ดูแลแก้ไขปัญหาข้อเท้าพลิก
ปกติแล้วอาการข้อเท้าพลิก ข้อเท้าแพลงส่วนใหญ่มักจะ พบในผู้ที่เป็นนักกีฬาที่ต้องมีการปะทะ เช่น นักฟุตบอล และ นักบาสเก็ตบอลจะมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคข้อเท้าพลิกและแพลงมากกว่ากลุ่มอื่นๆ
ทั้งนี้ปัจจัยที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดข้อเท้าพลิกหรือแพลงมี 2 ปัจจัยด้วยกัน คือ
1.ปัจจัยที่เราไม่สามารถแก้ไขได้ คือ การมีอุ้งเท้าที่สูงเกินไปหรืออุ้งเท้าที่เอียงออกไปทางด้านนอก ซึ่งเป็นลักษณะรูปเท้าที่ผิดปกติมาตั้งแต่กำเนิด คนกลุ่มนี้ เมื่อเวลาเดิน ข้อเท้าจะพลิกได้ง่ายกว่าคนปกติ
ในผู้สูงอายุมีปัจจัยเสี่ยงได้ แต่อยู่ในอันดับรองลงไป ผลเนื่องจากสภาพความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อเท้าที่เสื่อมลดลงไป ความรู้สึกเส้นประสาทสัมผัสรอบข้อเท้าที่ช่วยพยุงหรือช่วยทำให้ไม่เกิดข้อเท้าพลิกเสื่อมลงไปตามวัย
2.ปัจจัยที่เราสามารถหลีกเลี่ยงได้ เช่น การใส่รองเท้าส้นสูง โดยเฉพาะส้นหัวเข็ม เพราะรองเท้าพวกนี้ทำให้เวลาการเดินทำให้ความมั่นคงของเท้าลดลงไปโดยอัตโนมัติ เสี่ยงที่จะทำให้เกิดข้อเท้าพลิกได้ง่ายมากกว่าปกติ
อาการของข้อเท้าพลิกและข้อเท้าแพลงมีความรุนแรงแบ่งออกได้เป็น 3 ระดับ คือ
1.ความรุนแรงน้อย เช่น ข้อเท้าพลิกธรรมดา เอ็นยืด ปวดบวมนิดหน่อย พวกนี้ก็สามารถที่จะทำกิจกรรมและเล่นกีฬาต่อไปได้ ไม่จำเป็นต้องไปหาหมอ
2.ความรุนแรงปานกลาง กลุ่มนี้จะมีอาการบาดเจ็บปานกลาง เริ่มมีการฉีกขาดของเส้นเอ็นบางส่วนมีอาการปวด บวมปานกลาง
3.ความรุนแรงมาก กลุ่มนี้เส้นเอ็นมีอาการฉีกขาดอย่างสมบูรณ์ มีการตรวจพบว่า ข้อเท้ามีอาการหลวม อาการปวดจะมาก อาการบวมก็จะบวมมาก กลุ่มนี้ไม่สามารถกลับไปเล่นกีฬาได้ และลงน้ำหนักไม่ได้ด้วย
แนวทางการรักษาข้อเท้าพลิกและข้อเท้าแพลงโดยทั่วไปแบ่งการรักษาออกเป็น 3 ระยะใหญ่ คือ
1. ระยะแรก เรียกว่า ระยะที่จำกัดการเคลื่อนไหวของข้อเท้า คือ เมื่อรู้ว่าข้อเท้าพลิกต้องหยุดการเคลื่อนไหวทุกอย่าง เพื่อจำกัดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น กับเส้นเอ็น เส้นเลือกที่ฉีกขาด และกล้ามเนื้อที่อักเสบไม่ให้เสียหายมากขึ้น โดยที่ 48 ชั่วโมงแรกให้ประคบเย็นบ่อยๆ เพราะว่า 24-48 ชั่วโมงแรก จะมีเลือดออก มีการอักเสบ การฉีกขาดของเนื้อเยื่อต้องใช้ความเย็นเพื่อยับยั้งและลดการฉีกขาดและการอักเสบ หลังจาก 48 ชั่วโมงนั้นค่อยประคบร้อน เพื่อเร่งกระบวนการยุบและเคลียร์เศษเนื้อเยื่อออกไป ในบางกรณีที่ข้อเท้ามีอาการบวมมากขึ้น มีการฉีกขาดของเส้นเอ็นบางส่วน อาจจะต้องใช้ที่รัดข้อเท้าที่เพิ่มประสิทธิภาพในการจำกัดการเคลื่อนไหวของข้อเท้า
2. ระยะที่สอง การรับประทานยา ซึ่งต้องได้รับยาจากคำสั่งแพทย์ ห้ามซื้อยารับประทานเอง
3.ระยะที่สาม ระยะที่มีอาการบวมมากปวดมาก ซึ่งอาจมีกระดูกร้าวหรือกระดูกแตกร่วมด้วย จำเป็นต้องเข้าเฝือก โดยที่ช่วงเวลาในการพักฟื้นตามอาการความรุนแรงและองค์ประกอบร่างกายของแต่ละคน
ขอบคุณข้อมูลจาก นพ.กฤษฎิ์
พฤกษะวัน ศัลยศาสตร์กระดูกและข้อ - เท้าและข้อเท้า
คลินิกโรคกระดูกและข้อ โรงพยาบาลเวชธานี และรายการหมอนอกเวลา
