหนังที่มีอาการอักเสบอยู่ เพราะว่าอาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อบริเวณผิวหนังส่วนนั้นได้ และเป็นการเพิ่มโรคทางผิวหนังเพิ่มให้กับร่างกายมากขึ้นอีกด้วย
3.       ◉ ควรใช้สบู่ที่มีกรดอ่อนๆ หรือโลชั่นที่ใช้ในการทาผิว ควรเลือกที่มีสารเคมีอ่อนๆ เพื่อไม่ให้เป็นการระคายเคืองให้กับผิวหนังที่มีอาการคันอยู่ก่อนแล้ว และควรที่จะทาครีมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังบริเวณที่มีอาการคันจะได้บรรเทาอาการคันลงได้
4.       ◉ ควรหลีกเลี่ยงการสวมใส่เสื้อผ้าที่ทำมาจากหนังสัตว์ เสื้อผ้าที่มีเนื้อหยาบ และเสื้อผ้าที่ทำมาจากใยแก้ว เพราะจะทำให้ผิวหนังเกิดการระคายเคืองจนทำให้มีอาการคันตามมาได้ ลดการกระตุ้นของอาการคันด้วยการใส่เสื้อผ้าที่โปร่งสบาย ไม่รัดจนเกินไป เพื่อไม่ให้ผิวหนังของเราเกิดการระคายเคืองได้
5.       ◉ ทำจิตใจให้สงบ ลดภาวะที่อาจจะก่อเกิดของความเครียดไป ควรที่จะตั้งสมาธิเพื่อลดอาการตึงเครียดไม่ว่าจะมาจากการทำงานหรือว่ามาจากสิ่งแวดล้อมๆ รอบข้าง เนื่องจากความเครียดส่งผลกระทบไปถึงสมองทำให้ระบบการทำงานในร่างกายของเราทำงานอย่างไม่เป็นปกติ จนเกิดอาการคันตามผิวหนังอีกด้วย
6.       ◉ ควรทำตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อเป็นการควบคุมอาการคัน และเป็นการรักษาโรคที่เป็นสาเหตุสำคัญของอาการคัน จะทำให้อาการคันบรรเทาลง และอาจจะหายคันได้ในที่สุด
อาการคันต่างๆ สามารถที่จะดีขึ้นได้ ถ้าได้รับการรักษาและมีการควบคุมอาการคันได้อย่างถูกต้อง สำหรับกรณีที่สามารถหาสาเหตุของอาการคันได้อย่างแน่ชัดเท่านั้น จึงสามารถที่จะแก้ไขอาการได้อย่างถูกจุดนั้นเอง
อ้างอิงข้อมูลจาก : คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล http://www.si.mahidol.ac.th/

วันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2558



(>‿◠)✌  วิธีการบำบัดรักษาอาการปวดคอด้วยตัวเอง (>‿◠)✌ 

           ปวดคอถ้าเล็กน้อยก็ไม่จำเป็นจะต้องถึงมือหมอหรอก เพราะว่าเราเองก็สามารถที่จะบำบัดรักษาอาการปวดคอด้วยตัวเองได้เหมือนกัน มันมีหลายวิธีที่ไม่ยาก หรือถ้าทำเองไม่ได้บางอย่างก็ให้คนรอบข้างช่วยอีกแรงก็ได้ สำหรับใครที่กำลังมีอาการปวดคออยู่ตอนนี้มาลองดูกันว่า จะรักษาการรู้สึกปวดคอด้วยตัวเองให้บรรเทาและหายไปได้อย่างไร

☀ วิธีบำบัดรังษาอาการปวดคอด้วยตัวเอง มีดังต่อไปนี้ 

          1.  นอน  มันช่วยได้เหมือนกันแต่ไม่ใช่การนอนพักผ่อนแบบปกติ แต่เป็นการตั้งใจนอนเพื่อให้คอนั้นได้รู้สึกผ่อนคลาย กล้ามเนื้อตรงส่วนของคอได้ลดอาการเกร็งลง ทำให้บรรเทาอาการปวดคอและหายไปได้

          2. ซื้อยามากิน  การกินยาบรรเทาอาการปวดคอก็ดีเหมือนกันแต่หากเป็นการซื้อยากินเองก็อย่าลืมอ่านสลากยาให้ดี เพราะการซื้อยากินเองบางทีมันก็มีอันตรายแต่ก็คงไม่เป็นไรเพราะสมัยนี้เพสัชกรก็จัดยาเก่งมากขึ้น คนเราก็หันมาซื้อยากินเองกันมากขึ้นก็ยังหายปวดคอก็ยังมี แต่ก็เลือกร้านขายยาที่เชื่อถือได้และที่สำคัญจะต้องถูกกฎหมายด้วย

          3.ประคบเย็น เป็นการประคบเย็นโดยใช้น้ำแข็งประคบอาจจะเอามาห่อกับผ้าแล้วค่อย ๆ วางลงตรงบริเวณ     ต้นคอที่รู้สึกปวด มันจะช่วยได้แต่ว่าจะต้องประคบภายใน 24 ชั่วโมงทันทีหลังจากที่รู้ตัวและรู้สึกว่ากำลังมีอาการปวดคออยู่ ถ้าช้าไปกว่านั้นบางทีอาจจะไม่ดีขึ้น ไม่ต้องประคบนานแค่ประมาณ 15 นาทีก็พอ

         4. ประคบร้อน ซึ่งขั้นตอนนี้ก็ทำคล้าย ๆ กันกับการประคบเย็นเลย แต่ไม่ต้องใช้ความร้อนที่มากอาจจะเป็นแบบอุ่น ๆ มากกว่า ใช้เป็นถุงร้อนก็ได้หรือจะเป็นผ้าขนหนูชุบกับน้ำอุ่นจากนั้นก็นำมาประคบบนคอที่ปวดได้เลย ประมาณ 20 นาทีก็พอ

         5.ดัดยืดต้นคอ  วิธีเป็นเหมือนกับการออกกำลังกายยืดเส้นยืดสายให้ต้นคอได้ผ่อนคลาย ไม่ยากวิธีการก็คือ ให้เอามือสองข้างมาประสานกัน จากนั้นก็ดันหัวเราไปทางที่เราหันคอไม่ได้จนมันตึงหน่อย ๆ จากนั้นก็นับเวลา 30 วินาที แล้วทำใหม่อีกประมาณ 4 ครั้งก็ช่วยยืดเส้นคอได้เลย

           เป็นอีกวิธีการบรรเทาอาการปวดคอด้วยตัวเองที่ถือว่าเป็นวิธีที่ดีอย่างหนึ่ง คอของเรามีความสำคัญจะให้ปวดเมื่อยบ่อย ๆ นั้นคงไมดีเป็นแน่ และถ้าหากว่าเรารู้สาเหตุของการปวดคอว่ามันมาจากอะไร เกิดจากอะไรทำไมถึงปวดคอเราก็ให้หยุดกิจกรรมนั้นไปก่อนสักพัก เมื่อคอเริ่มกลับมาเป็นปกติแล้วค่อยกลับไปทำใหม่ก็ได้ มันไม่เสียหายอะไร 


สมัครแจ้งบทความใหม่ผ่านทาาง Line 
เพิ่มเพื่อน

วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558



อาการปวดข้อเข่ากับโรคข้อเข่า
ปวดข้อเข่า อาการเหล่านี้เป็นสัญญานเตือนโรคเข่า อาทิโรคข้อเสื่อม การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าอาจเป็นทางแก้ที่ปลายทาง เนื่องจากปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าการรักษา ข้อเข่าเป็นเรื่องง่ายแต่ค่าใช้จ่ายสูง หากมีอาการปวดข้อเข่า ปวดเข่า จึงควรรีบรักษา
อาการปวดข้อเข่า ปวดเข่า แม้จะมีผลมาจากวัยและการใช้งานเป็นหลัก อาการเหล่านี้เป็นสัญญานเตือนของโรคข้อต่างๆ อาทิ โรคข้อเข่าเสื่อม โรคข้อสะบ้าเสื่อม เมื่อเริ่มผิดปกติจะสังเกตุกได้จากการเดิน หรือการยืน ซึ่งจะทำให้  ขาโก่ง และขากาง ปัจจุบันโรคข้อได้พบมากขึ้่นตั้งแต่ผู้ที่มีอายุ ตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป และพบมากในผู้สูงอายุ แม้จะมีวิธีการรักษา แต่การดูแลตนเองให้พ้นจากโรคข้อเข่าเป็นเรื่องง่ายยิ่งกว่าการผ่าตัดและทำกายภาพบำบัดเป็นเวลานาน กว่าจะกลับมาใช้ชีวิตประจำวัน ได้โดยไม่มีข้อแม้ใดๆ 

เริ่มต้นดูแลตนเองอย่างถูกวิธีเมื่อมีอาการปวดเข่า ข้อเข่า
1. น้ำหนักตัว น้ำหนักกับส่วนสูง ต้องสัมพันธ์กัน น้ำหนักมากเกิน หรืออยู่ในภาวะเริ่มอ้วน เริ่มมีหน้าท้อง ทำอะไรได้เชื่องช้า ยกของหนักมากเกินไป สิ่งเหล่านี้มีผลกระทบต่อหลังและเข่าโดยตรง ทำให้กล้ามเนื่ออักเสบหรือปวดเข่าได้ง่าย เพราะต้องรับน้ำหนักตัวมากเกินไป ควรจะมีการควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
2. การออกกำลังกาย โดยเฉพาะคนอ้วน หรือคนทีมีน้ำหนักตัวมากกว่าเกณฑ์ปกติ การออกกำลังกายทางน้ำ เช่น ว่ายน้ำ วารีบำบัด หรือการเล่นโยคะ มั่นใจได้ ว่าสามารถป้องกันการบาดเจ็บแม้จะออกกำลังกายหักโหมก็ตาม ต่างจากการออกกำลังกายด้วยการวิ่ง โดยเฉพาะคนอ้วน ซึ่งมีสภาวะเข่าที่รับน้ำหนักตัวมากอยู่แล้วจะเกิดการกระแทกจนทำให้มีอาการปวดเข่าได้ง่าย
3. เสริมสร้างกล้ามเนื้อ เพิ่มประสิทธิภาพการออกกำลังกาย ช่วยลดภาระให้ข้อกับกระดูกไม่ทำงานหนักจนเกินไปลดความเสี่ยงของหมอนรองกระดูก โดยเฉพาะผู้ที่ชอบออกกำลังกายหักโหม ถือของหนัก หรือเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ส่งผลโดยตรงต่อเอ็น ข้อ และกระดูก ด้วยการออกกำลังกายผสมผสาน การยกเวท ซิทอัพ เพิ่มซิกแพกหน้าท้องและกล้ามเนื้อหลัง ช่วยยืดอายุข้อเข่าเสื่อมได้ก่อนวัย

โรคข้อเข่ากับการผ่าตัด
การผ่าตัดเปลี่ยนเข่าเป็นวิธีการรักษาขั้นสุดท้ายที่คุณหมอเลือกใช้นอกจากการบำบัดด้วยวิธีต่างๆ แล้วไม่ได้ผล การผ่าตัดมี 2 แบบ คือ การผ่าตัดด้วยวิธีดั้งเดิม และ การผ่าตัดโดยใช้แขนกลหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด ไม่ว่าจะผ่าตัดด้วยวิธีใด ก็ต้องรักษาด้วยการทำกายภาพบำบัดจนกว่าจะเดินได้เป็นปกติ ซึ่งใช้ระยะเวลานานขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยหลังการผ่าตัด ซึ่งการออกกำลังกาย ควบคุมน้ำหนักอาจเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลานานสำหรับบางคน หากเทียบกับระยะเวลาทำกายภาพบบำบัดแล้ว อาจใช้เวลาน้อยกว่า การดูแลสุขภาพตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงโรคเข่า จึงมีความสำคัญมาก
อาการปวดข้อเข่า ที่พบในแต่ละวันไม่ว่าจะมีอาการเพียงเล็กน้อยเพียงใด ควรรีบเข้าไปตรวจรักษา เพื่อป้องกันโรคข้อเข่า เข่าเสื่อมที่อาจเกิดขึ้นได้ก่อนวัยอันควร  
อ้างอิงข้อมูลจาก: บทความของ "โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

ปวดเข่า

เพิ่มเพื่อน

วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2558



⌘ ความอันตรายของภาวะแทรกซ้อนภูมิแพ้อักเสบเรื้อรัง 
อาการของโรคภูมิแพ้อักเสบเรื้อรังนั้น นับเป็นผลกระทบสำคัญของการดำรงชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าในบางคนนั้นจะมีอาการในระดับที่ไม่รุนแรงนัก แต่ก็สร้างความหงุดหงิดและรำคาญต่อการดำรงชีวิต และในผู้ป่วยบางรายนั้นอาจส่งผลกระทบแทรกซ้อนในด้านอื่น ๆ ตามมารวมไปถึงเกิดอาการเครียดต่าง ๆ อีกด้วย
ในตอนที่แล้วเราได้ศึกษาถึงวิธีการดูแลรักษาในเบื้องต้นกันไปแล้วนั้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องเกี่ยวกับการรักษาโรคนี้เราจึงควรให้ความสำคัญมากขึ้นกับความอันตรายที่เกิดจากภาวะแทรกซ้อนของโรคภูมิแพ้อักเสบเรื้อรัง ที่ไม่ส่งผลดีต่อผู้ป่วยมากนัก และอาจส่งผลอันตรายหนักขึ้นกว่าเดิม ที่ทำให้มีปัญหาต่อการดำรงชีวิตมากยิ่งขึ้นได้
✪ ภาวะแทรกซ้อนโรคภูมิแพ้จมูกอักเสบเรื้อรังอันตรายแค่ไหน? 
การเป็นโรคภูมิแพ้ หรือเป็นจมูกอักเสบเรื้อรังนั้น แม้ว่าจะดูแล้วไม่มีความร้ายแรงมากนัก แต่ก็อาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคอื่น ๆ ตามมาได้ ซึ่งโรคแทรกซ้อนที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้จากโรคภูมิแพ้จมูกอักเสบเรื้อรังนั้นมีดังต่อไปนี้คือ

·       โรคเจ็บคอหรือไอเรื้อรัง เมื่อผู้ป่วยเกิดอาการคัดจมูกมาก ๆ จึงมักต้องอาศัยการหายใจทางปาก เพื่อช่วยระบบทางเดินหายใจ หรืออาจเกิดจากการที่มีน้ำมูกจำนวนมากไหลลงคอ ที่จะทำให้เกิดอาการไอเรื้อรัง และมีอาการเจ็บคอ

·     ❅❅   เป็นโรคหูชั้นกลางอักเสบ หรือน้ำคั่งในหูชั้นกลาง คืออาการอักเสบของเยื่อบุในหูชั้นกลาง ผู้ป่วยบางรายนั้นจะมีอาการไข้ขึ้น เกิดอาการปวดหู หากเกิดอาการเฉียบพลันอาจทำให้มีหนองไหลออกจากหู หรือเยื่อแก้วหูทะลุ ทำให้การได้ยินลดลง

·     ❅❅   เป็นโรคหืด ผู้ป่วยโรคหืดจะมีโรคภูมิแพ้จมูกอักเสบเรื้อรังร่วมอยู่ด้วยถึงร้อยละ 70-80 และในทางกลับกันนั้นผู้ป่วยโรคภูมิแพ้จมูกอักเสบเรื้อรังก็จะมีอาการของโรคหอบหืดร่วมอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน โดยอาการของโรคหอบหืดจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นหากไม่สามารถรักษาอาการจมูกอักเสบได้ ซึ่งจะส่งผลให้ทั้งสองโรคนั้นมีอาการที่แย่ลงไปอีกพร้อม ๆ กันได้

·    ❅❅    เกิดเป็นไซนัสอักเสบ หรือริดสีดวงจมูก สำหรับโรคไซนัสอักเสบนั้นเป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบของเยื่อบุไซนัส ดังนั้นเมื่อเยื่อบุจมูกเกิดอาการบวมจากโรคภูมิแพ้จมูกอักเสบ จะส่งผลให้รูเปิดของไซนัสอุดตัน ทำให้มีการคั่งของสารคัดหลั่งภายในไซนัสทำให้เยื่อบุไซนัสเกิดการบวม ติดเชื้อแบคทีเรียได้ง่าย นอกจากนี้แล้วการเกิดภูมิแพ้จมูกอักเสบเรื้อรังยังเป็นปัจจัยหลักทำให้เกิดเป็นริดสีดวงจมูก หากเกิดการบวมของจมูกมาก ๆ อาจส่งผลทำให้อากาศไม่สามารถผ่านไปสู่เซลล์ประสาทรับกลิ่นของโพรงจมูกส่วนบนได้ ทำให้การรับกลิ่นน้อยลง หรืออาจไม่ได้กลิ่นเลย

·     ❅❅   นอนกรน หรือภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ ผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้จมูกอักเสบเรื้อรัง จะมีปัญหาในการคัดจมูกเป็นหลัก ทำให้การไหลเวียนของอากาศภายในโพรงจมูกนั้นลดลง จึงจำเป็นต้องสูดลมหายใจเข้าแรงขึ้นในขณะที่นอน ในขณะที่การไหลเวียนของอากาศลดลงจะส่งผลให้เกิดการตีบแคบ และมีการอุดกั้นทางเดินหายใจส่วนบน เกิดเป็นเสียงกรน แล้วหากการอุดกั้นทางเดินหายใจเป็นมากยิ่งขึ้น อาจส่งผลทำให้เกิดภาวะการหยุดหายใจในขณะหลับได้ ภาวะนี้จะทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย ง่วงซึมในช่วงเวลากลางวัน ที่จะส่งผลให้การเรียนรู้ และการทำงานมีประสิทธิภาพลดลง รวมไปถึงบุคลิกภาพและยังเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากการใช้รถอีกด้วย

อ้างอิงข้อมูล: นพ.อุทัย ประภามณฑล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรม ศีรษะ ลำคอ หลอดลม และกล่องเสียง ศูนย์หู คอ จมูก โรงพยาบาลพญาไท 3 

วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2558



ภาวะนิ้วล็อคกับการบำบัดนิ้ว
โรคนิ้วล็อค รู้ทันพฤติกรรมสุขภาพกระดูก มือ นิ้ว เมื่อมีภาวะปลอกหุ้มเส้นเอ็นผิดปกติไม่สามารถยืดมือ หรือนิ้วได้ปกติ เรียกภาวะนี้ว่า ปลอกหุ้มเอ็นอักเสบ (Trigger finger & Trigger thumb) หรือโรคนิ้วล็อค เมื่อมีอาการหนาตัวของปลอกหุ้มเส้นเอ็น ทำให้เส้นเอ็นไม่สามารถเคลื่อนผ่านปลอกหุ้มที่หนานี้ได้ อาการเสียดสี จึงมีอาการเยียดนิวได้ไม่ตึงจึงทำให้นิ้วติดล็อคได้ มีอาการเสียงดังกึบและปวดนิ้ว นิ้วบวม

วีธีการรักษานิ้วล็อค
1. ยาสเตียรอยด์ รักษาด้วยการฉีด ช่วยลดอาการปวดบวมและการอักเสบ จะทำให้หายเจ็บได้อย่างรวดเร็วและอาการนิ้วสะดุดจะดีขึ้นตามลำดับ วิธีนี้ได้ผลเร็วและเห็นผลชัดเจน แต่ต่างจากวิธีอื่นตรงที่ การฉีดยาสเตียรอยด์มีข้อจำกัด เป็นการรักษาชั่วคราว เริ่มตั้งแต่ระยะแรกของโรคจนถึงระยะสุดท้ายหมอจะ ฉีดยาแค่ 3 ครั้ง ต่อ 1 นิ้วที่เป็นโรค
 2. ยาแก้อักเสบหรือยาลดอาการปวด ใช้รับประทานเพื่อลดอาการอักเสบหรืออาการบวมได้ชั่วคราว และควรงดใช้มือให้ระหว่างการรักษา
3. กายภาพบำบัด ด้วยการออกกำลังกายบริหาร ออกกำลังเหนียดนิ้ว กำมือ-แบมือ หรือใช้ความร้อนประคบ ด้วยการนวดเบาๆ สามารถเลือกใช้ผสมผสานกันเพื่อให้การรักษาโรคหายเร็วขึ้น
4. การผ่าตัด จะทำให้ไม่กลับมาเป็นโรคอีก การผ่าตัดมี 2 วิธี แต่ละวิธีมีข้อดีข้อเสียในตัวเอง
·        การผ่าตัดแบบเปิด ใช้วิธีการฉีดยาชาและผ่าปลอกหุ้มเส้นเอ็นที่หนาอยู่ให้เปิดกว้าง ทำให้เส้นเอ็นเคลื่อนที่ผ่านได้สะดวกขึ้น แต่ใช้เวลาการรักษาอย่างน้อย 2 อาทิตย์ ห้ามใช้งานหนัก หลีกเลี่ยงการสัมผัสนิ้วทั้งทางตรงและทางอ้อม
·        การผ่าตัดแบบปิด ข้อดี คือ มีร้อยแผลเล็กน้อยมาก แต่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บและมีผลกระทบของเส้นประสาทนิ้วหัวแม่มือ และนิ้วชี้ โดยวิธีการใช้เข็มสะกิดหรือเขี่ยปลอกหุ้มเส้นเอ็นออก แต่ผลกระทบต่อเส้นประสาทอื่นมีโอกาสเสี่ยงสูง
การบำบัดมือ บำบัดนิ้วมือ พฤติกรรมการทำร้ายกระดูก จากการทำงานหนัก การใช้งานนิ้วอย่างต่อเนื่อง การออกกำลังกายที่ส่งผลกระทบต่อข้อ นิ้วมือ นิ้วเท้า โดยเฉพาะอิริยาบถ จากการเล่น แล็ปท๊อป สมาร์ทโฟน หรือการเล่นเกมส์ ติดโซเชียลที่ต้องทำให้อยู่หน้าจอคอมเป็นระยะเวลานาน อีกอาชีพที่ต้องระวัง คือ แคชเชียร์ ที่ต้องใช้นิ้วจิ้ม หน้าจอคอมในทุกๆ วินาที
ด้วยกิจกรรมที่ต่อเนื่องจากอาชีการงาน หรือกิจกรรมการใช้เทคโนโลยี โซเชี่ยลอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ล้วนเป็นพฤติกรรมการทำร้ายสุขภาพนิ้ว โดยไม่ตั้งใจ แต่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อข้อมือ ข้อนิว้ กายภาพบำบัดจึงเป็นทางเลือกที่ช่วยชะลอและยืดอายุของนิ้วให้ห่างไกลจากการรักษาโรค การออกกำลังกายต่อเนื่องช่วยยืดกล้ามเนื้อมือ นิ้ว ให้แข็งแรง  การจะมีสุขภาพให้แข็งแรงตลอดทุกช่วงวัย ขึ้นอยู่กับการใส่ใจและดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ


อ้างอิงข้อมูลจาก: บทความจาก อ.นพ.กวี ภัทราดูลย์
ที่มา: http://ortho2.md.chula.ac.th/index.php