disable right click

วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2558



✪ เคล็ดลับการนวดเพื่อบรรเทา อาการปวดบ่าและไหล่    

เวลาที่รู้สึกว่าเกิดอาการตึงๆ ขึ้นที่คอ บ่าและไหล่อย่าคิดว่ามันเรื่องเล็กเชียว เพราะอาการปวดบ่า,ปวดไหล่ หรือปวดสะบัก นั้นมักจะเกิดขึ้นกับใครหลายๆ คน  โดยเฉพาะผู้ที่นั่งทำงานอยู่กับที่ ที่ส่วนใหญ่จะเป็นหนุ่มสาวออฟฟิศ ที่วันๆ เอาแต่นั่งจ้องหน้าจอคอมแทบไม่ค่อยได้ลุกไปไหน ทำให้เกิดอาการดังกล่าวได้ ทำให้เรามักจะได้ยินเสียงบ่นว่าปวดบ่าอยู่เป็นประจำ 
หลายคนใช้วิธีหาครีมมานวดเวลาที่ปวดบ่า,ปวดไหล่ หรือปวดสะบัก เพื่อที่จะได้ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและหายปวด แต่อาการปวดบ่า ปวดไหล่ ถ้าเกิดขึ้นเป็นประจำหรือมากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเช่นกัน  

✪ สาเหตุของการปวดบ่า,ปวดไหล่ หรือปวดสะบัก 
หลายคนที่เกิดอาการปวดบ่า,ปวดไหล่ หรือปวดสะบัก  ส่วนใหญ่จะเป็นเพราะนั่งทำงานจกออฟฟิศทั้งวันแล้ว กลับมาบ้านยังมานั่งทำงานต่อจนดึกๆ ดื่นๆ แถมก่อนนอนยังรู้สึกปวดตึงที่คอและไหล่มาก ๆ  ซึ่งอาการเหล่านี้ เป็นโรคที่เกี่ยวกับกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงต่อโรคที่เรียกว่าออฟฟิศซินโดรม ซึ่งพบมากในกลุ่มคนวัยทำงาน ช่วงอายุ 20 ถึง30 ปีขึ้นไป ทั้งเพศชายและหญิง แต่ปัจจุบันพบในกลุ่มตั้งแต่อายุ 15 ปีอย่างนักเรียนและนักศึกษาที่มีพฤติกรรมที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย และมีไลฟ์สไตล์แบบเดิมซ้ำ ๆ กันไม่ว่าจะเป็น นั่งเรียน อ่านหนังสือ หรือการเล่นคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ  

✪ อาการเบื้องต้นของการปวดบ่า,ปวดไหล่ หรือปวดสะบัก 
อาการที่พบเบื้องต้นอย่างการปวดตึงที่คอ ปวดบ่าและไหล่ รวมถึงการปวดหลัง หรือปวดศีรษะ เป็นอาการที่ไม่ได้ร้ายแรงมาก แต่อาการเบื้องต้นเหล่านี้ อาจจะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆไม่ว่าจะเป็นโรคนอนไม่หลับ โรคเบาหวาน โรคเซ็กส์เสื่อม โรคหัวใจ โรคข้อ รวมถึงกล้ามเนื้ออักเสบ และปัญหาเกี่ยวกับด้านฮอร์โมนต่าง ๆ ซึ่งอาการเบื้องต้นดังกล่าวเป็นบ่อเกิดที่จะทำให้เกิดโรคอื่นๆ ตามมาแม้บางโรคอาจจะไม่ได้ร้ายแรงเท่าใดนัก หากแต่ก็สามารถทำให้ผู้ที่ประสบปัญหาอาการปวดบ่า,ปวดไหล่ หรือปวดสะบัก เหล่านี้ต้องพบแพทย์เพื่อตรวจและทำการรักษาต่อไป ซึ่งไม่ควรจะปล่อยไว้นานเกินไป

✪ วิธีบำบัดอาการปวดบ่า,ปวดไหล่ หรือปวดสะบัก 

วิธีป้องกันหรือบำบัดอาการออฟฟิศซินโดรม ที่มักจะทำให้เกิดอาการปวดบ่า,ปวดไหล่ หรือปวดสะบัก บ่อยๆเป็นเรื่องที่ไม่ยากนัก เพียงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ทำอยู่เป็นประจำ ซ้ำๆเดิม ๆ และหันมาออกกำลังกายเป็นประจำ อย่างการบริหารคอด้วยการก้มเงยพร้อมกับ ทำการหมุนคอ เพื่อยืดกล้ามเนื้อบริเวณหัวไหล่ ประมาณวันละ 2 รอบ เพื่อให้ร่างกายได้มีการเคลื่อนไหว ไม่เป็นแหล่งบ่มเพาะของอาการออฟฟิศซินโดรมต่อไป