ร่างกายเหนื่อยได้ผุพังเป็นโดยเฉพาะกระดูกเราจะมองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นภายในนั้นบ้าง
ในระหว่างที่กระดูกค่อย ๆ
เสื่อมสภาพลงไปทุกวันแบบที่เราไม่รู้ตัวเราก็ยังคงทำกิจกรรมปกติเหมือนทุกวัน จนไม่ได้นึกถึงว่ามันจะได้รับผลกระทบอย่างไรไปถึงกระดูกบ้าง
โรคกระดูกพรุนก็เกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไปจนในที่สุดเมื่ออาการหนักมากเริ่มมีอาการเจ็บปวดแสดงออกมาให้เห็น
หากรู้ตัวให้รีบไปหาหมอในทันทีเพื่อหาทางรักษา
การรักษาโรคกระดูกเสื่อมในเบื้องต้น
คนที่ป่วยเป็นโรคกระดูกเสื่อมแล้วให้ทำตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
สำหรับคนที่อาการไม่หนักมากจะต้องลดกิจกรรมหนัก ๆ
ทีทำอยู่ลงไปเพื่อลดการใช้งานกระดูกที่กำลังเปราะบางอยู่
ถ้าหากยังทำงานหนักต่อไปจะทำให้กระดูกหักเร็วขึ้นและต้องทานยาให้ครบตามที่หมอสั่งด้วย
แต่สำหรับคนที่อาหารหนักมาก ๆ
กระดูกเสื่อมสภาพอย่างหนักแพทย์จะมีการรักษาที่ยากกว่าเดิมโดยค่ารักษาอาจจะต้องแพงขึ้นตามไปด้วย
มันก็ต้องจ่ายเพื่อรักษา
ใครที่ยังไม่ได้เป็นโรคกระดูกเสื่อม
ร่างกายยังแข็งแรงอยู่ก็อย่านิ่งนอนใจควรบำรุงกระดูกได้แล้วตั้งแต่ตอนนี้เพื่อเป็นการเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกระดูก
เพราะในทุกวันกระดูกมีการสลายแคลเซียมเป็นจำนวนมาก ควรทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5
หมู่ และเลือกทานที่มีแคลเซียมสูง ๆ ด้วย
หากไม่รู้จะบำรุงอย่างไรดีนั้นแนะนำว่าหาอาหารเสริมบำรุงกระดูกมาทานก็ได้ช่วยได้อีกทางหนึ่งเป็นตัวเลือกที่ทำได้กันทุกคน
ข้อควรระวังสำหรับผู้ป่วยโรคกระดูกข้อเสื่อม
โรคกระดูกเสื่อมเป็นสิ่งที่สร้างความลำบากให้ทั้งกายและใจเลยแต่ก็อย่าท้อหากกำลังเผชิญกับมันอยู่
หากเข้ารับการรักษาทันก็ต้องกลับมาแข็งแรงแน่นอน
ฉะนั้นแล้วตอนนี้ผู้ป่วยโรคกระดูกเสื่อมจะต้องให้กำลังใจตัวเอง และลดงานหนักลง
พยายามอย่ายกของหนัก อย่าอยู่ในท่าเดิมซ้ำ ๆ ควรทำอะไรเบา ๆ
ที่ไม่หนักการทำงานของกระดูกจนเกินไป
และบ้านจะต้องเป็นระเบียนอย่าเอาอะไรวางรกเพราะจะทำให้หกล้มเกิดอุบัติเหตุได้
การขับรถ การเดิมทาง
ไม่ว่าทำกิจกรรมอะไรก็ตามห้ามประสาทเด็ดขาดควรคำนึงถึงความปลอดภัยของชีวิตและร่างกายให้มาก
ไม่ต้องคิดมากไปว่าจะไม่มีทางในการรักษาโรคกระดูกเสื่อมเพราะเทคโนโลยีทางการแพทย์สมัยปัจจุบันนี้ก้าวไกลอย่างมาก
ทำให้มีหลายวิธีช่วยให้กลับมาใช้งานร่างกายได้เหมือนเดิม
อาจจะต้องมีการฉีดปูนบางตัวช่วยเชื่อมกระดูก
บ้างก็ผ่าตัดเปลี่ยนกระดูกเทียนก็ยังได้ แต่ทว่าในการรักษานั้นยิ่งซับซ้อนค่ารักษาก็ยิ่งแพงมากกว่าเดิม
ถ้าจะให้ดีอย่ารอให้เป็นหนักขนาดนั้นเลย มาดูแลตัวเองในตอนนี้จะดีกว่า
ออกกำลังกายด้วยอย่างน้อยสักวันละ 25 – 30 นาที จะดีไม่น้อย
วัยทำงานทั้งหลายอย่ามัวแต่บ้างานเพราะเงินที่หามาได้อาจจะใช้มันไม่คุ้มก็ได้นะ
แบ่งเวลาให้ร่างกายได้ออกมาพักผ่อน ทำกิจกรรมอะไรที่ผ่อนคลายสบายตัวสบายใจบ้าง
เป็นการกระตุ้นให้ร่างกายทำงานได้ดีทุกส่วน
ถ้าเราไม่ดูแลตัวเองคนอื่นก็ช่วยเราไม่ได้นะ
ที่มา : Bumrungrad.com