🍁 ทำความรู้จักกับโรคภูมิแพ้ 🍁
โรคภูมิแพ้
หรือโรคแพ้นั้นสามารถเกิดได้ง่ายกับผู้ที่มีอาการไวต่อการเปลี่ยนแปลงของอากาศ
หรือสิ่งที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ต่าง ๆ
ซึ่งนับเป็นปัญหาร้ายแรงสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้มาก
หากอยู่ในพื้นที่ความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดอาการแพ้อาจส่งผลถึงแก้ชีวิตได้
ดังนั้นเพื่อที่เราจะสามารถเข้าใจได้มากขึ้นว่าโรคภูมิแพ้นั้นเป็นอย่างไร
และจะป้องกันในเบื้องต้นอย่างไรได้บ้าง
บทความนี้จึงอยากนำทุกท่านมาทำความรู้จักกันกับโรคภูมิแพ้
เพื่อที่จะได้หาทางแก้ไขป้องกันได้เมื่อต้องพบกับโรคนี้
🍁 โรคภูมิแพ้ หรือ โรคแพ้ (Allergy) อาการแพ้ต่าง ๆ 🍁
หมายถึง
อาการของโรคที่เกิดขึ้นกับผู้ที่มีอาการไวต่อความผิดปกติกับสิ่งที่ก่อให้เกิดอาการแพ้
โดยโรคภูมิแพ้นั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นหญิง หรือชายก็ตาม
และไม่ใช่โรคติดต่อแต่สามารถถ่ายทอดกันได้ทางพันธุกรรมจากรุ่นปู่ย่า ตายาย
และพ่อแม่มาสู่ลูกหลานได้
สำหรับผู้ที่ไวต่อการสัมผัสกับสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้
ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ ความชื้นในอากาศ ฝุ่นละอองในอากาศ
ซึ่งในบางคนที่เป็นเรื้อรังมักจะพบภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น อย่างเช่น
โรคไซนัสอักเสบที่เป็นการอักเสบของโพรงอากาศในจมูก โรคหอบหืด โรคริดสีดวงจมูก
โรคหูชั้นกลางอักเสบร่วมด้วย
🍁 สิ่งที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ 🍁
เราเรียกสิ่งที่ทำให้เกิดอาการแพ้
หรือก่อภูมิแพ้ (Allergen) สิ่งกระตุ้นที่อาจเข้าสู่ร่างกายทางระบบทางเดินหายใจ
การสัมผัส การรับประทาน ทางหู ทางตา ทางจมูก หรือโดยการฉีด แมลงกัดต่อยทางผิวหนัง
โดยที่ตัวที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้นี้มีอยู่รอบ ๆ ตัวเราจนยากจะหลีกเลี่ยงได้ โดยสิ่งที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ที่เราสามารถพบได้บ่อยทั่วไปจะได้แก่
แมลงสาบ เชื้อรา ตัวไรฝุ่นบ้าน อาหารบางประเภท ยาปฏิชีวนะ ยาต้านเชื้อแบคทีเรีย
ยาแก้อักเสบ เกสรดอกหญ้า ขนสัตวร์เลี้ยง แมลงต่าง ๆ ฯลฯ
🍁 ภูมิแพ้อากาศ
คอลเล็คชั่นที่กำลังมาแรง 🍁
โรคภูมิแพ้จมูกอักเสบ (Allergic Rhinitis) หรืออาจเรียกว่าโรคภูมิแพ้อากาศโรคชนิดนี้เรามักพบว่าผู้ป่วยนั้นจะมีอาการแพ้กับสิ่งต่าง
ๆ ที่อยู่รอบ ๆ ตัว เช่น สัตวร์เลี้ยง ไรฝุ่นบ้าน โดยจะมีอาการคันจมูก ชอบขยี้จมูก
คัดจมูก น้ำมูกไหล จาม หรือเกิดรอยบริเวณสันจมูก มีเสมหะในลำคอ เลือดกำเดาไหลบ่อย
บางครั้งเราอาจพบกับอาการคันบริเวณตา น้ำตาไหล แสบตา หูอื้อ คันหู
เหล่านี้ร่วมอยู่ด้วย
โรคภูมิแพ้สามารถป้องกันในเบื้องต้นได้
แต่ผู้ป่วยจะต้องไม่มีอาการจนเรื้อรัง ซึ่งต้องรีบทำการพบแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ
หรือทำการวินิจฉัยในการตรวจรักษาเพราะหากปล่อยเอาไว้เป็นเวลานานจะส่งผลให้เกิดโรคอื่น
ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกันได้อย่างเช่น โรคไซนัสอักเสบ
ข้อมูลอ้างอิง: ศ.นพ. เกียรติ
รักษ์รุ่งธรรม สมาคมโรคภูมิแพ้ โรคหืด และวิทยาภูมิคุ้มกันแห่งประเทศไทย
สมัครแจ้งบทความใหม่ผ่านทาาง Line
สมัครแจ้งบทความใหม่ผ่านทาาง Line
