4 ปัญหาปวดๆ ที่เกิดในยุคสมาร์ทโฟน (1)
ใครเลยจะนึกว่าเจ้าเครื่องมือเล็กๆ
ซึ่งเปรียบเสมือนเพื่อนคู่กายของเราแทบทุกคนเครื่องนี้ จะก่อปัญหาให้เราปวด ปวด
ปวด และปวดได้ขนาดนี้ นั้นเป็นเพราะใช้เกินพอดีหรือใช้ผิดๆ จึงส่งผลเสียต่อสุขภาพ
1.ก้มมากไปทำปวดหลัง
ปัจจุบันนี้มองไปทางไหนก็เห็นแต่คนตั้งหน้าตั้งตาจิ้มกดสมาร์ทโฟนหรือแทบเล็ตเป็นการใหญ่
คุณหมอและนักวิชาการจึงออกมาเตือนว่า ผู้ใช้สมาร์ทโฟนผิดท่าอาจเสี่ยงเกิดอาการบาดเจ็บที่คอ
หลัง หรือมึอได้ เนื่องจากผู้ใช้สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตส่วนมากมักนั่งเล่นในลักษณะที่เรียกว่า
“ไอโพสเจอร์” (lposture) คือ โน้มตัวไปหาอุปกรณ์ในมือซึ่งอยู่ระดับหน้าอก
ส่วนหัวซึ่งมีน้ำหนักมากต้องก้มค้างอยู่นานโดยที่คอและไหล่ต้องรับน้ำหนักมากเกินไป
จึงเกิดอาการปวดเกร็งที่ต้นคอเเละไหล่ นานวันเข้าจะมีผลให้สรีระเปลี่ยนไปได้
ดร.เคนเนธ
ฮันสรัจ ศัลยแพทย์กระดูกเและกระะดูกสันหลัง อธิบายว่ากระดูกสันหลังเป็นที่อยู่ของเส้นประสาทที่เชื่อมต่อไปยังสมอง
และควบคุมการทำงานต่าง ๆ ของร่างกาย ถ้ากระดูกสันหลังผิดรูปไป
เนื่องจากนั่งในท่าที่ไม่ถูกต้อง
จะส่งผลให้เกิดอาการปวด ชา บริเวณมือและขาอ่อนแรง หายใจไม่สะดวก ระบบย่อยและระบบปัสสาวะมีปัญหา นอกจากนี้ งานวิจัยของมหวิทยาลัยแซนแฟรนชิสโกยังระบุว่าการนั่งในท่าที่ไม่ถูกต้อง
เช่น นั่งหลังค่อม ยังมืผลให้ซึมเศร้า น้ำหนักเพิ่ม กรดไหลย้อน ไมเกรน วิตกกังวล หรือระบบหายใจมีปัญหาได้
ส่วนการนั่งในท่าที่ถูกต้องจะช่วยให้ดูสูงสง่าขื้น หายใจได้เต็มปอด มีพลังกายและพลังชีวิตเพิ่มขึ้น
ดร.เคนเนธ
ยังบอกอีกว่า กระดูกสันหลังอาจมีปัญหาได้ตั้งแต่อายุ 29 ปี จึงควรถนอมดูแลรักษาตั้งแต่อายุยังน้อย
โดยอยู่ในท่าที่เหมาะสมอยู่เสมอ คือ ศีรษะตั้งตรง บ่าไม่งุ้ม จะช่วยลดแรงกดกระดูกสันหลังได้
พันตำรวจโท
นายแพทย์จิรันธนิน รตนวารินทร์ชัย กลุ่มงานศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส็ โรงพยาบาลตำรวจ
กล่าวว่า
คนที่ใช้สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตผิดท่า
เช่น ก้มคอลงหาจอภาพ หรือนอนบนโซฟาแล้วโน้มคอลงจ้องจอสมาร์ทโฟน นอกจากนี้ การค้างในท่าเช่นนี้นานเกิน 20-30
นาทีโดยไม่พักยังเป็นสาเหตุให้หมอนรองกระดูกคอเสื่อมเร็ว จนเสี่ยงเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทได้
2.จอเล็ก
ทำลายดวงตา
ผู้ใช้สมาร์ทโฟนทุกที่ทุกเวลา ไม่เว้นแม้แต่บนรถหรือในที่มีแสงสว่างไม่เพียงพอและโหมใช้มากเกินไปพึงระ วัง นักวิจัยต่างประเทศออกมาเตือนผลเสียที่จะเกิดขึ้นกับดวงตาและระบบประสาท จนอาจถึงขั้นเวียนศีรษะ คสื่นไส้ และ อาเจียนได้ นอกจากการใช้โทรศัพท์มือถีอขณะขับรถจะเป็นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะทำให้เสียสมาธิและดวงตาอาจปรับโฟกัสไมทัน ถ้าเพ่งมองสมาร์ทโฟน ติดต่อกันนานๆ เเล้ว ยังมีงานวิจัยที่ชี้วา สมาร์ทโฟนอาจเป็นสาเหตุ ให้เกิด
อาการสายตาสั้นเพิ่มขึ้นได้
โดยระบุว่าตั้งแต่มีสมาร์ทโฟนในป็ พ.ศ. 2540 มีแนวโน้มว่าผู้คนจะสายตาสั้นเพิ่มขึ้นถึง
35 เปอร์เซ็นต์ เหตุเพราะผู้ใช้สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่มักจ้องจอโทรศัพท์ในระยะใกล้เกินไป
โดยมักก้ม
หน้าจ้องจอภาพในระยะที่ใกล้กว่าเมื่ออ่านหนังสือหรือหนังสือพิมพ์ถึง 7 -
8 นิ้ว
ดร.มาร์ก โรเซนฟิลด์ นักวิชาการวิทยาลัยออปโทเมทรี (couege of optometry)
อธิบายว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหน้าจอและตัวหนังสึอที่เล็ก ทำให้ต้องเพ่งใกล้มากขึ้น
ส่งผลให้ดวงตาต้องทำงานหนัก เนื่องจากต้องจ้องจอภาพที่อยู่ไนระยะใกล้เป็นเวลานานยิ่งจอใกล้มากเท่าใด
ดวงตายิ่งทำงานหนักและเกิดอาการล้าได้มากขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้การที่ดวงตาทั้งสองข้างต้องเพ่งไปที่จุดเดียวในระยะเวลานาน
ๆ อาจทำให้รู้สึกล้าหรือปวดศีรษะได้
อีกทั้งเมือจ้องจอโทรศัพท์ติดต่อกันนานเกินโป
จะทำให้ตาแห้ง ซื่งอาจเป็นสาเหตุให้ดวงตาติดเชื้อหรึออักเสบได้ หรึออาจทำให้เลนส์ตาเสื่อมได้เร็วขึ้น
จืงมีโอกาสเป็นต้อกระจกหรือต้อหินมากขึ้น โดยในไต้หวันมีผู้ปวยเป็นต้อกระจกที่อายุระหว่าง
30-50 ปีเพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่ใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตเป็นประจำ
ปวดหลัง
สมัครแจ้งบทความใหม่ผ่านทาาง Line
