disable right click

วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2559

กระดูกหัวสะโพกตาย (Osteonecrosis of Hip)




กระดูกหัวสะโพกตาย (Osteonecrosis of Hip) 
กระดูกหัวสะโพกตายทำให้คนไข้เจ็บทรมานมาก เกิดจากเลือดไม่ไปหล่อเลี้ยงทำให้เซลล์กระดูกตาย กระดูกสะโพกตายนำไปสู่การทำลายของสะโพกและเป็นโรคข้อเสื่อมในที่สุด
Osteonecrosis อาจเรียกว่า Avascular necrosis หรือว่า Aseptic necrosis ถึงแม้ว่าโรคกระดูกตายจะสามารถเกิดขึ้นที่กระดูกชิ้นไหนก็ได้ แต่ที่พบบ่อยที่สุดมักจะเป็นสะโพก คนไข้ชาวอเมริกันจำนวนมากกว่า20,000 คนต่อปี เข้ารับการรักษาโรคนี้ที่โรงพยาบาล ส่วนใหญ่จะเป็นสะโพกทั้ง 2 ข้าง
โครงสร้าง
สะโพกนั้นเป็นข้อต่อโดยมีลักษณะเป็นหัวและเบ้า บริเวณเบ้าจะเรียกว่า Acetabulum ที่เป็นส่วนที่ใหญ่ที่สุดของกระดูกเชิงกราน ส่วนหัวกระดูกนั้นจะเรียกว่า Femoral Head ที่เป็นส่วนปลายด้านบนของกระดูกขาท่อนบน ส่วนเนื้อเยื่อที่ช่วยให้ข้อลื่นไหลได้นั้น เรียกว่า Articular Cartilage ที่จะปกคลุมบริเวณผิวของหัวและเบ้า จะช่วยให้ผิวข้อสะโพกไหลลื่น ไม่เกิดการเสียดสีกันเวลาที่ขยับสะโพกและกระดูกหัวและเบ้าหมุนขยับไปมา
สาเหตุ
กระดูกสะโพกตายจะเริ่มเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ หากเลือดที่มาเลี้ยงบริเวณหัวกระดูกถูกขัดขวาง เมื่อเลือดมาเลี้ยงได้น้อยไม่เพียงพอหัวกระดูกต้นขาก็จะเริ่มตายและทรุด ต่อมาผิวข้อส่วนที่ปกคลุมกระดูกก็ทรุดตัวและบางลง ก่อให้เกิดโรคข้อเสื่อมตามมาได้

ปัจจัยเสี่ยง
มีหลายปัจจัยดังนี้
·         ได้รับบาดเจ็บจากสะโพกเคลื่อน สะโพกหัก และการบาดเจ็บอื่นที่ทำลายหลอดเลือดที่มาเลี้ยงที่บริเวณหัวกระดูกและมีระบบไหลเวียนเลือดที่แย่ลง
·         มีการดื่มแอกลฮอล์เป็นประจำ
·         รับประทานยาสเตียรอยด์ รักษาโรคจำนวนมาก เช่น หอบหืด  ข้ออักเสบรูมาตอยด์ และว่าโรคภูมิแพ้ตนเอง(SLE) อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการเกิดโรคกระดูกตาย
·         โรคหรือสภาวะอื่นที่สัมพันธ์ต่อการเกิดกระดูกตาย เช่น Caisson disease /Sickle cell disease /Myeloproliferative disorders / Gaucher’s disease / Systemic lupus erythematosus / Crohn’s disease,Arterial embolism,Thombosis และ Vasculitis

อุบัติการเกิดโรค
แม้โรคกระดูกตายจะเกิดได้กับทุกอายุ แต่ว่าโดยส่วนใหญ่มันเกิดในผู้ป่วยอายุ 40-65 ปี และเกิดได้ในเพศชายมากกว่าเพศหญิง
อาการ
ความรุนแรงแบ่งเป็นหลายระดับ อาการแรกที่พบได้คือปวดสะโพก และอาจจะนำไปสู่การปวดแบบตื้อหรือปวดตุ๊บๆที่บริเวณขาหนีบหรือสะโพก หากเป็นมากขึ้นจะทำให้คนไข้ยืนได้ลำบากมากขึ้น เพราะว่าต้องทิ้งน้ำหนักลงบนสะโพกข้างนั้น และทำให้ปวดมากขึ้นเมื่อเวลาต้องขยับข้อสะโพก
ระยะเวลาการดำเนินไปของโรคจากระดับความรุนแรงระดับหนึ่งไปสู่อีกระดับหนึ่งมีตั้งแต่ หลายเดือนไปจนถึงเป็นปี หากได้รับการตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ อาจจะทำให้ได้รับผลดีกว่า

การตรวจวินิจฉัย
แพทย์จะตรวจสะโพกเพื่อดูว่าท่าใดบ้างที่สามารถทำให้ปวดสะโพกได้ หลังการซักถามประวัติอย่างละเอียดแล้ว
การตรวจทางภาพถ่าย
ภาพถ่ายจะช่วยให้แพทย์ยืนยันการวินิจฉัยได้ ·        ภาพ X-ray ช่วยดูความแข็งแรงของโครงสร้าง และว่ากระดูกส่วน Femoral Head ทรุดมากแค่ไหน รุนแรงมากไหม·       
Magnetic resource imaging (MRI) จะช่วยประเมินได้ว่าโรคนี้ได้ส่งผลต่อกระดูกมากน้อยแค่ไหนแล้วและยังสามารถตรวจพบกระดูกสะโพกตายตั้งแต่เริ่มต้น แม้ว่าจะยังไม่แสดงอาการ
การรักษา
แม้ว่าการรักษาโดยการไม่ผ่าตัด อย่างเช่น การทานยา การใช้ไม้ค้ำยัน จะช่วยบรรเทาอาการปวดและสามารถชะลอการดำเนินไปของโรค แต่ว่าการรักษาที่ดีที่สุดก็คือการผ่าตัด คนไข้ที่มีการตรวจพบกระดูกสะโพกตายแต่เนิ่นๆนั้นเหมาะมากที่จะใช้วิธีแบบประคับประคองดังนี้
1.      Core Decompression 
แพทย์จะต้องเจาะรูใหญ่ 1 รู หรือ รูเล็กอีกหลายรู เข้าไปใน Femoral Head เพื่อที่จะลดแรงกดกระดูกและสร้างช่องให้กับหลอดเลือดใหม่ ๆ เพื่อที่จะบำรุงกระดูกส่วนที่มีปัญหา
             หากเมื่อได้รับการตรวจพบว่าเป็นกระดูกสะโพกตายเสียแต่เนิ่นๆ วิธี Core Decompression จะประสบความสำเร็จ ในการป้องกันการทรุดของFemoral Headได้ และกลายเป็นข้อเสื่อม
               Core Decompression มักทำรวมกับ Bone Grafting เพื่อที่จะช่วยเสริมสร้างกระดูกที่แข็งแรงและจะช่วยเสริมกระดูกอ่อนของข้อสะโพก ซึ่ง Bone Graft คือเนื้อเยื่อกระดูกที่แข็งแรงซึ่งปลูกถ่ายในบริเวณที่ต้องการ มีทางเลือกในการทำBone Graft อยู่มากมายในปัจจุบัน วิธีมาตรฐาน ก็คือ เอากระดูกมาจากส่วนหนึ่งในร่างกาย (Harvest) ย้ายมาปลูกถ่ายส่วนอื่นของร่างกาย ซึ่งเนื้อเยื่อประเภทนี้เรียกว่า Autograft
ศัลยแพทย์จำนวนมากจะใช้กระดูกจากผู้บริจาคหรือจากร่างที่ได้เสียชีวิตแล้ว เนื้อเยื่อนี้ปกติจะได้มาจาก Bone Bank กระดูกก็สามารถบริจาคได้หลังเสียชีวิตแล้วเหมือนกับอวัยวะอื่น และในปัจจุบันยังมีเนื้อเยื่อกระดูกสังเคราะห์อีกหลายแบบอีกด้วย

2.      Vascularized Fibula Graft
วิธีนี้แพทย์จะใช้กระดูกส่วนเล็กที่ขา (Fibula) ตามด้วยเลือดที่มาหล่อเลี้ยง นำไปปลูกถ่ายในรูที่สร้างขึ้นมาตรงบริเวณ Femoral Neck และ Head ของสะโพก หลอดเลือดดำและหลอดเลือดแดงก็จะปลูกถ่ายเพื่อหล่อเลี้ยงบริเวณส่วนที่กระดูกตายไป

3.      Total Hip Replacement
ถ้าหากคนไข้ที่เป็นกระดูกสะโพกตายมีส่วนของ Femoral Head ได้ทรุดลงมาก การรักษาที่ประสบผลสำเร็จที่สุด นั่นคือ การเปลี่ยนข้อสะโพก วิธีนี้จะเปลี่ยนจากผิวข้อที่เสียหาย แทนด้วยข้อเทียม
               การผ่าตัดนี้ได้ผลดีในเรื่องการลดความเจ็บปวดและสามารถกลับไปใช้งานเหมือนเดิมได้ถึงร้อยละ 90-95 ของคนไข้ทั้งหมด วิธีการนี้ถือว่าเป็นวิธีการผ่าตัดที่ประสบความสำเร็จที่สุด
 ผลการรักษา
Core Decompression จะช่วยป้องกันการดำเนินไปของโรคไม่ให้เป็นข้อเสื่อมได้ และอาจต้องเปลี่ยนผิวข้อเทียมประมาณร้อยละ 25-85 ของเคส ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงและขนาดของกระดูกที่ตายในช่วงที่ทำการรักษา
Core Decompression ได้รับผลดีที่สุดเมื่อได้รับการตรวจพบเสียแต่เนิ่นๆก่อนกระดูกจะทรุด มีคนไข้จำนวนมาก ได้รับการรักษาและมีเลือดมาหล่อเลี้ยงหลังจากที่ทำ Core Decompression ซึ่งต้องใช้เวลา 2-3 เดือนให้กระดูกได้รับการรักษา ในช่วงนี้อาจต้องใช้ ไม้ค้ำยันเพื่อป้องกันการลงน้ำหนักลงบนกระดูกที่เสียหายไป
คนไข้ที่รักษาด้วย Core Decompression ที่ประสบความสำเร็จมักจะกลับไปเดินได้ โดยที่ไม่ต้องมีตัวช่วยเดินในเวลาประมาณ 3 เดือนและความเจ็บปวดหายไป
เมื่อตรวจพบกระดูกสะโพกตายหลังจากกระดูกทรุดแล้ว Core Decompression ไม่สามารถป้องกันไม่ให้ทรุดเพิ่มได้และจะใช้วิธีนี้ไม่สำเร็จ ในกรณีนี้ การผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกจะให้ผลการรักษาที่ดีที่สุด ที่จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดและกลับไปใช้งานได้ถึงร้อยละ 90-95 ของคนไข้

ขอยคุณข้อมูลจาก http://ww w.jointdee.info/hip/กระดูกหัวสะโพกตาย/

สมัครแจ้งบทความใหม่ผ่านทาาง Line 
เพิ่มเพื่อน