กระดูกหัวสะโพกตาย (Osteonecrosis of Hip)
กระดูกหัวสะโพกตายทำให้คนไข้เจ็บทรมานมาก
เกิดจากเลือดไม่ไปหล่อเลี้ยงทำให้เซลล์กระดูกตาย กระดูกสะโพกตายนำไปสู่การทำลายของสะโพกและเป็นโรคข้อเสื่อมในที่สุด
Osteonecrosis อาจเรียกว่า Avascular necrosis หรือว่า Aseptic necrosis ถึงแม้ว่าโรคกระดูกตายจะสามารถเกิดขึ้นที่กระดูกชิ้นไหนก็ได้
แต่ที่พบบ่อยที่สุดมักจะเป็นสะโพก คนไข้ชาวอเมริกันจำนวนมากกว่า20,000 คนต่อปี เข้ารับการรักษาโรคนี้ที่โรงพยาบาล
ส่วนใหญ่จะเป็นสะโพกทั้ง 2 ข้าง
โครงสร้าง
สะโพกนั้นเป็นข้อต่อโดยมีลักษณะเป็นหัวและเบ้า
บริเวณเบ้าจะเรียกว่า Acetabulum ที่เป็นส่วนที่ใหญ่ที่สุดของกระดูกเชิงกราน
ส่วนหัวกระดูกนั้นจะเรียกว่า Femoral
Head ที่เป็นส่วนปลายด้านบนของกระดูกขาท่อนบน
ส่วนเนื้อเยื่อที่ช่วยให้ข้อลื่นไหลได้นั้น เรียกว่า Articular Cartilage ที่จะปกคลุมบริเวณผิวของหัวและเบ้า
จะช่วยให้ผิวข้อสะโพกไหลลื่น ไม่เกิดการเสียดสีกันเวลาที่ขยับสะโพกและกระดูกหัวและเบ้าหมุนขยับไปมา
สาเหตุ
กระดูกสะโพกตายจะเริ่มเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ
หากเลือดที่มาเลี้ยงบริเวณหัวกระดูกถูกขัดขวาง เมื่อเลือดมาเลี้ยงได้น้อยไม่เพียงพอหัวกระดูกต้นขาก็จะเริ่มตายและทรุด
ต่อมาผิวข้อส่วนที่ปกคลุมกระดูกก็ทรุดตัวและบางลง ก่อให้เกิดโรคข้อเสื่อมตามมาได้
ปัจจัยเสี่ยง
มีหลายปัจจัยดังนี้
·
ได้รับบาดเจ็บจากสะโพกเคลื่อน สะโพกหัก และการบาดเจ็บอื่นที่ทำลายหลอดเลือดที่มาเลี้ยงที่บริเวณหัวกระดูกและมีระบบไหลเวียนเลือดที่แย่ลง
·
มีการดื่มแอกลฮอล์เป็นประจำ
·
รับประทานยาสเตียรอยด์ รักษาโรคจำนวนมาก เช่น
หอบหืด ข้ออักเสบรูมาตอยด์ และว่าโรคภูมิแพ้ตนเอง(SLE) อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการเกิดโรคกระดูกตาย
·
โรคหรือสภาวะอื่นที่สัมพันธ์ต่อการเกิดกระดูกตาย
เช่น Caisson disease /Sickle cell disease /Myeloproliferative disorders
/ Gaucher’s disease
/ Systemic lupus
erythematosus
/ Crohn’s disease,Arterial
embolism,Thombosis และ Vasculitis
อุบัติการเกิดโรค
แม้โรคกระดูกตายจะเกิดได้กับทุกอายุ
แต่ว่าโดยส่วนใหญ่มันเกิดในผู้ป่วยอายุ 40-65 ปี และเกิดได้ในเพศชายมากกว่าเพศหญิง
อาการ
ความรุนแรงแบ่งเป็นหลายระดับ
อาการแรกที่พบได้คือปวดสะโพก และอาจจะนำไปสู่การปวดแบบตื้อหรือปวดตุ๊บๆที่บริเวณขาหนีบหรือสะโพก
หากเป็นมากขึ้นจะทำให้คนไข้ยืนได้ลำบากมากขึ้น เพราะว่าต้องทิ้งน้ำหนักลงบนสะโพกข้างนั้น
และทำให้ปวดมากขึ้นเมื่อเวลาต้องขยับข้อสะโพก
ระยะเวลาการดำเนินไปของโรคจากระดับความรุนแรงระดับหนึ่งไปสู่อีกระดับหนึ่งมีตั้งแต่
หลายเดือนไปจนถึงเป็นปี หากได้รับการตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ อาจจะทำให้ได้รับผลดีกว่า
การตรวจวินิจฉัย
แพทย์จะตรวจสะโพกเพื่อดูว่าท่าใดบ้างที่สามารถทำให้ปวดสะโพกได้
หลังการซักถามประวัติอย่างละเอียดแล้ว
การตรวจทางภาพถ่าย
ภาพถ่ายจะช่วยให้แพทย์ยืนยันการวินิจฉัยได้ · ภาพ X-ray ช่วยดูความแข็งแรงของโครงสร้าง และว่ากระดูกส่วน Femoral Head ทรุดมากแค่ไหน
รุนแรงมากไหม·
Magnetic resource
imaging (MRI) จะช่วยประเมินได้ว่าโรคนี้ได้ส่งผลต่อกระดูกมากน้อยแค่ไหนแล้วและยังสามารถตรวจพบกระดูกสะโพกตายตั้งแต่เริ่มต้น
แม้ว่าจะยังไม่แสดงอาการ
การรักษา
แม้ว่าการรักษาโดยการไม่ผ่าตัด
อย่างเช่น การทานยา การใช้ไม้ค้ำยัน จะช่วยบรรเทาอาการปวดและสามารถชะลอการดำเนินไปของโรค
แต่ว่าการรักษาที่ดีที่สุดก็คือการผ่าตัด คนไข้ที่มีการตรวจพบกระดูกสะโพกตายแต่เนิ่นๆนั้นเหมาะมากที่จะใช้วิธีแบบประคับประคองดังนี้
1.
Core
Decompression
แพทย์จะต้องเจาะรูใหญ่ 1 รู หรือ รูเล็กอีกหลายรู เข้าไปใน Femoral Head เพื่อที่จะลดแรงกดกระดูกและสร้างช่องให้กับหลอดเลือดใหม่
ๆ เพื่อที่จะบำรุงกระดูกส่วนที่มีปัญหา
หากเมื่อได้รับการตรวจพบว่าเป็นกระดูกสะโพกตายเสียแต่เนิ่นๆ
วิธี Core Decompression จะประสบความสำเร็จ
ในการป้องกันการทรุดของFemoral Headได้
และกลายเป็นข้อเสื่อม
Core Decompression มักทำรวมกับ Bone Grafting เพื่อที่จะช่วยเสริมสร้างกระดูกที่แข็งแรงและจะช่วยเสริมกระดูกอ่อนของข้อสะโพก
ซึ่ง Bone Graft คือเนื้อเยื่อกระดูกที่แข็งแรงซึ่งปลูกถ่ายในบริเวณที่ต้องการ
มีทางเลือกในการทำBone Graft
อยู่มากมายในปัจจุบัน วิธีมาตรฐาน ก็คือ เอากระดูกมาจากส่วนหนึ่งในร่างกาย (Harvest) ย้ายมาปลูกถ่ายส่วนอื่นของร่างกาย ซึ่งเนื้อเยื่อประเภทนี้เรียกว่า
Autograft
ศัลยแพทย์จำนวนมากจะใช้กระดูกจากผู้บริจาคหรือจากร่างที่ได้เสียชีวิตแล้ว
เนื้อเยื่อนี้ปกติจะได้มาจาก Bone
Bank กระดูกก็สามารถบริจาคได้หลังเสียชีวิตแล้วเหมือนกับอวัยวะอื่น
และในปัจจุบันยังมีเนื้อเยื่อกระดูกสังเคราะห์อีกหลายแบบอีกด้วย
2.
Vascularized
Fibula Graft
วิธีนี้แพทย์จะใช้กระดูกส่วนเล็กที่ขา
(Fibula) ตามด้วยเลือดที่มาหล่อเลี้ยง
นำไปปลูกถ่ายในรูที่สร้างขึ้นมาตรงบริเวณ Femoral Neck และ Head ของสะโพก หลอดเลือดดำและหลอดเลือดแดงก็จะปลูกถ่ายเพื่อหล่อเลี้ยงบริเวณส่วนที่กระดูกตายไป
3.
Total
Hip Replacement
ถ้าหากคนไข้ที่เป็นกระดูกสะโพกตายมีส่วนของ
Femoral Head
ได้ทรุดลงมาก การรักษาที่ประสบผลสำเร็จที่สุด นั่นคือ การเปลี่ยนข้อสะโพก
วิธีนี้จะเปลี่ยนจากผิวข้อที่เสียหาย แทนด้วยข้อเทียม
การผ่าตัดนี้ได้ผลดีในเรื่องการลดความเจ็บปวดและสามารถกลับไปใช้งานเหมือนเดิมได้ถึงร้อยละ
90-95 ของคนไข้ทั้งหมด
วิธีการนี้ถือว่าเป็นวิธีการผ่าตัดที่ประสบความสำเร็จที่สุด
ผลการรักษา
Core Decompression จะช่วยป้องกันการดำเนินไปของโรคไม่ให้เป็นข้อเสื่อมได้
และอาจต้องเปลี่ยนผิวข้อเทียมประมาณร้อยละ 25-85 ของเคส ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงและขนาดของกระดูกที่ตายในช่วงที่ทำการรักษา
Core Decompression ได้รับผลดีที่สุดเมื่อได้รับการตรวจพบเสียแต่เนิ่นๆก่อนกระดูกจะทรุด
มีคนไข้จำนวนมาก ได้รับการรักษาและมีเลือดมาหล่อเลี้ยงหลังจากที่ทำ Core Decompression ซึ่งต้องใช้เวลา 2-3 เดือนให้กระดูกได้รับการรักษา
ในช่วงนี้อาจต้องใช้ ไม้ค้ำยันเพื่อป้องกันการลงน้ำหนักลงบนกระดูกที่เสียหายไป
คนไข้ที่รักษาด้วย Core Decompression ที่ประสบความสำเร็จมักจะกลับไปเดินได้
โดยที่ไม่ต้องมีตัวช่วยเดินในเวลาประมาณ 3 เดือนและความเจ็บปวดหายไป
เมื่อตรวจพบกระดูกสะโพกตายหลังจากกระดูกทรุดแล้ว
Core Decompression ไม่สามารถป้องกันไม่ให้ทรุดเพิ่มได้และจะใช้วิธีนี้ไม่สำเร็จ
ในกรณีนี้ การผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกจะให้ผลการรักษาที่ดีที่สุด ที่จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดและกลับไปใช้งานได้ถึงร้อยละ
90-95 ของคนไข้
ขอยคุณข้อมูลจาก http://ww w.jointdee.info/hip/กระดูกหัวสะโพกตาย/
