ปวดหลัง จากโพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ (Spinal
stenosis )
โรคนี้ในอดีตพบมากในผู้มีอายุตั้งแต่ 50 ปี
แต่ปัจจุบันพบว่าผู้เป็นโรคนี้มีอายุที่ลดลง คือตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป
สาเหตุของโรคนี้เกิด ต่อเนื่องจากโรคหมอนรองกระดูกเสื่อม จากการใช้หลังที่ผิด เช่น
- เล่นกีฬาบางประเภทที่ยิ่งทำให้หลังเสื่อมง่าย เคลื่อนไหวเกินช่วงของหลัง
แอ่นหลังมากเกินไปโดยไม่ได้คุมกล้ามเนื้อที่พยุงกระดูกขณะเล่นจึงเกิดการกดอัดที่หลัง
- เคยมีประวัติได้รับอุบัติเหตุล้มก้นกระแทก
- จากการมีพังผืดของเส้นเอ็น กล้ามเนื้อ
และข้อต่อหนาตัว แล้วมีผลต่อโพรงกระดูกสันหลัง ซึ่งโพรงนี้เป็นทางออกของเส้นประสาท
อาการของโรคนี้ค่อนข้างชัดเจน
คือผู้ที่เป็นจะมีอาการปวดร้าวตามแนวเส้นประสาทลงไปที่ขา จนถึงฝ่าเท้า
อาจเป็นอาการซ่าๆ ชาๆ ด้านๆ รู้สึกยิบๆ เหมือน มดไต่บริเวณเท้า นิ้วเท้า ฝ่าเท้า
หน้าแข้ง น่อง หรือเป็นอาการปวดร้าวลงสะโพกและต้นขา บางเคสก็มีอาการหมดแรง
อ่อนแรงขาด้านที่ป็น อาการจะชัดเจนมากเมื่อเดินหรือยืน
ซึ่งถ้าโพรงเส้นประสาทตีบแคบมาก อาการจะแสดงเมื่อเดิน หรือยืนเพียง 2-3 นาที
ท่านสงสัยหรือไม่??? เป็นที่หลังกลับมีอาการที่ขา?
เรามาดูกันค่ะว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
คนส่วนใหญ่เข้าใจว่ามีปัญหาที่หลัง
ต้องปวดที่บริเวณหลัง แต่ความจริงแล้วการมีอาการที่ขา ฝ่าเท้า นิ้วเท้านั้น
ก็เนื่องจากกระดูกสันหลังมีโพรงที่เป็นทางออกของเส้นประสาท วิ่งไปเลี้ยงขาทั้งหมด
และควบคุมให้กล้ามเนื้อข้อต่อมีแรงรวมถึงการรับรู้ความรู้สึก การเคลื่อนไหวต่างๆ
หากเส้นประสาทถูกกดเบียดก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ เกิดการอ่อนแรง เคลื่อนไหวไม่ได้ ปวด
ชา ซ่าๆ แล้วแต่ว่าการกดเบียดของเส้นประสาทนั้น
จะกดเบียดส่วนไหนของเส้นไยประสาทนั่นเอง
เคสส่วนใหญ่มักเลือกที่จะรักษาด้วยการผ่าตัด แต่บางเคสก็เลือกที่จะรักษาโรคโพรงกระดูกสันหลังตีบแคบนี้ด้วยการใช้ศักยภาพร่างกายรักษาตัวเอง
การรักษาโรคนี้
สามารถรักษาโดยอาศัยการทำให้พังผืด เส้นเอ็น ข้อต่อ คลายตัวออก
แล้วสร้างกล้ามเนื้อ ด้วยการออกกำลังกายกล้ามเนื้อมัดลึก
เพื่อทำให้การไหลเวียนของเส้นประสาทไหลเวียนได้ดีขึ้น ก่อนการรักษาโรคนี้
ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางจะทดสอบสภาวะของร่างกายเคสก่อน ว่าที่เป็นอยู่นั้น
เป็นระดับใด รุนแรงมากน้อยเพียงใด
เพื่อประเมินว่าหากต้องรักษาด้วยการปรับโครงสร้างร่างกายจะสามารถรักษาให้หายได้ด้วยวิธีใด
ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความรุนแรง และการตอบสนองต่อการรักษาของร่างกายแต่ละเคส หากท่านเป็นคนหนึ่งที่เห็นศักยภาพร่างกายตัวเอง
ไม่ต้องการรักษาด้วยการทานยาหรือผ่าตัด
การรักษาด้วยการปรับโครงสร้างร่างกาย
เป็นการรักษาด้วยเทคนิคเฉพาะทางของผู้เชี่ยวชาญระบบกระดูกกล้ามเนื้อ
เป็นทางเลือกสำหรับท่านที่เป็นโรคนี้ เพียงแต่ตัวท่านเองต้องรู้จักร่างกายตัวเอง
เพิ่มในสิ่งที่ขาดและลดคลายในสิ่งที่เกิน ร่างกายคนเราสมดุลมาแล้วแต่ต้น
เพียงการใช้ร่างกายที่มากเกินไปจึงเกิดโรคและปัญหาตามมา
หากรู้เท่าทันก็สามารถแก้ไขได้ เพราะระบบร่างกายเรา
ระบบกระดูกกล้ามเนื้อคนเราเป็นเนื้อเยื่อที่ฝึกได้ แต่ต้องได้รับการฝึกที่ถูกต้องเท่านี้นเองก็สามารถแก้ไขปัญหาที่เป็นได้
ให้โอกาสร่างกายตัวท่านเองได้สัมผัสกับแนวทางที่ถูกต้องนะคะ
เพื่อร่างกายนี้จะได้อยู่กับท่านจนถึงวัยอันเหมาะควรตามอายุขัย
แล้วพบกันฉบับหน้ากับปัญหาหลังๆ ที่ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด แต่ควรตระหนักไว้แต่เนิ่นนะคะ
สวัสดีค่ะ